Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 409
ไม่รู้เลยว่าในทีแรกนั้นแฟนนี่กำลังคิดอะไรอยู่ ท่าทีของเธอเป็นไปโดยธรรมชาติและเต็มไปด้วยความปรารถนา ทั้งการจูบและการเคลื่อนไหวของเธอช่างดูกล้าหาญและปราศจากการยับยั้งชั่งใจอย่างสิ้นเชิง
ในตอนนี้ หานซั่วกลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่ทันคาดคิด ประกอบกับคำพูดที่แฟนนี่พรั่งพรูออกมาก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อันเปี่ยมล้น ทำให้หานซั่วตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และทำให้เขารู้สึกผิดต่อเธออย่างสุดหัวใจ
ขณะที่ทั้งคู่กำลังจูบกัน หานซั่วซึ่งเคยเป็นฝ่ายรุกเร้าในอดีตก็ไม่ได้พยายามบีบบังคับหรือเล่นสนุกกับอารมณ์และเรือนร่างของเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
“โอ….ไบรอัน….”
ท่าทางออดอ้อนที่แสนน่ารักน่าทะนุถนอมของแฟนนี่กำลังเขินอายอย่างที่สุด ขณะที่เธอครางชื่อของเขาออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อรู้ตัวอีกที เสื้อคลุมของหานซั่วก็ถูกแฟนนี่ถอดออกไปหมดแล้ว
ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของหานซั่วนั้นดูแข็งแรงบึกบึนเป็นอย่างมาก กล้ามเนื้อทุกมัดของเขาราวกับเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะระเบิดออกมา เมื่อแฟนนี่เริ่มหายใจไม่ออก ริมฝีปากหวานหอมของเธอก็ผละออกจากหานซั่วและพักเพื่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ขณะที่เธอมองไปยังร่างกายสมบูรณ์แบบของหานซั่ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายไปด้วยความเสน่หา
“จ… จัดการข้าสิ… เดี๋ยวนี้เลย…”
เสียงของเธอแหลมเล็กราวกับหนูตัวน้อย ๆ แฟนนี่เขินอายจนซุกหน้ากับหน้าอกของหานซั่ว และสูดหายใจเอากลิ่นร่างกายชายหนุ่มของหานซั่วเข้าไปอย่างเต็มที่ เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอนั้นกำลังว้าวุ่นจนสามารถได้ยินเสียงจังหวะการเต้นอันรัวเร็วนั้นได้อย่างชัดเจน
“…เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
หานซั่วยิ้มอย่างขมขื่นและปฏิเสธกลับไป
ตอนนั้นเอง แฟนนี่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่หานซั่วในทันที ท่าทีเขินอายของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและสับสน และดวงตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นตระหนกสุดขีด
“คือว่า…. อาจารย์จีนกำลังเดินมาทางนี้ แล้วนี่ก็ยังกลางวันอยู่เลย ท่านยังต้องไปสอนหลังจากนี้อีกนี่นา ถ้าอย่างนั้น…ไว้คืนนี้เป็นไง?”
หานซั่วยิ้มอย่างขมขื่น เกาหัวพลางพูดกับแฟนนี่อย่างอ่อนโยน
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหานซั่ว แฟนนี่ก็ได้สติขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำขณะที่เธอรีบแต่งตัวให้หานซั่วและพูดอย่างกระวนกระวาย
“จริงด้วย จริงด้วย ถ้าอย่างนั้น เจ้ารีบไปก่อนเลย แล้วเราค่อยคุยกันวันหลังนะ”
ในตอนนั้น เสียงฝีเท้าของจีนก็เริ่มใกล้เข้ามาถึงจุดที่แฟนนี่เองก็สามารถได้ยิน
แฟนนี่รู้สึกร้อนรนมากขึ้นไปอีก ก่อนจะรีบซ่อนแรงปราถนาของเธอ และเร่งให้หานซั่วออกไป ส่วนหานซั่วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ และพยักหน้า พลางเอาเสื้อของตนเองขึ้นพาดบ่า และรีบออกไปจากห้องทดลองของแฟนนี่ก่อนที่จีนจะมาถึง
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ และคิดถึงอารมณ์อันลึกซึ้งของแฟนนี่เมื่อครู่ หานซั่วก็รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านจนยากเกินพรรณนา เขาไม่คิดเลยว่าแฟนนี่จะต้องดิ้นรนอย่างขมขื่นเพราะเขามาเป็นเวลานาน และถึงแม้ว่าเธอจะรู้เรื่องของเขา เธอก็ไม่ต้องการจะจากเขาไป ความรู้สึกอันหนักแน่นของเธอทำให้หานซั่วรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถตอบแทนเธอได้เลย
และทันทีที่หานซั่วกลับมาถึง พ่อบ้านแคลลัสก็รีบออกมารับด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและพูดขึ้น
“ท่านมาร์ควิส ดยุคแอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์มาขอพบท่านขอรับ พวกเขารออยู่สักพักแล้ว”
“พวกเขามาทำไมกัน?”
หานซั่วผงะไปทันที และขมวดคิ้วด้วยความสับสน
“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ”
แคลลัสตอบด้วยความเคารพ
ขณะที่หัวใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย หานซั่วก็เดินไปตามโถงทางเดินที่ใช้สำหรับรับรองแขกผู้มาเยือน เพียงแว่บเดียว เขาก็เห็นเจ้าชายชาลส์ที่เคยพบครั้งสุดท้ายที่สวนกุหลาบในเขตเหนือ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับดยุคแอชเบิร์น ซึ่งอยู่ด้านข้างของชาลส์ เมื่อเขามองไปยังดยุคแอชเบิร์น หานซั่วก็รู้ทันทีว่าคน ๆ นี้ต้องเป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ที่ยากจะรับมือด้วยอย่างแน่นอน
ทั้ง 2 คน มีท่าทีผ่อนคลายขณะนั่งจิบชาอยู่ภายในห้องโถง และไม่ได้พาเหล่าผู้ติดตามมากับพวกเขาด้วย เมื่อหานซั่วได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านแคลลัสรายงาน เขาก็ส่งปีศาจอาคมออกไปเพื่อเฝ้าสถานการณ์โดยรอบคฤหาสน์ทันที เขาจึงรู้ว่ามีเพียงรถม้าหรูหรา 2 คันที่จอดอยู่ตรงประตูหน้า และมีอัศวินจำนวนหนึ่งคอยเฝ้าคุ้มกันอยู่ข้าง ๆ
หานซั่วกำลังสับสนเพราะเรื่องของแฟนนี่และฟีบี้ อีกทั้งยังจมอยู่ในภวังค์ความคิดอันว้าวุ่นระหว่างทางที่กลับมา เขาจึงเผลอละเลยสถานการณ์โดยรอบไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาสั่งให้ปีศาจอาคมออกไปสอดแนมรอบ ๆ เขาจึงเพิ่งตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์
เนื่องจากนครออซเซ็นมีสถานะเป็นเมืองหลวง แอชเบิร์นและเจ้าชายใหญ่ชาลส์ซึ่งมาเยี่ยมเยียนหานซั่วอย่างเปิดเผย ก็แปลว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวว่าหานซั่วอาจจะก่อการปฏิวัติขึ้นในทันที ดังนั้น พวกเขาจึงทิ้งเหล่าอัศวินไว้ด้านนอก และไม่พาผู้มีฝีมือติดตามเข้ามาเพื่อคุ้มกัน ดูจากภายนอกแล้ว พวกเขาทั้ง 2 คนก็กำลังวางตัวอยู่พอสมควร
เมื่อหานซั่วเข้ามา แอชเบิร์นก็เหลือบมองชาลส์ก่อนจะยืนขึ้น เขายิ้มและพยักหน้าให้หานซั่ว
“ท่านมาร์ควิสไบรอันผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ การที่ได้มาพบท่านในวันนี้นับว่าเป็นเกียรติกับข้าจริง ๆ ในจักรวรรดิแลนซล็อต ชายหนุ่มที่โดดเด่นเช่นมาร์ควิสไบรอันนับได้ว่าหายากจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ”
หานซั่วไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก เมื่อได้ยินจิ้งจอกเฒ่าแอชเบิร์นพูดจาอ้อมค้อมไปมา เขาจึงรู้สึกไม่พอใจทั้ง 2 คน และตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง
“ท่านดยุคชมข้าเกินไปแล้ว ถ้าเทียบกับท่าน ก็ไม่มีใครเหมาะสมกับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือไปมากกว่าท่านหรอกครับ”
“ถวายบังคม องค์ชายใหญ่”
หานซั่วโค้งคำนับเจ้าชายชาลส์ตามมารยาท
“ฮะ ๆ ๆ ตามสบายเถอะ ก่อนหน้านี้ข้ามีเรื่องเข้าใจผิดกับมาร์ควิสไบรอัน ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อแก้ไขในเรื่องนั้นน่ะ”
เจ้าชายชาลส์มองหานซั่วอย่างเป็นกันเอง ความเป็นมิตรของเขาช่างแตกต่างกับเมื่อครั้งที่ได้เจอกันที่สวนกุหลาบราวฟ้ากับเหว
“องค์ชายทรงคิดมากเกินไป เราไม่เคยมีเรื่องเข้าใจผิดกันเลย แต่ที่ท่านพูดมาแบบนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกกังวลขึ้นมาจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
หานซั่วนิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะตอบออกไปด้วยท่าทีที่สับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ดยุคแอชเบิร์นกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะยิ้มและพูดขึ้น
“ก่อนหน้านี้ เราเคยใช้ให้คาเมรอนช่วยเราในเรื่องบางเรื่อง ข้าไม่คิดว่าคาเมรอนจะกลายมาเป็นคู่แข่งด้านธุรกิจของคุณหนูฟีบี้แบบนี้ เขาสมควรตายจริง ๆ ที่ใช้ชื่อของเจ้าชายชาลส์ไปข่มขู่คนอื่น แล้วยังไปสร้างปัญหาให้กับคุณหนูฟีบี้อีก
พวกเราไม่รู้เรื่องทั้งหมดเลยจริง ๆ ยังไงซะ ข้าก็หวังว่ามาร์ควิสไบรอันจะไม่เข้าใจผิดไปว่าเราเป็นผู้หนุนหลังให้คาเมรอนกระทำการเช่นนั้น ดังนั้นแล้ว พวกเราก็เลยมาที่นี่เพื่อจะชี้แจงเรื่องนี้กับมาร์ควิสไบรอันยังไงล่ะ หวังว่าท่านจะไม่เข้าใจผิด พูดกันตามตรง ชาลส์น่ะ ชื่นชมในตัวท่าน และอยากจะเป็นเพื่อนกับท่านมาตลอดเลยนะ”
เข้าใจผิดรึ? ไม่เห็นจะเข้าใจผิดเลยสักนิด ถ้าไม่มีพวกเจ้าคอยให้ท้าย ทำไมคาเมรอนถึงกล้าใช้เส้นสายของพวกเจ้ามาข่มขู่ฟีบี้ได้ล่ะ?
หานซั่วเยาะเย้ยอยู่ในใจ เขาเข้าใจจุดประสงค์ของแอชเบิร์นและชาลส์โดยดูจากน้ำเสียง และแน่ใจว่าการมาเยี่ยมในครั้งนี้จะต้องเป็นเพราะสถานะของเขาที่มีต่ออูห์เทร็ดอย่างแน่นอน ทั้ง 2 คนจึงตระหนักถึงความสำคัญของเขาขึ้นมา และยอมมาผูกมิตรกับหานซั่ว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“ฮ่า ๆ ๆ นี่จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ เรื่องนั้นเกิดขึ้นนานมากจนข้าเองก็เกือบจะลืมไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องรื้อฟื้นหรอก”
หานซั่วขยิบตาและเล่นไปตามบท หลังจากนั้นเขาก็ยิ้ม ขณะมองไปยังแอชเบิร์นและชาลส์ พร้อมกับเอ่ยถาม
“ข้าอยากจะรู้ว่า มีเรื่องอื่นที่ทำให้ท่านดยุคและองค์ชายมาเยี่ยมข้าถึงที่นี่อีกหรือเปล่า?”
“ในช่วงหลัง ๆ มานี้ การพัฒนาในนครเบรทเทลเป็นข่าวที่สร้างแรงบันดาลใจน่าดูเลยจริง ๆ และเจ้าเมืองนครทะเลหมอก ไครอฟ ซึ่งเป็นเมืองเพื่อนบ้านกับนครเบรทเทลก็สนิทกับข้ามาก ฮี่ ๆ หากนครเบรทเทลและนครทะเลหมอกสามารถร่วมมือกันได้ การพัฒนาภายในพื้นที่นั้นคงเป็นไปอย่างรวดเร็วมากแน่ ๆ
ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพื่อจะหารือกับมาร์ควิสไบรอันเกี่ยวกับเรื่องความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่นครทะเลหมอกสามารถให้กับนครเบรทเทลได้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังคนและทรัพยากร ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่นครเบรทเทลกำลังต้องการอย่างเร่งด่วนทั้งนั้นเลยนะ”
เจ้าชายชาลส์ยิ้มและพูดกับหานซั่ว ขณะที่อธิบายจุดประสงค์ของเขาอย่างช้า ๆ
ไครอฟ เจ้าเมืองผู้ครองนครทะเลหมอกเป็นผู้ที่มาจาก ตระกูลฮาวก์ และน้องสาวของเขา คาลิน่า ก็เป็นพระชายาของเจ้าชายชาลส์ ความสัมพันธ์ของเขากับชาลส์จึงนับได้ว่าสนิทชิดเชื้อกันอย่างมากทีเดียว และระยะทางระหว่างนครทะเลหมอกและนครเบรทเทลก็ไม่ไกลกันมากนัก หากนครทะเลหมอกสามารถให้การช่วยเหลือ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของนครเบรทเทลอย่างยิ่ง ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่หานซั่วเคยคิดเอาไว้เช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้น นครเบรทเทลต้องมีส่วนลงทุนอะไรบ้างล่ะ?”
หานซั่วยังคงมีท่าทีสงบและถามกลับ
“ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลย ตราบใดที่ข้าได้มิตรภาพจากมาร์ควิสไบรอัน ข้าก็พึงพอใจแล้วล่ะ”
ชาลส์จับจ้องมาที่หานซั่วขณะตอบ
ดยุคแอชเบิร์นยิ้มขณะที่มองไปยังหานซั่ว เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มาร์ควิสไบรอัน พูดกันตามตรงนะ ข้าชื่มชมในตัวเจ้ามาก ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร เราน่าจะหารือกันต่อถึงรายละเอียดเชิงลึกในความเป็นไปได้อีกหลายอย่างที่จะเราสามารถร่วมมือกันได้ ทั้งอำนาจและผลประโยชน์ที่เราจะมอบให้เจ้านั้นมากมายเกินกว่าที่ใครจะสามารถหยิบยื่นให้เจ้าได้เสียอีก ตราบใดที่เจ้าทำงานให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ ความมั่งคั่ง หรือแม้แต่สาวงาม ก็จะตกอยู่ในกำมือของเจ้าอย่างง่ายดาย”
หานซั่วหัวเราะขณะมองไปยังทั้ง 2 คน เขาส่ายศีรษะอย่างหนักแน่นภายใต้สายตาที่จับจ้องอยู่และพูดขึ้น
“ข้าต้องขออภัย ข้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ และยึดมั่นในเรื่องบุญคุญต้องทดแทน …ท่านทั้งสองน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดนะ”
เมื่อได้ยินหานซั่วตอบดังนั้น สีหน้าของชาลส์ก็เปลี่ยนไปทันที ขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ แอชเบิร์นก็จ้องเขม็งใส่เขา ก่อนที่แอชเบิร์นจะยิ้มและพูดขึ้น
“อย่างงี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว งั้นพวกเราคงต้องขอตัว ขอโทษด้วยที่มารบกวน หวังว่าเจ้าคงไม่ว่าอะไร”
หลังจากที่ถูกแอชเบิร์นดุด้วยสายตา ชาลส์ก็ควบคุมตนเองให้อยู่ในอาการสงบ แต่ก็ยังไม่วายจ้องมองหานซั่วอย่างไม่พอใจ ราวกับโกรธที่หานซั่วปฏิเสธและไม่ใยดีต่อความเมตตาของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่ไปส่งนะครับ”
หานซั่วมองไปที่ดยุคแอชเบิร์นด้วยความแปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าแอชเบิร์นจะพูดออกมาตรง ๆ และไม่พูดจายืดเยื้อเมื่อเขาตระหนักดีว่าไม่มีหวัง
“มาร์ควิสไบรอัน ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะ!”
ก่อนที่ชาลส์จะจากไป เขาก็หันมามองหานซั่ว และบ่งบอกถึงเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในคำพูด
“ขอบพระทัยองค์ชายที่อุตส่าห์เตือน ข้าจะคอยระวังให้ดีเลยเชียวล่ะ”
หานซั่วมีท่าทีเย็นชาขึ้นมาในทันที และตอบอย่างแดกดัน
หานซั่วสัมผัสถึงความข่มขู่ในน้ำเสียงของชาลส์ได้อย่างชัดเจน เขารู้ดีว่าหลังจากวันนี้ จะไม่มีโอกาสได้เป็นมิตรกับชาลส์และแอชเบิร์นอีกต่อไป และทำได้เพียงเป็นศัตรูกันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
**************************