Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 416
ณ ศูนย์บัญชาการใหญ่องครักษ์ชุดดำ ภูเขาออร์ดัส
วงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายของซาบาคัสนำทุกคนมายังศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหานซั่วและคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาก็พบว่าสถานการณ์ภายในศูนย์บัญชาการใหญ่ไม่ได้สงบอย่างที่คิด
ภูเขาออร์ดัส ในฐานะปราการที่ยอดเยี่ยมที่สุดในนครออซเซ็น กำลังเกิดจลาจล มาตรการและค่ายกลป้องกันมากมายถูกทำลาย เพราะสมาชิกระดับสูงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่อยู่ฝั่งเจ้าชายชาลส์ได้ก่อกบฏขึ้นอย่างลับ ๆ และลงมือทำลายการป้องกันขององครักษ์ชุดดำจากภายใน
จากสมาชิกระดับสูงทั้ง 11 คนที่เข้าร่วมการประชุมลับในครั้งที่แล้ว นอกเหนือจากผู้ทรงอิทธิพลทั้งสามที่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของผู้อาวุโสทั้ง 2 คนแห่งองครักษ์ชุดดำอย่างสุดหัวใจ ก็มี 5 คนในนั้นที่แอบให้การสนับสนุนเจ้าชายชาลส์ และฉวยโอกาสลงมือในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะทำลายการป้องกันต่าง ๆ ภายในศูนย์บัญชาการใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังร่วมมือกับกองทัพของจักรวรรดิเพื่อโจมตีองครักษ์ชุดดำอีกด้วย
การปฏิวัติภายในทำให้ภูเขาออร์ดัสที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนากลับกลายเป็นสนามรบขึ้นมาทันที เมื่อหานซั่วและคนอื่น ๆ มาถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ผ่านวงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย พวกเขาก็ได้ยินเสียงผู้คนตะโกนโหวกเหวกโวยวาย จึงรู้ว่าสถานการณ์ที่นี่เองก็ไม่ได้สงบเรียบร้อยด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น มิติว่างเปล่าที่ถูกฉีกออกจนดูราวกับถูกดาบอันคมกริบกรีดเปิดเส้นทางก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานซั่วและคนอื่น ๆ
“พวกคนทรยศ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าเอมีสและอีก 2 คนครองตำแหน่งมานานเกินไปแล้วอยากให้ตัวเองขึ้นมาแทนที่แน่ ๆ”
ซาบาคัสพูดขึ้นอย่างกลัดกลุ้มทันทีที่เขาปรากฏตัว
ด้วยประสิทธิผลของแก่นมนตรา บาดแผลของหานซั่วก็ค่อย ๆ หดเล็กลงและปิดสนิทในที่สุด ในขณะที่ปีศาจอาคมหลายตนท่องไปตามเส้นทางต่าง ๆ ภายในศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำ และสะท้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับมายังจิตของเขา
ในตอนนี้ มีกองทัพทหารกว่า 5,000 คนอยู่ที่ด้านล่างของภูเขาออร์ดัส และโอบล้อมศูนย์บัญชาการใหญ่ไว้ทั้งหมด และสมาชิกระดับสูงทั้ง 5 คนขององครักษ์ชุดดำก็ได้ร่วมมือกับกองทัพของชาลส์และดยุคแอชเบิร์นในการโจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็ได้ทำลายการป้องกันทั้งหมด เพราะคุ้ยเคยกับโครงสร้างภายในเป็นอย่างดี
ดูเหมือนการสู้รบจะดำเนินไปตามแผน แต่ในฐานะองค์กรในเงามืดของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแลนซล็อต และแม้จะสั่งการโดยคนทรยศทั้ง 5 คน ศูนย์บัญชาการใหญ่ก็ยังสามารถต้านทานการโจมตี และใช้ความได้เปรียบทางภูมิประเทศได้เหนือกว่าศัตรู เห็นได้ชัดว่าเหล่าสมาชิกที่อยู่ภายในศูนย์บัญชาการนั้นคือยอดฝีมือที่แท้จริง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ทรยศที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพันธมิตร ความโกรธเกลียดภายในจิตใจของพวกเขาก็มิอาจข่มได้อีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะศัตรูมากมายที่กำลังถาโถมเข้ามา บางที พวกเขาอาจจะพุ่งตัวลงจากภูเขาออร์ดัสไป และใช้ดาบฟาดฟันผู้ทรยศทั้ง 5 คนให้ร่างแหลกเละเป็นพัน ๆ ชิ้น
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“ตอนนี้มีกำลังทหารประมาณ 5,000 คนอยู่บริเวณตีนเขา ก็ไม่ใช่จำนวนที่มากมายเท่าไหร่ ในเมื่อพวกเรากลับมาถึงนี่แล้ว ก็กำจัดพวกนั้นไม่ยากหรอก”
หลังจากที่เฝ้ามองสถานการณ์ทุกอย่างผ่านปีศาจอาคมแล้ว หานซั่วก็ขมวดคิ้วและหันไปพูดกับซาบาคัส
ซาบาคัสผงะไปทันที และรู้สึกทึ่งกับความสามารถของหานซั่วที่สามารถระบุเหตุการณ์ปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ เพราะตัวเขาเองก็ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบทั้งหมดมาแล้วก่อนที่จะกลับเข้ามาที่นี่ จึงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหานซั่วที่เพิ่งมาถึงก็สามารถล่วงรู้ได้ไม่ต่างกัน ซาบาคัสเคยได้ยินเรื่องราวความน่าอัศจรรย์ของหานซั่วมาจากคนอื่นบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกปักใจเชื่อเลยจนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ในตอนนี้ เมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด เขาก็จ้องมองหานซั่วอย่างพินิจพิจารณา และสังเกตว่าบาดแผลเหวอะที่เคยมีเลือดไหลโชกบนใบหน้าของเขาได้อันตรธานหายไปแล้วโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว
คำทำนายของเกรซถูกต้องแล้วจริง ๆ! การปรากฏตัวของคนที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้จะต้องนำพาอนาคตที่สดใสมาสู่จักรวรรดิแลนซล็อตแน่ ๆ ดูท่าพวกเราอาจจะมีหนทางแก้ไขปัญหาอุบาทว์นี่แล้วก็ได้ ซาบาคัสคิดในใจ
“คนพวกนี้เป็นทหารของจักรวรรดิแลนซล็อต และพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีภูเขาออร์ดัสตามคำสั่งของชาลส์และแอชเบิร์น สำหรับทหารที่รู้เพียงการเคารพต่อคำสั่งของนายเหนือหัว พวกเขาก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ความผิดเป็นของคนที่ออกคำสั่งพวกเขาต่างหาก”
จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลพูด ก่อนจะมองไปยังหานซั่วและพูดต่อ
“เพราะฉะนั้น คนพวกนี้ที่ถือเป็นกระดูกสันหลังในความแข็งแกร่งทั้งหมดทั้งมวลของจักรวรรดิแลนซล็อต ก็จะให้คนบริสุทธิ์อย่างพวกเขาต้องมาตายไปแบบนี้ไม่ได้หรอก”
ขณะที่ปีศาจอาคมกำลังสำรวจสถานการณ์โดยรอบ หานซั่วก็รู้ว่ากองกำลังที่โอบล้อมภูเขาออร์ดัสอยู่นั้น ไม่มีนักเวทย์ธาตุแสงที่เป็นอันตรายต่อกองทัพอสูรมิติมืดของเขาเลยแม้แต่คนเดียว ตอนแรกเขาจึงวางแผนว่าจะอัญเชิญกองทัพอสูรออกมา รวมพลังกับเวทย์ห้วงมิติของซาบาคัสเพื่อจัดการกับภัยคุกคามทั้งหมดให้ราบคาบไปพร้อมกันในคราเดียว แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าความคิดของเขาจะถูกคาเรลขัดไว้เสียก่อน
แม้ว่าวิญญาณของหานซั่วจะลงมาเกิดใหม่ในจักรวรรดิแลนซล็อต เขาก็ไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นประชาชนของจักรวรรดิ และที่วางแผนแบบนั้นก็เพราะเขาไม่ได้ให้ค่าความสำคัญกับชีวิตของคนพวกนั้นมากนักอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลที่มุ่งมั่นต่ออนาคตของจักรวรรดิแลนซล็อตมาโดยตลอดก็ไม่ยอมที่จะให้ทหารผู้บริสุทธิ์พวกนั้นต้องมาตายไปอย่างน่าอนาถ
“งั้นรีบไปตามหาคานไดด์กับคนอื่น ๆ ก่อนจะคิดวางแผนต่อไปเถอะ”
ซาบาคัสพูดอย่างสงบ
“ไม่จำเป็นหรอกครับ พวกเขากำลังมาทางนี้แล้ว”
หานซั่วตอบ
ไม่นานนักหลังจากที่หานซั่วพูดจบประโยค ผู้ทรงอิทธิพลทั้งสามแห่งองครักษ์ชุดดำรวมทั้งสมาชิกระดับสูงคนอื่น ๆ ที่สนับสนุนการตัดสินใจของซาบาคัสก็มาถึง
“ท่านปู่ พวกเราสัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของวงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย ก็เลยมองผ่านกระจกวิเศษ และเห็นว่าพวกท่านมาถึงแล้วน่ะค่ะ”
เซซิเลียพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เอมิลี่เองก็อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าความสนใจของเธอเพ่งเป้ามายังหานซั่วตั้งแต่แรกทันทีที่มาถึง คราบเลือดบนร่างกายของหานซั่วยังคงสดใหม่ และมองเห็นรอยแผลเล็ก ๆ บริเวณหน้าอกของเขาที่ยังไม่สมานกันสนิท
โดยไม่ต้องพิจารณามากนัก เอมิลี่ก็รู้ว่าหานซั่วได้รับบาดเจ็บมา ดวงตาของเธอแดงก่ำขึ้นทันที โดยอยากจะทิ้งทุกอย่าง พุ่งตัวไปอยู่เคียงข้างเขาเหมือนกับฟีบี้ อย่างน้อยได้ช่วยเขาทำแผล หรือถามไถ่เกี่ยวกับการบาดเจ็บของเขาบ้างก็ยังดี
แต่โชคร้าย เธอรู้ดีถึงสถานภาพของตนเอง และเข้าใจว่าการทำอย่างนั้นมีแต่จะสร้างปัญหาให้กับหานซั่ว ในตอนนี้ เอมิลี่จึงทำได้เพียงสะกดกลั้นความเป็นห่วงเป็นใยนั้นไว้ในใจ และส่งผ่านความรู้สึกออกไปทางสายตาเท่านั้น
ในกลุ่มนี้ คนที่หานซั่วสนใจมากที่สุดก็คือเอมิลี่ ทันทีที่เขาเดินทางมาถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ และพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยศัตรูมากมาย หานซั่วก็ปลดปล่อยปีศาจอาคมออกไปตามหาเธอทันที ก่อนจะรู้สึกผ่อนคลายในที่สุดเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัย
หานซั่วสังเกตเห็นความห่วงใยนั้นผ่านดวงตาที่แดงก่ำของเธอ และรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในจิตใจ ทันใดนั้นเอง ฟีบี้ก็ใช้นิ้วเขียนคำว่า “เงียบ” บนมือของหานซั่ว ก่อนจะดึงมือที่กุมไว้แน่นของหานซั่วออก และเดินตรงไปหาเอมิลี่
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
คานไดด์และเอมีสทักทายซาบาคัสด้วยความเคารพ แล้วเอมีสก็อธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง
“เป็นเพราะความประมาทของพวกข้าเองที่ทำให้เกิดการปฏิวัติภายในขึ้นแบบนี้ โชคยังดี ที่ขุมกำลังที่แท้จริงส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา เพราะฉะนั้น ถึงแม้ศูนย์บัญชาการใหญ่จะถูกจู่โจมและเสียหายอย่างนักมาตั้งแต่เริ่ม พวกเราทั้ง 3 คนก็ยังคุมสถานการณ์ไว้ได้ครับ”
ถึงจุดนี้ เอมีส คานไดด์ และคนอื่น ๆ ก็รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นอย่างดี คานไดด์มีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อพูดต่อจากเอมีส
“เจ้าคนทรยศกลุ่มนี้มีหน้าที่หลักในการรวบรวมแล้วส่งข่าวสารจากในพระราชวังโดยเฉพาะ ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิจึงไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย และเป็นเพราะพวกเราไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้าเอง ถึงได้ทำให้ตกเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียเองแบบนี้”
“พวกมัน… ต้องตายกันให้หมด!!!”
ลอว์เรนซ์ตะโกนออกมา
จู่ ๆ ลอว์เรนซ์ที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ ก็มีสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งขึ้นมาทันที เพราะทั้งความเชื่อมั่น กำลังใจ และการสนับสนุนที่จักรพรรดิอูห์เทร็ดมีต่อเขาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลอว์เรนซ์สำนึกในบุญคุญต่ออูห์เทร็ดอย่างมากทีเดียว ในฐานะคนที่มีนิสัยดื้อรั้นอยู่แล้ว ลอว์เรนซ์ก็รู้ดีว่าการตายอย่างกะทันหันของอูห์เทร็ด ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาลส์และแอชเบิร์นอย่างแน่นอน
“ในบรรดาประตูเมืองของนครออซเซ็นทั้ง 4 ทิศ มีประตูเมืองทางฝั่งเหนือที่ยังอยู่ในการควบคุมของเคานต์บอริส ข้าคิดว่าตอนนี้น่าจะมีแค่เขตเหนือเท่านั้นแหละที่ค่อนข้างปลอดภัยมากกว่าที่อื่น”
ลอว์เรนซ์พยักหน้าและพูดด้วยท่าทีสงบ
“การแก้ปัญหาการปฏิวัติภายในนครออซเซ็นให้ได้ก่อนคือเรื่องที่สำคัญที่สุด ข้าเกรงว่าถ้าพวกเราออกไปจากนครออซเซ็น ชาลส์และแอชเบิร์นอาจจะบิดเบือนความจริงบางอย่าง ข้าไม่อยากให้สงครามกลางเมืองบานปลายจนกลายเป็นสงครามใหญ่โต เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้เราชนะสงคราม จักรวรรดิแลนซล็อตของเราคงอ่อนแอลงมากแน่ ๆ”
“ใช่แล้วล่ะ แก้ปัญหาภายในนครออซเซ็นให้ได้ก่อนดีที่สุด แต่ข้าก็กลัวว่านี่จะเป็นไปตามสิ่งที่แอชเบิร์นกับชาลส์ตั้งใจเอาไว้ ในตอนนี้ ยังมีศัตรูที่ทรงพลังคนอื่น ๆ อยู่ภายนอกจักรวรรดิอีกมากมาย แล้วถ้าเกิดจลาจลทั้งจักรวรรดิเพราะเหล่าเจ้าชายต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบัลลังค์ ข้าคิดว่าจักรวรรดิแลนซล็อตต้องเกิดหายนะขึ้นอย่างแน่นอน”
คาเรลเห็นพ้องกับคำพูดของลอว์เรนซ์ และรีบแสดงจุดยืนทันที
“ถ้าอย่างนั้น วิธีที่เร็วที่สุดที่จะหยุดการปฏิวัติ ก็คือกำจัดชาลส์กับแอชเบิร์นให้ได้สินะ แล้วศัตรูคนอื่น ๆ ก็เป็นเหมือนงูหัวขาดเมื่อหัวหน้าใหญ่ถูกฆ่า แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้คงทำไม่ได้ง่าย ๆ เพราะพวกนั้นต้องนึกถึงเรื่องนี้และเตรียมการทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว ข้ามั่นใจว่าคงมียอดฝีมือมากมายที่คอยปกป้องพวกเขาอยู่”
ลอว์เรนซ์พูดต่อ
“อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลย ท่านผู้เฒ่าฮานน์กับคนอื่น ๆ อยู่ที่ประตูเมืองฝั่งเหนือ นอกจากเขาแล้ว ก็มีมาร์ควิสอีกกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนพระบิดาของเจ้าและรอดชีวิตอยู่ พวกเขาอยู่ในปราสาท และในระหว่างนี้ แอชเบิร์นกับคนของเขาก็ยังไม่ได้โจมตีเขตนั้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ พวกเราใช้ที่นั่นเป็นฐานที่มั่นได้นะ แล้วค่อยไปหารือในรายละเอียดหลังจากที่เราไปถึงแล้วดีกว่า”
หานซั่วพูดแทรกขึ้นมา
ลอว์เรนซ์ถึงกับผงะไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหานซั่ว และร้องถาม
“พวกเขาอยู่ที่นั่นกันหมดเลยเหรอ?”
หานซั่วพยักหน้าเพื่อยืนยันและพูดต่อ
“ใช่ นอกจากพวกเขาแล้ว ทั้งเจ้าชายองค์รอง เจ้าชายองค์เล็ก และคนของพวกเขาที่เหลือรอดก็อยู่ที่กำแพงเมืองฝั่งเหนือด้วยเหมือนกัน ซึ่งนอกจากกำแพงเมืองฝั่งนี้แล้ว ทั่วทั้งนครออซเซ็นก็มีแต่ทหารและอัศวินของดยุคแอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์เต็มไปหมดเลย มีแค่ที่นั่นที่เดียวล่ะ ที่ยังพอจะปลอดภัยอยู่”
เพราะปีศาจอาคมกระจายตัวกันสอดแนมไปทุกหัวระแหงของนครออซเซ็น จึงไม่มีใครรู้สถานการณ์ของทั้งเมืองดีไปกว่าหานซั่ว เขาจึงมีสีหน้าท่าทีเรียบเฉย เพราะทุกสิ่งอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมดแล้ว
***********************