Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 417
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ผู้ที่สามารถล่วงรู้สถานการณ์ทั้งหมดย่อมเป็นที่พึงปรารถนา ดังนั้น เมื่อทุกคนเห็นว่าหานซั่วสามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามจุดสำคัญต่าง ๆ ในนครออซเซ็นได้อย่างแม่นยำ พวกเขาก็ตกใจกับท่าทีสงบนิ่งและเป็นธรรมชาติของหานซั่ว จึงได้แต่นิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“ไบรอัน ตัวเจ้าอยู่ที่นี่ แต่เจ้ารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละจุดภายในนครออซเซ็นได้ยังไงกัน? หลังจากที่คนทรยศทั้ง 5 คนปรากฏตัวขึ้นในองครักษ์ชุดดำ ฐานลับหลายแห่งก็ถูกทำลาย เพราะคนทรยศพวกนั้นรู้ที่ตั้งของฐานที่มั่นหลัก ๆ ขององครักษ์ชุดดำเป็นอย่างดี แต่การหาข้อมูลสถานการณ์โดยรวมภายในนครออซเซ็นทั้งหมด ขนาดองครักษ์ชุดดำด้วยกันเองยังทำไม่ได้ครอบคลุมขนาดนั้นเลย อย่าบอกนะว่าเจ้าทำได้จริง ๆ?”
ซาบาคัสจ้องมองหานซั่วอย่างไม่เชื่อสายตา และใช้เวลาพักหนึ่งทีเดียว ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
หานซั่วพยักหน้ายอมรับด้วยท่าทีสงบ
“ข้าทำได้ครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาตอบ ท่าทีของทุกคนต่างผสมปนเปไปด้วยความประหลาดใจและความดีใจ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าความดีใจนั้นมากมากยิ่งกว่านัก
หากสิ่งที่หานซั่วพูดเป็นความจริง หานซั่วก็จะสามารถเก็บข้อมูลและเฝ้าสังเกตการณ์ตามฐานที่มั่นขององครักษ์ชุดดำในแต่ละแห่งได้ด้วยตัวเอง ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หากหานซั่วสามารถล่วงรู้ถึงสถานการณ์ในทุก ๆ พื้นที่ของนครออซเซ็นได้อย่างชัดเจน ทุกคนก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และใช้โอกาสนี้พลิกสถานการณ์ได้เลยทีเดียว
เมื่อผู้มีอิทธิพลทั้งสามขององครักษ์ชุดดำ รวมถึงยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์อีก 2 คน ได้ยินหานซั่วตอบว่า “ข้าทำได้” ด้วยความมั่นใจ พวกเขาก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จนลืมไปเสียสิ้นว่ามีเหล่ายอดฝีมือมากมายที่กำลังโอบล้อมพวกเขาอยู่ด้านนอก
ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก หานซั่วกลับคิดว่าพวกเขายังไม่แปลกใจพอ จึงพูดต่อ
“ไม่เพียงแต่ข้าจะเฝ้าสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้ง 4 เขตของนครออซเซ็น แม้แต่บทสนทนาของแอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์ รวมทั้งแผนการและรายละเอียดความเคลื่อนไหวของพวกเขาทุกขณะ ข้าก็สามารถเฝ้าสังเกตการณ์ได้โดยไม่พลาดอะไรเลย
ถ้าข้าต้องการแล้วล่ะก็ นอกจากบางพื้นที่ที่มีการร่ายม่านเวทมนตร์ป้องกันเอาไว้ ตราบใดที่ให้เวลาข้าสักนิด ข้าก็จะสามารถสังเกตการณ์ในนครออซเซ็นได้ทั่วทุกที่ และรู้หมดว่าพวกเขาทำอะไรหรือพูดอะไร ที่ข้าพูดมาคือความจริง ยกตัวอย่างตอนนี้ แอชเบิร์นกับชาลส์กำลังสุมหัวหารือกันว่าจะยึดเขตเหนืออย่างไร โอ้… แล้วพวกเขายังพูดอีกว่า ในบรรดาคนของเคานต์บอริส มีขุนนางคนหนึ่งชื่อบิชอป ซึ่งเป็นสายลับของพวกเขาที่แฝงตัวอยู่ด้วย…”
“เอ่อ… เป็นอะไรกันเหรอ?”
ขณะที่หานซั่วกำลังพูด เขาก็พบว่าทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างมองเขาด้วยความตกตะลึงสุดขีด ดังนั้นเขาจึงถามกลับไปด้วยความงุนงง
“เจ้า… เจ้าเป็นเทพรึยังไงกัน?”
จอมขมังเวทย์ธาตุมืดคราวลีย์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พ่ายแพ้ให้กับหานซั่ว ก็จ้องมองเขาอย่างเลื่อนลอยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทุกคนคิดอยู่ในใจด้วยน้ำเสียงชื่นชม
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เจ้าเป็นเทพรึยังไงกัน? ทั้งผู้มีอิทธิพลทั้งสามขององครักษ์ชุดดำ และยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์อีก 2 คน รวมทั้งโบลแลนด์ เอมิลี่ และฟีบี้ ต่างรู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูดนั้นได้ถูกพูดออกไปก่อนแล้ว
ทั้งความสามารถในการสังเกตการณ์ภายในตัวเมืองได้อย่างชัดเจน และยังหาข้อมูลลับสุดยอดที่เขาต้องการได้โดยไม่ต้องลงมือทำอะไร การทำเช่นนั้นได้ นอกจาก “เทพ” แล้ว แม้แต่ครึ่งเทพยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้ จะเป็น “เทพ” ที่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ และถูกขับไล่ลงมายังโลกมนุษย์กันแน่นะ…?
เมื่อมีความสงสัยของทุกคนต่างสอดคล้องกัน สายตาของพวกเขาจึงจับจ้องต่อไปยังหานซั่ว และรอฟังคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ
หานซั่วไม่ใช่คนโง่ ความงุนงงของเขาหายไปด้วยคำถามของคราวลีย์ที่ว่า “เจ้าเป็นเทพรึยังไงกัน?” และเขาก็รู้ทันทีว่าปีศาจอาคมของเขาที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกที่ในตอนนี้ มีค่าความสำคัญต่อคนในโลกนี้มากแค่ไหน
“ไม่ใช่หรอก ข้าก็แค่ใช้ประโยชน์จากศาสตร์ต่อสู้ที่ข้าฝึกฝน ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจมากขนาดนั้น โอ้… จริงสิ โบลแลนด์ ไว้ข้าจะถ่ายทอดศาสตร์นี้ให้ท่านหลังจากนี้ก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ท่านก็จะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเองนั่นแหละ”
หานซั่วรีบอธิบาย
เมื่อโบลแลนด์ที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ได้ยินสิ่งที่หานซั่วพูด เขาก็แทบล้มพับด้วยความสุขอันล้นปรี่ โชคดีที่โบลแลนด์ไม่ได้เพียงอยู่มานานและใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่า เขารีบจัดการกับความรู้สึกที่ว้าวุ่นนั้น และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ขอบคุณ ศิษย์พี่! ขอบคุณ ศิษย์พี่!”
ทุกคนต่างมีท่าทีอิจฉาขณะสายตาจ้องมองไปยังโบลแลนด์ที่กำลังตื่นเต้นชั่วครู่ แม้แต่จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลก็ยังมีวี่แววอิจฉาในตัวโบลแลนด์ด้วยเช่นกัน พลางรู้สึกว่าการมองการณ์ไกลของโบลแลนด์นั้นช่างร้ายกาจจริง ๆ ที่ได้พบศิษย์พี่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักผู้นี้
“ข้าก็อยากฝึกบ้างเหมือนกัน!”
สายตาของฟีบี้จับจ้องไปที่หานซั่วขณะที่จู่ ๆ เธอก็โพล่งขึ้นมา
หานซั่วรู้สึกผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองฟีบี้ เขาถอนหายใจและพูดอย่างจริงจัง
“ศาสตร์ลับของสำนักเราไม่สามารถสอนให้คนนอกได้หรอก ถึงจะเป็นภรรยาของพวกเราเองก็เถอะ!”
อย่างไรก็ตาม หานซั่วคิดในใจว่าในเมื่อเธอร้องขอจากเขา เขาก็จำต้องจัดการกับมันอย่างเหมาะสมและไม่ด่วนตกลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า สุดท้ายแล้ว เธอก็ต้องรู้ขอบเขตของเธอเองด้วยเช่นกัน
“ฟีบี้ อย่าทำให้เสียเรื่องเลย”
จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลขมวดคิ้วขณะตำหนิฟีบี้
ฟีบี้ยำเกรงอาจารย์ของเธอเป็นที่สุด เธอจ้องมองหานซั่วด้วยความขุ่นเคืองเมื่อได้ยินคำพูดของคาเรล และคิดในใจว่าเมื่อพวกเขาอยู่ตามลำพัง เธอจะต้องได้ฝึกศาสตร์ต่อสู้นี้จากหานซั่วให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยการข่มขู่หรือจู่โจมด้วยอารมณ์ก็ตาม
“ข้ารู้จักกับบิชอปดี ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนทรยศจริง ๆ เราต้องรีบไปที่เขตเหนือและจัดการกับสถานการณ์ที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยล่ะ”
ลอว์เรนซ์รู้สึกหมดความอดทน และตั้งใจที่จะมุ่งหน้าไปหาบอริสที่อยู่ในเขตเหนือทันที เพราะว่าในตอนนี้ มีเพียงเขตนั้นเพียงเขตเดียวที่ยังอยู่ในความควบคุมของพวกเขา
“พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ ข้าจะปิดผนึกภูเขาออร์ดัสนี่ซะ”
คานไดด์ยังคงมีสีหน้าขุ่นมัวเหมือนเช่นเคย เขาลังเลใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดกับทุกคน
จอมขมังเวทย์ห้วงมิติศักดิ์สิทธิ์ลังเลใจเช่นกันหลังจากที่ได้ยินคานไดด์พูด ก่อนจะพยักหน้า และพูดขึ้น
“ตกลง เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันถ้าจะปิดผนึกภูเขาออร์ดัสไว้ชั่วคราว อย่างน้อย เราก็จะยังซ่อนตัวในภูเขาออร์ดัสนี่ได้ในกรณีที่เราป้องกันเขตเหนือไม่สำเร็จขึ้นมา และยังเดินทางออกจากนครออซเซ็นด้วยวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายในภูเขาออร์ดัสได้อีก โชคยังดี ที่อำนาจขององครักษ์ชุดดำยังอยู่ในมือของเจ้าทั้ง 3 คน ไม่อย่างนั้น ถ้าปล่อยให้คนพวกนั้นล่วงรู้ความลับขององครักษ์ชุดดำมากกว่านี้ ข้าเกรงว่าคงจะเกิดปัญหาใหญ่โตทีเดียวล่ะ”
จากบทสนทนาระหว่างคานไดด์และซาบาคัส หานซั่วก็ได้รู้ว่าองครักษ์ชุดดำยังมีความลับอีกมากมายที่ซ่อนเร้นเอาไว้ แม้แต่เรื่องการปิดผนึกภูเขาลูกนี้ไว้ก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าภูเขาทั้งลูกจะสามารถปิดผนึกไว้ได้จริง ๆ แล้วทั้ง 2 คนก็ยังพูดเคยพูดว่าศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำแห่งนี้จะยังคงเป็นที่มั่นสุดท้ายต่อไปได้อีกหลังจากที่ปิดผนึกภูเขาไปแล้ว แสดงว่าความปลอดภัยหลังจากที่ภูเขาออร์ดัสถูกปิดผนึกไปแล้วนั้นคงไม่ต้องสงสัยเลย
“คานไดด์ เราจะปล่อยให้ที่นี่อยู่ในความดูแลของท่าน นี่คือเหรียญตราของข้า”
เอมีสหยิบเหรียญที่เป็นตราประจำตัวของเขาออกมา และยื่นมันให้กับคานไดด์
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
เซซิเลียดูเคร่งขรึมขณะที่เธอก็ส่งเหรียญตราขอตนเองให้กับคานไดด์เช่นกัน
“การปิดผนึกภูเขาออร์ดัส ต้องใช้เหรียญตราของผู้ทรงอิทธิพลทั้ง 3 คน เมื่อภูเขาออร์ดัสถูกปิดตาย ทางเข้าออกทุกทาง รวมทั้งวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายก็จะถูกปิดผนึกไปด้วย นอกจากพวกเราแล้ว คนอื่น ๆ ที่ไม่รู้วิธีก็จะไม่สามารถเข้ามาหรือออกไปจากภูเขาออร์ดัสได้ง่าย ๆ แล้วล่ะ”
เอมีสอธิบายกับหานซั่ว ลอว์เรนซ์ และคนอื่น ๆ
ความลับนี้ก็เป็นสิ่งที่หานซั่วไม่เคยล่วงรู้มาก่อน เมื่อหานซั่วมองไปยังเอมิลี่ เขาก็รู้ว่าเอมิลี่เองก็งุนงงไม่ต่างกัน หลังจากสังเกตท่าทีของคนอื่น ๆ ทุกคน หานซั่วจึงรู้ว่าแม้จะมีสมาชิกระดับสูงขององครักษ์ชุดดำอยู่มากมาย แต่ก็มีเพียงผู้ทรงอิทธิพลทั้งสามและผู้อาวุโสซาบาคัสเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
ดูเหมือนว่าในฐานะองค์กรที่ใหญ่ที่สุดและน่าเกรงขามที่สุดของจักรวรรดิ ความลับต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นไม่ได้เล็กน้อยเพียงเท่าที่ปรากฏให้ทุก ๆ คนเห็น แม้แต่การปิดผนึกทั้งภูเขาออร์ดัสก็อาจเป็นเพียงแค่ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็งที่อยู่เหนือน้ำเท่านั้น
หลังจากที่เอมีสอธิบายเสร็จ ทุกคนก็ตัดสินใจที่จะใช้ทางออกโดยผ่านวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายเพื่อตรงไปยังฐานที่มั่นขององครักษ์ชุดดำที่อยู่ทางเขตเหนือก่อนที่คานไดด์จะปิดผนึกภูเขาออร์ดัส
ทางเขตเหนือเองก็ถูกโจมตีอย่างหนักเช่นกัน และคฤหาสน์ของหานซั่วก็อยู่ในบริเวณนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเขตอื่น ๆ เขตเหนือก็ยังถือว่าปลอดภัยก่วา ส่วนพวกที่โจมตีคฤหาสน์ของหานซั่วโดยไม่คำนึงว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ได้หนีออกไปก่อนที่อัศวินแห่งกองกำลังคุ้มกันเขตเหนือจะมาถึงเสียอีก
เมื่อพวกเขามาถึงปราสาทของเคานต์บอริส ผู้คนที่สนับสนุนลอว์เรนซ์ต่างมารวมตัวกัน ในเมื่อหานซั่วสามารถสังเกตการณ์กองกำลังของแอชเบิร์นและชาลส์ได้อย่างชัดเจน และยังรู้ถึงรายละเอียดของแผนการที่พวกเขากำลังจะทำต่อไป หานซั่วจึงกลายเป็นคนสำคัญที่สุดของที่นี่ไปโดยปริยาย
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ด้วยคำอธิบายของหานซั่ว ทั้งเรื่องการกระจายกำลังของแอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์ การจัดการลับ ๆ ของขุนนางทุกคน สถานการณ์ปัจจุบันของพระราชวัง ตลอดจนการเคลื่อนไหวของเจ้าชายอีก 2 พระองค์ ทุกคนก็รับรู้เรื่องทั้งหมดและเข้าใจสถานการณ์โดยรวมอย่างกระจ่างแจ้ง
จากความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในนครออซเซ็น ความได้เปรียบที่เกิดขึ้นจากการที่หานซั่วสามารถสังเกตการณ์สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ก็เริ่มส่งผลทันที
ภายใต้การชี้นำของหานซั่วในช่วง 2 วันนี้ ผู้ทรยศทั้ง 12 คน ที่อยู่ภายใต้การนำของบิชอปและแฝงตัวอยู่ในกองกำลังคุ้มกันเขตเหนือก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น ส่วนขุนนางที่โชคดีและยังรอดชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นผู้ต่อต้านแอชเบิร์นก็ถูกส่งไปยังปราสาททีละคน ๆ โดยจอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ซาบาคัส ส่วนพวกลิ่วล้อของแอชเบิร์นที่พยายามจะจู่โจมก็ถูกฆ่าตายทันทีด้วยกับดักที่วางเอาไว้ล่วงหน้า
เมื่อมีหานซั่วอยู่ ทั้งลอว์เรนซ์ ผู้เฒ่าฮานน์ และนักยุทธศาสตร์ทหารที่มีเชี่ยวชาญได้ใช้อำนาจของพวกเขาปกป้องเขตเหนือไว้ได้อย่างมั่นคง ทั้ง ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบมากกว่า แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขากลับค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น ก่อตัวเป็นกองกำลังที่สามารถสั่นคลอนอำนาจของแอชเบิร์นและชาลส์ภายในนครออซเซ็นได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ของแอชเบิร์น ชาลส์ และคนอื่น ๆ นั้นยิ่งใหญ่เกินไป ในตอนนี้ 3 ใน 4 เขตเมืองของนครออซเซ็นตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาแล้ว และกองกำลังที่อยู่ใต้อำนาจของพวกเขาก็มีจำนวนมากกว่ากองกำลังของลอว์เรนซ์และคนอื่น ๆ ถึง 4 เท่าตัว ชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกองกำลังคุ้มกันเขตเหนือจึงเทียบไม่ได้เลยเมื่อมองจากสถานการณ์โดยภาพรวมทั้งหมด
ในวันที่ 3 ที่ทุกคนต่างวิตกกังวลว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี หานซั่วก็มองเห็นผ่านปีศาจอาคมตนหนึ่ง และเห็นว่ามีกองกำลังทหารถึง 50,000 คนที่อยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองเขตเหนือของนครออซเซ็นเท่าใดนัก
และเป็นค่ำคืนเดียวกับที่ชายวัยกลางคนร่างผอมคนหนึ่งจูงมือแฟนนี่มาตลอดทาง ก่อนจะพังประตูเมืองเขตเหนือเข้ามา และนำปัญหาใหม่มาให้กับหานซั่ว!
***************************