Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 408
หานซั่วไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ในสิ่งที่พวกเขาหารือกันต่อหลังจากนั้น เขาเพียงแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องที่ฟีเรนซีจอมบ้าคลั่งเดินทางมาถึงนครออซเซ็น และผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาเพราะเขามากกว่า
จากสิ่งที่หานซั่วเคยสัญญากับแฟนนี่ไว้ หานซั่วก็รู้ว่าทันทีที่ฟีเรนซีเดินทางมาถึง เขาก็ต้องไปพบกับฟีเรนซีในสักวัน และเรื่องที่เขามีทั้งฟีบี้และเอมิลี่อยู่ข้างกายอยู่แล้ว ก็จะต้องถูกเปิดเผยในเวลาไม่ช้าก็เร็ว เขาจึงไม่แน่ใจเลยว่าแฟนนี่จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเธอรู้ความจริงนี้
โดยเฉพาะกับฟีบี้ ที่เพิ่งจะทำใจยอมรับเรื่องเอมิลี่ได้ไม่นาน แต่ก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองไม่หาย หากเธอรู้ว่าเขาเองก็ยังมีแฟนนี่อีกคน เธอจะต้องอาละวาดเป็นแน่ และโชคร้ายสำหรับเขา เมื่อเรื่องราวทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาก็ไม่เหลือหนทางที่จะสามารถปิดบังได้อีก
“ไบรอัน… ไบรอัน!”
ลอว์เรนซ์ร้องเรียกเขาถึง 2 ครั้ง
หานซั่วรู้สึกตัวทันที พลางมองไปยังลอว์เรนซ์ด้วยท่าทีประหลาดใจ
“อะไรเหรอ?”
“เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำยังไงต่อไปดี? กับชาลส์ที่เป็นศัตรูหลักของเรา เจ้ามีความคิดเห็นอะไรบ้างมั้ย?”
ลอว์เรนซ์จ้องมองไปยังหานซั่วด้วยดวงตาเป็นประกายพลางขอความคิดเห็นจากเขา
หานซั่วซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับปัญหาของตัวเองจนไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาปรึกษาหารือกัน เขาจึงส่ายหน้าพร้อมกับตอบ
“ข้าก็ยังคิดอะไรดี ๆ ไม่ออกเหมือนกัน”
เมื่อลอว์เรนซ์ได้ยินคำตอบและเห็นท่าทีกลัดกลุ้มของหานซั่ว เขาก็รู้ทันทีว่าหานซั่วอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ จึงไม่ได้ถามคำถามอะไรเพิ่มเติม และหารือกับคนอื่น ๆ ต่อไป
ไม่นานนัก พวกเขาก็หารือกันเสร็จสิ้น เหล่าขุนนางทุกคนพากันออกไป รวมถึงเอมิลี่และเฒ่าฮานน์ เหลือเพียงฟีบี้ ลอว์เรนซ์ และหานซั่วที่ยังคงอยู่ในห้อง
“ไบรอัน ขอบคุณที่แนะนำท่านคราวลีย์ให้ข้านะ ทำให้มีจอมขมังเวทย์มาอยู่ฝั่งข้าอีกคนหนึ่งเลย!”
หลังจากที่คนอื่น ๆ ออกไปกันหมดแล้ว ลอว์เรนซ์ก็ขอบคุณหานซั่วด้วยความจริงใจ
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หานซั่วชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและตอบ
“คราวลีย์มาเข้าร่วมกับเจ้าแล้วรึ?”
“ใช่ ท่านคราวลีย์บอกว่าเขาทำตามคำแนะนำของเจ้า และตัดสินใจที่จะสนับสนุนข้าน่ะ”
ลอว์เรนซ์อธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ดีแล้วล่ะ …ลอว์เรนซ์ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับฟีบี้ พวกเราคงต้องขอตัวก่อนนะ”
หานซั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา
“เอาสิ เชิญพวกเจ้าทั้ง 2 คนตามสบายเลย”
ลอว์เรนซ์ยิ้ม ขณะลุกขึ้นยืนเพื่อเป็นการส่งพวกเขา
ฟีบี้ทำหน้ามุ่ย เห็นได้ชัดว่าเธอยังโกรธหานซั่วอยู่ ขณะที่ลอว์เรนซ์กำลังเฝ้ามองคนทั้งคู่เดินจากไป ฟีบี้ก็เดินไปขึ้นรถม้า ส่วนหานซั่วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดไปคิดมา และรู้ว่ามีคนมากมายที่รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟีบี้อยู่แล้ว เขาจึงขึ้นรถม้าตามเข้าไปหลังจากนั้น
หากดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน บางที เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้หญิงทั้ง 3 คนอาจจะไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว หานซั่วครุ่นคิดพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจว่าจะยอมสารภาพกับพวกเธอทุกคน ในบรรดา 3 คนนั้น มีเพียงเอมิลี่คนเดียวที่ไม่คิดมากอะไร และบางทีเธออาจจะรับรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างแล้วจากข่าวกรองของพวกองครักษ์ชุดดำ ดังนั้น หานซั่วจึงไม่รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเธอมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งฟีบี้และแฟนนี่คือปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุด เขาไม่สามารถปิดบังได้อีกแม้จะต้องการมากเท่าไร อีกทั้งเรื่องราวอาจเลวร้ายมากขึ้นอีกหากพวกเธอค้นพบด้วยตนเอง หานซั่วจึงทำได้เพียงยอมจำนนต่อโชคชะตา และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะบอกความจริงกับพวกเธอ
ภายในรถม้าอันหรูหรางดงาม หานซั่วมีท่าทีและสีหน้าเด็ดเดี่ยว แต่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดแม้สักคำ ส่วนความโกรธของฟีบี้ก็ยังไม่จางหายไป เธอได้แต่ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจและนั่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ในตอนนั้น สถานการณ์ภายในรถม้าก็ตึงเครียดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานนัก หานซั่วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ หันหน้าไปหาฟีบี้และพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ฟีบี้ นอกจากเจ้ากับเอมิลี่แล้ว ข้ายังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง…”
ฟีบี้เลิกคิ้วขึ้นทันที พลางจ้องมองหานซั่วอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขณะที่รังสีความโกรธแผ่ออกมาจากเรือนร่างอันแสนบอบบาง เธอก็จ้องเขม็งไปที่เขา และกัดฟันพูดออกมา
“เจ้า… เจ้าว่าไงนะ!?”
“ข้าบอกว่านอกจากเจ้ากับเอมิลี่ ข้ายังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง… เธอชื่อแฟนนี่ เคยเป็นอาจารย์ของข้า เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ข้าชอบน่ะ”
เสียงของหานซั่วฟังดูหดหู่ พลางถอนหายใจหลังจากพูดจบ
“ม… หมายความว่ายังไงกัน แล้วเจ้ามาบอกข้าเรื่องนี้ทำไม?”
ฟีบี้ไม่สามารถข่มความโกรธของตนเองไว้ได้อีก เพราะแค่เรื่องเอมิลี่เพียงคนเดียว กว่าเธอจะทำใจยอมรับได้ก็ลำบากแทบตาย แล้วตอนนี้ จู่ ๆ หานซั่วก็มาบอกว่าเขายังมีผู้หญิงคนอื่นอีก ในหัวของฟีบี้สับสนไปหมด และรู้สึกเจ็บแปลบราวกับมีใครเอามีดมากรีดหัวใจ
“เธอเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยของข้า และคอยดูแลเอาใจใส่ข้ามาตั้งแต่แรกเลยน่ะ…”
หานซั่วอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแฟนนี่ให้เธอฟัง เมื่อพูดจบ เขาก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองฟีบี้และพูดขึ้นมา
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรหลอกลวงเจ้าเลย ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเสียใจเท่านั้นเอง เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ และที่ข้ามาบอก ก็ไม่ใช่เพราะต้องการให้เจ้าให้อภัย แต่อยากให้เจ้ารู้ความจริงทุกอย่างจากปากข้าเอง ข้ามันเป็นคนเลวอย่างที่เจ้าเคยว่านั่นแหละ เลวที่สุดของที่สุดเลยด้วย”
“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว!”
ฟีบี้ร้องไห้โฮออกมาในทันที เธอสะอื้นหนักจนไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เมื่อหานซั่วเห็นว่าฟีบี้ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาก็รู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก และรู้ดีว่าคงเปล่าประโยชน์ที่จะพูดอะไรออกไปตอนนี้ เขาจึงได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนจะเปิดประตูรถม้าและเหาะออกไป
หานซั่วรู้มาโดยตลอดว่าฟีบี้เป็นคนหัวแข็ง และหญิงสาวที่หยิ่งทระนงเช่นเธอคงไม่มีวันให้อภัยเขาได้ง่าย ๆ บางที อาจเป็นเพราะฟีบี้มีความรู้สึกที่จริงจังกับเขา จึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินกับสิ่งที่หานซั่วพูดในวันนี้
หานซั่วเข้าใจความเจ็บปวดของผู้หญิงที่เขารักเป็นอย่างดี แต่ความทรมานของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าฟีบี้ และรู้สึกรวดร้าวอย่างที่สุดเช่นกัน ขณะที่กำลังแบกความรู้สึกหนักอึ้งไว้ภายในใจ เขาก็ตรงไปยังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน
เมื่อหานซั่วไปถึงห้องทดลองของแฟนนี่ ก็เป็นช่วงเวลาหลังพักเที่ยงพอดี ตั้งแต่ที่หานซั่วเพิ่งมาพบเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน แฟนนี่ก็ดูมีความสุขและร่าเริงมากอย่างเห็นได้ชัด
เธอเปิดประตูห้องทดลองออกมาโดยตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักเล็กน้อย แต่จู่ ๆ เธอก็มองเห็นหานซั่วกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งภายในห้อง หานซั่วในตอนนี้ดูเหม่อลอย และหน้าซีดอย่างบอกไม่ถูก เขานั่งซึมอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไร ราวกับว่ากำลังคิดอะไรเป็นร้อยเป็นพันอย่างอยู่ในหัว
ด้วยการมองเพียงปราดเดียว แฟนนี่ก็รู้ว่าหานซั่วในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตามปกติแล้ว หานซั่วจะดูมีพลังและกำลังใจแรงกล้า แถมยังชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังและรุ่มร่ามกับเธออยู่เสมอ และเขาก็ไม่เคยหดหู่หรือซึมเศร้าอย่างที่เป็นในวันนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ไบรอัน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
แฟนนี่รู้สึกตกใจและรีบมาอยู่ข้าง ๆ หานซั่วทันที พลางยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากของเขา
เมื่อได้ยินเสียงของแฟนนี่ หานซั่วก็สะดุ้งไปชั่วขณะ และเมื่อเห็นสีหน้าของแฟนนี่ที่กำลังเป็นห่วงเขาอย่างที่สุด ความเจ็บปวดภายในใจของเขาก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เขายังคงเหม่อมองไปไกลราวกับต้องการจะสัมผัสความอ่อนโยนของแฟนนี่ให้มากขึ้นอีก ก่อนจะหันมาจ้องมองเธอ และค่อย ๆ ซึมซาบความอบอุ่นจากมือของแฟนนี่ด้วยความอิ่มเอม
“เป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แฟนนี่เห็นว่าหานซั่วยังคงไม่พูดอะไร และเอาแต่จ้องมองเธออย่างไม่วางตา เธอจึงเริ่มสติแตกและรัวคำถามใส่หานซั่วอย่างอดรนทนไม่ได้ สีหน้าของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“แฟนนี่ ข้าทำให้ท่านผิดหวัง”
หานซั่วยังคงเหม่อมองแฟนนี่ต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าความอ่อนโยนและอบอุ่นจากเธอจะยังคงอยู่หลังจากที่เขาเล่าทุกอย่างออกไปแล้วหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถซ่อนเร้นอะไรได้อีก จึงถอนหายใจและเริ่มพูดกับแฟนนี่
“เจ้าไม่ได้ป่วยใช่มั้ย? แล้วนี่พูดไร้สาระอะไรของเจ้าน่ะ?”
แฟนนี่ดึงมือออกมาจากหน้าผากของหานซั่ว ก่อนจะตอบพร้อมมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างอ่อนโยน
หานซั่วไม่กล้าสบตาแฟนนี่ตรง ๆ อีกต่อไป และก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกับแฟนนี่ และเมื่อเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะบอกความจริงกันเธอทั้งหมด มันก็อาจจะไม่ทำร้ายเธอมากเท่าที่คิด
กับคนที่เขารักแล้ว หานซั่วไม่เคยเป็นคนที่ไร้หัวใจ และเหตุผลที่เขาปิดบังเรื่องทุกอย่างมานาน นอกจากจะเป็นเพราะต้องการลิ้มรสความสุขอันแสนวิเศษในการมีผู้หญิงหลาย ๆ คนแล้ว ก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำให้พวกเธอเจ็บปวด
แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็เพิ่งมาตระหนักได้ในตอนนี้เองว่า การกระทำของเขาที่ปิดบังความจริงทุกอย่างเอาไว้ จะไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับพวกเธอเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันจะกลายเป็นความทุกข์ทรมานที่ฝังลึกในหัวใจของพวกเธอไปตลอดชีวิต
และนี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหานซั่วถึงตัดสินใจอธิบายความจริงทุกอย่าง แต่ก็เพราะความรู้สึกผิดนี้ จึงทำให้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกอันอ่อนโยนของแฟนนี่ และหลังจากที่เธอรัวคำถามอย่างหมดความอดทน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหดหู่เหมือนเช่นเคย และอธิบายต่อ
“นอกจากท่านแล้ว ข้าก็มีผู้หญิงคนอื่นอีก ข้าทำให้ท่านผิดหวังจริง ๆ”
แล้วมือของแฟนนี่ที่กำลังลูบไล้ผมของหานซั่วอยู่ก็หยุดชะงักไปในทันที หานซั่วซึ่งรู้สึกได้โดยสัญชาติญาณก็เงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าแฟนนี่นิ่งค้างไปทั้งอย่างนั้น ดวงตาแสนอ่อนโยนของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนหนทาง ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูราวกลีบกุหลาบกลับซีดเผือด และสั่นระริกราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
ธารน้ำตาสองสายไหลลงมาอาบพวงแก้มเนียนละเอียดของเธอในทันที หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ดวงตาหม่นหมองของเธอก็จ้องมองไปยังหานซั่วด้วยสีหน้าสิ้นหวัง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยวเหงาเหลือเกิน
“ไบรอัน… ที่เจ้ามาบอกข้าเรื่องนี้ เพราะเจ้าอยากจะเลิกกับข้าอย่างนั้นเหรอ?”
หานซั่วอึ้งไปในทันที และไม่เข้าใจการตอบรับของแฟนนี่เลยแม้แต่น้อย เขานึกว่าแฟนนี่จะโมโหและโวยวายเหมือนฟีบี้ที่ขับไล่ไสส่งเขาไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าในตอนนี้ แฟนนี่จะเสียใจและรู้สึกเกรงกลัวราวกับดอกไม้ที่แสนบอบบางและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นนี้
ความรู้สึกผิดอย่างสุดแสนก่อตัวขึ้นในจิตใจของหานซั่ว ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะดึงแฟนนี่เข้ามาในอ้อมกอด และสะอื้นด้วยความเสียใจ
“ข้าขอโทษ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอโทษ…”
“ไบรอัน ข้า… ข้ารู้นานแล้วล่ะ เรื่องระหว่างเจ้ากับฟีบี้…”
แฟนนี่ตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีโอบกอดหานซั่วอย่างแนบแน่น ราวกับกลัวเหลือเกินที่หานซั่วจะหายไปจากเธอ
ท่าทีของหานซั่วนั้นไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาอย่างสิ้นเชิง พลางโอบกอดแฟนนี่ไว้แน่นโดยไม่รู้เหตุผลว่าทำไม ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เธอรู้อยู่แล้ว… เธอรู้ได้ยังไงกันนะ?
“เจ้าเป็นเหมือนดาวอันเจิดจรัสดวงใหม่ของจักรวรรดิ เรื่องราวของเจ้าแพร่กระจายไปทุกที่ และหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเจ้ากับฟีบี้ด้วยเหมือนกัน ตลกดีนะที่เจ้าคิดว่าข้ายังไม่รู้ ครั้งแรกที่ข้ารู้ข่าว ข้าก็ไม่เชื่อหรอก แต่สุดท้าย ข้าก็ค่อย ๆ เข้าใจได้ด้วยตัวเอง แล้วก็เชื่อข่าวนั้นในที่สุด ข้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอจริง ๆ เลย ข้าน่าจะเว้นระยะห่างจากเจ้าตั้งแต่แรก จะได้ไม่เผลอตัวเผลอใจแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง ทุกวันที่เจ้าไม่อยู่ ในหัวของข้าก็มีแต่ภาพเจ้าเต็มไปหมด พอรู้ตัวอีกที ก็ไม่สามารถลบภาพเจ้าออกไปได้อีกตลอดกาลเสียแล้ว
ข้าขอโทษนะ ข้าทำไม่ได้เลยจริง ๆ!
ทั้ง ๆ ที่ข้ารู้อยู่เต็มอกว่าเจ้ามีฟีบี้อยู่แล้ว แต่ข้าก็ตัดใจจากเจ้าไม่ได้เลย ทุกครั้งที่ข้าพยายามบังคับตัวเองให้คิดว่า เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกันอีกแล้ว ข้าก็จะทรมานจนทนไม่ไหว ข้าไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนี้เลย ข้ามันบ้าสิ้นดี แค่เดินออกมาจากวังวนความรู้สึกเกี่ยวกับเจ้ายังทำไม่ได้ แถมยังถลำลึกมากขึ้นอีกด้วยซ้ำ….”
แฟนนี่พึมพำออกมาราวกับกำลังเยาะเย้ยตัวเองขณะอยู่ในอ้อมกอดของหานซั่ว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและโศกเศร้าอย่างที่สุด
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
คำอธิบายเหล่านั้นกลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ซึ่งทำลายกำแพงแข็งกระด้างภายในจิตใจของหานซั่วโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกมึนงงไปหมดจากความสุขที่เอ่อล้นขึ้นมา แม้ว่าความสุขนี้จะแฝงไปด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ริมฝีปากของเขาแห้งผาก ดวงตาแดงก่ำ และหัวใจที่เคยแข็งแกร่งกลับอ่อนแอลงเหลือเกิน…
“ข้ารู้ ฟีบี้เป็นคนดี แล้วที่เจ้ามาที่นี่ เพราะตัดสินใจว่าจะทิ้งข้าไปแล้วเหรอ?”
แฟนนี่พึมพำออกมาอย่างเศร้า ๆ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานและสิ้นหวัง หยดน้ำตาของเธอเป็นเหมือนสร้อยไข่มุกที่ขาดสะบั้น เมื่อไข่มุกเหล่านั้นไหลหยดลงบนไหล่ของหานซั่วเม็ดแล้วเม็ดเล่า
“ไม่!”
หานซั่วร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะพูดต่อ
“ข้าจะไม่มีวันทิ้งท่านไป ไม่มีวัน! ที่ข้าพูดไปทั้งหมด เพราะอยากให้ท่านยกโทษให้เท่านั้น ข้าไม่เคยคิดที่จะทิ้งท่านไปเลย! ข้าเสียใจ มันเป็นความผิดของข้าเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง…”
เรือนร่างอันบอบบางของแฟนนี่สั่นเทาเล็กน้อย และจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน น้ำตายังคงรื้นอยู่ในดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังที่ยากเกินพรรณนา เธอจ้องมองไปยังใบหน้าของหานซั่ว เสียงของเธอสั่น ก่อนจะถามราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ไบรอัน… เจ้า… เจ้าพูดจริงเหรอ?”
หานซั่วพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ไม่เคยรู้สึกจริงจังเท่านี้มาก่อน น้ำเสียงของเขาสั่นเครือและเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึก ก่อนจะพูดเพื่อยืนยัน
“ตราบใดที่ท่านไม่ทิ้งข้าไป ข้าก็ไม่มีวันปล่อยมือจากท่านเด็ดขาด ข้าสัญญา!”
“ข้าเองก็เพิ่งรู้ตัว ว่าข้าทิ้งเจ้าไปไม่ได้หลังจากที่ทนทรมานมาตลอด 2 ปีนี้เอง ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะอยู่กับฟีบี้หรือผู้หญิงคนอื่น ๆ อีกกี่คน แต่ไม่ว่ายังไง ฟีบี้จะคิดมากเรื่องตัวตนของข้ารึเปล่า?”
แฟนนี่ถามอย่างขมขื่น
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้าคงให้เวลาเธอและให้เวลาตัวเองอีกสักหน่อย บางที เธออาจจะตัดสินใจได้ และไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง มันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความรู้สึกของข้าที่มีต่อท่านหรอก ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้เด็ดขาด!”
หานซั่วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
ดวงตาของแฟนนี่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนสุขใจที่มิอาจปิดบัง เธอรีบโผตัวเข้ากอดหานซั่วอย่างแนบแน่นอีกครั้ง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าเพื่อจูบเขาอย่างกระตือรือร้น แม้แต่มือของเธอก็อาจหาญล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของหานซั่ว และลูบไล้ร่างกายอันแข็งแรงกำยำของเขา พร้อมกับพยายามช่วยเขาถอดเสื้อผ้าออก…
*******************