Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 407
เมื่อหานซั่วรู้ว่าตนเองยังไม่สามารถเข้าไปยังชั้นถัดไปได้จนกว่าจะได้เป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ได้ดึงดันต่อไป และกลับออกไปยังทางเดิม
แม้ว่าจะมีเวทมนตร์คาถาและขั้นตอนการฝึกฝนมากมายฝังแน่นอยู่ในหัวของหานซั่ว แต่อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเวทมนตร์เหล่านั้นทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นแล้ว หานซั่วจึงไม่ได้อยู่ในสุสานแห่งความตายอีกต่อไป และกลับไปยังคฤหาสน์ในนครออซเซ็นผ่านทางวงเวทย์มิติเคลื่อนย้าย
หลังจากที่ออกจากนครออซเซ็นไปไม่กี่วัน หานซั่วก็รีบเรียกหาแคลลัสทันทีที่กลับมาเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งนี้บ้าง
องค์จักรพรรดิอูห์เทร็ดได้แสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และเขาเองก็ตั้งใจที่จะช่วยลอว์เรนซ์ให้ขึ้นครองบัลลังค์ให้จงได้ ทั่วทั้งอาณาจักรแลนซล็อตต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน และไม่เข้าใจการตัดสินใจของอูห์เทร็ดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อองครักษ์ชุดดำ ซึ่งเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือองค์จักรพรรดิอูห์เทร็ดอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด จู่ ๆ ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับลอว์เรนซ์ขึ้นมา ผู้คนจึงคาดเดาว่าพวกเขาเอนเอียงไปทางลอว์เรนซ์เรียบร้อยแล้ว แม้แต่จอมดาบศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นตำนานของอาณาจักรอย่างคาเรลเองก็เลิกวางตัวเป็นกลาง และประกาศตัวอย่างเป็นทางการที่จะสนับสนุนลอว์เรนซ์ให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
ด้วยความช่วยเหลือขององค์จักรพรรดิอูห์เทร็ด บรรดาผู้ที่ให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์ค่อย ๆ กุมอำนาจภายในจักรวรรดิมากขึ้น แม้แต่บิดาอุปถัมภ์และลุงบอริสของเขา ก็ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ และเป็นถึงเสนาบดีผู้ทรงอิทธิพล ทำให้ทุกคนเข้าใจเจตนาของอูห์เทร็ดอย่างกระจ่างชัดมากขึ้น
ในช่วงเวลานี้ ทั้งเจ้าชายองค์อื่น ๆ และบรรดาผู้มีอำนาจที่สนับสนุนพวกเขาต่างแวะเวียนมายังพระราชวังบ่อยขึ้น โดยเฉพาะดยุคแอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์ถึงกับเข้าวังวันละ 2-3 หน ด้วยตั้งใจจะเปลี่ยนการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิ
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ยังคงมีพวกขุนนางระดับสูงที่หัวรั้นบางคน พยายามจะยื่นฎีกาให้อูห์เทร็ดเปลี่ยนใจ พวกเขาเชื่อว่าการเป็นลูกนอกสมรส ทำให้ลอว์เรนซ์ไม่เหมาะสมกับเกียรติที่จะได้ครองอำนาจในจักรวรรดิแลนซล็อต คนเหล่านี้เป็นขุนนางเก่าและหัวโบราณ พวกเขาจึงไม่สามารถยอมรับในเรื่องนี้ได้ และรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียต่อเกียรติของราชวงศ์แลนซล็อตอย่างรุนแรง
แม้แต่องค์ราชินีของอูห์เทร็ดและผู้สนับสนุนต่างเข้าร่วมกับฝ่ายตรงกันข้ามคนแล้วคนเล่าเพื่อที่จะเค้นคำตอบจากเขา สุดท้ายแล้ว ในระยะเวลาไม่นานนัก ก็เกิดความโกลาหลขึ้นภายในนครออซเซ็น ในขณะที่ความเจ็บป่วยของอูห์เทร็ดก็ทรุดลงจนกระทั่งเขาอยู่ในอาการโคม่าที่สูญสิ้นซึ่งสติรู้ตัวอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าเขาจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
เมื่อเหล่าองค์ชายสบโอกาสนั้น เบื้องหน้าพวกเขาก็เหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิอูห์เทร็ดแต่โดยดี แต่จริง ๆ กลับเริ่มซ่องสุมกองกำลังของตนเองอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวจัดการกับขุมอำนาจใหม่ที่กำลังถือกำเนิดขึ้น นครออซเซ็นที่ดูผิวเผินเหมือนว่าจะสงบสุข ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาเริ่มปรากฏตัว ขณะที่พายุเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
ซึ่งทันทีที่จักรพรรดิอูห์เทร็ดสิ้นพระชนม์ พายุที่ก่อตัวและเฝ้ารอมานานก็จะพัดโหมกระหน่ำขึ้นมา และยากที่จะบอกได้ว่าพายุนั้นจะกลืนกินทั้งจักรวรรดิแลนซล็อตหรือไม่ และในขณะเดียวกันนั้นเอง ฟีเรนซี ผู้บัญชาการกองกำลังชายแดนทางใต้ก็กลับมายังนครออซเซ็นอย่างกะทันหัน และบุคคลซึ่งเป็นดั่งดาวมฤตยูผู้นี้จะทำให้นครออซเซ็นที่กำลังสับสนวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ต้องทวีความโกลาหลมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ขณะฟังคำอธิบายของพ่อบ้านแคลลัส หานซั่วก็นิ่งอึ้งไป เขาไม่คาดคิดเลยว่าเพียงไม่กี่วัน นครออซเซ็นจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่มากมายขนาดนี้ ดูเหมือนว่า แม้อูห์เทร็ดจะรู้ว่าเวลาของตนเองเหลือน้อยเต็มที แต่การตัดสินใจและการกระทำที่เด็ดเดี่ยวและกะทันหันของเขาก็มีบทบาทที่ใหญ่หลวงมากทีเดียว
และในช่วงเวลาไม่กี่วันที่หานซั่วไม่อยู่ ฟีบี้ก็มาหาเขาถึง 3 ครั้ง ส่วนลอว์เรนซ์เองก็แวะมา 2 ครั้ง แม้แต่เอมิลี่และขุนนางคนอื่น ๆ ในนครออซเซ็นต่างก็แวะเวียนมาหาเขาด้วยเช่นกัน เมื่อแคลลัสรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ เสร็จสิ้น หานซั่วก็ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของลอว์เรนซ์ในทันที
ขณะนี้ ลอว์เรนซ์ตกเป็นจุดสนใจหลักภายในนครออซเซ็น ในศึกชิงบัลลังค์ที่แสนโหดร้าย ลอว์เรนซ์จะล้มไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะลอว์เรนซ์ต้องได้ขึ้นครองบัลลังค์เท่านั้น จึงจะสามารถรักษาผลประโยชน์ต่าง ๆ มากมายของหานซั่วเอาไว้ได้ หรือแม้แต่พัฒนาขึ้นสู่ระดับต่อไป
หลังจากที่รีบรุดไปยังคฤหาสน์ของลอว์เรนซ์ พ่อบ้านก็บอกเขาว่าลอว์เรนซ์กำลังเจรจาอย่างลับ ๆ กับแขกคนอื่นอยู่ อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านคนนั้นก็รู้ถึงความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาระหว่างลอว์เรนซ์และหานซั่วเป็นอย่างดี เมื่อเห็นว่าหานซั่วมาถึง เขาก็รีบไปรายงานอย่างทันทีทันใด ไม่นานนัก พ่อบ้านก็กลับมา และพาหานซั่วไปหาลอว์เรนซ์ถึงที่ประชุม
หานซั่วเห็นคนที่เขารู้จักมากมายภายในห้องลับของลอว์เรนซ์ ซึ่งรวมถึง อีฟวี่ พ่อบุญธรรมของลอว์เรนซ์ ลุงบอริส ฟีบี้ เอมิลี่ เฒ่าฮานน์แห่งตระกูลเบทเทอริดจ์ และขุนนางที่เขาไม่คุ้นหน้าอีกจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนพวกเขาจะให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์
เมื่อหานซั่วมาถึง ลอว์เรนซ์ก็รีบยืนขึ้นยิ้มให้เขาทันที พร้อมกับเดินมาหาและพูดขึ้น
“เจ้าหายไปไหนมาน่ะ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้?”
ลอว์เรนซ์เองก็เข้าวังไปหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เมื่ออูห์เทร็ดให้เขาเข้าเฝ้าตามลำพัง เขาก็เร่งเร้าลอว์เรนซ์พาหานซั่วมาปักหลักอยู่ใกล้ ๆ ตัวโดยเร็ว เพราะหานซั่วคือกุญแจสำคัญสำหรับอนาคตของเขา
แม้ว่าอูห์เทร็ดจะไม่ได้เปิดเผยคำพยากรณ์ของเกรซเกี่ยวกับหานซั่ว แต่ลอว์เรนซ์ก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างมาก เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทัศนคติของผู้คนรอบข้าง และตระหนักได้ว่าหานซั่วคือผู้ที่จะนำผลประโยชน์มาสู่ชีวิตของเขา
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทันทีที่หานซั่วเดินเข้ามาข้างใน ลอว์เรนซ์จึงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นและต้อนรับเขาด้วยความเป็นกันเองอย่างถึงที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเล็กน้อยสำหรับผู้สนับสนุนที่ยังไม่คุ้นเคยกับหานซั่ว
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีข้ามีธุระที่ต้องจัดการ ก็เลยไปที่อื่นมาพักหนึ่ง โอ้โห! คนเยอะน่าดูเลยนะเนี่ย!”
หานซั่วหยอกเย้าลอว์เรนซ์อย่างเป็นกันเอง เขาอุทานออกมาเมื่อเห็นผู้คนโดยรอบ
“ไง ไบรอัน เจ้านี่เหลือเชื่อเลยจริง ๆ เผลอแป๊บเดียว ก็ได้เป็นมาร์ควิสซะแล้วรึนี่ ข้ามองเจ้าไม่ผิดเลยนะ”
บอริส ลุงของลอว์เรนซ์หัวเราะขณะทักทายหานซั่ว
เดิมทีแล้ว ลอว์เรนซ์เคยจัดการให้หานซั่วได้รับตำแหน่งอยู่ในกองกำลังป้องกันเขตเหนือของบอริส เพื่อช่วยให้หานซั่วได้มีผลงานด้านการทหาร ในขณะที่ตอนนี้บอริสเองเป็นเพียงเคานต์ ใครจะไปคาดคิดว่าหานซั่วจะได้รับการแต่งตั้งในระดับชั้นที่สูงกว่าในเวลาไม่นาน? และตอนนี้ หานซั่วก็อยู่เหนือกว่าบอริสอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ขณะที่อยู่ในกองกำลังป้องกันเขตเหนือ บอริสก็มีความเป็นกันเองกับหานซั่วมากอยู่แล้ว เพราะเขารู้ว่าหานซั่วจะต้องเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาถึงถือว่าดีมากทีเดียว ดังนั้น เมื่อเขาเห็นหานซั่วเดินเข้ามาด้านใน เขาจึงทักทายหานซั่วอย่างเป็นกันเอง
“ฮะ ๆ ๆ ท่านบอริสชมข้าเกินไปแล้ว”
หานซั่วยิ้มขณะก้มหัวทักทายบอริส
ผู้ที่นั่งอยู่ถัดจากบอริสคือเอมิลี่และฟีบี้ ทั้ง 2 สาวสนิทสนมกันมาก และกำลังกระซิบกระซาบกันเบา ๆ เมื่อหานซั่วเดินเข้ามา สายตาของพวกเธอก็เป็นประกายและจับจ้องไปที่เขา ส่วนผู้ที่นั่งข้างเอมิลี่คือเฒ่าฮานน์ ดังนั้น เธอจึงหันกลับไปทันทีหลังจากที่มองหานซั่วเพียงครู่เดียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฟีบี้จะยังมีความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ขณะที่เธอจ้องเขม็งใส่เขาอีกหลายครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตากลมโตสวยงามของเธอแฝงความโกรธเอาไว้ ราวกับว่าจะตำหนิเขาที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
“พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่นา ข้ายังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าไว้เมื่อคราวก่อนเลยนะ! ฮ่า ๆ ๆ ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าถ้ามีเวลาก็แวะมาหาข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีเลย ไม่คิดเลยนะว่าจนถึงวันนี้แล้ว เจ้าก็ยังไม่เคยแวะมาสักที หมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าเจ้ารังเกียจตระกูลเบทเทอริดจ์ของข้าอย่างนั้นรึ?”
เฒ่าฮานน์ยิ้มและทักทายหายซั่วก่อนจะแกล้งทำเป็นโกรธเขา
ก็ข้าเคยไปที่คฤหาสน์ตระกูลเบทเทอริดจ์ แถมยังแอบดอดไปหาลูกสะใภ้ของท่านมาแล้วนี่นา หานซั่วคิดในใจ ขณะที่เขาแสร้งทำสีหน้ารู้สึกผิด เขาผายมือออกและอธิบาย
“ท่านก็รู้ดีว่าข้าอยู่ที่นครเบรทเทลตลอด และเพิ่งกลับมาไม่นานนี้เอง แถมยังมีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ ฮะ ๆ ข้ารับรองว่าครั้งหน้าจะต้องแวะไปเยี่ยมท่านให้ได้แน่ ๆ ครับ”
“ถ้างั้นก็ตกลง ข้าแค่หยอกเจ้าเล่นเฉย ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะยุ่งอยู่ตลอด แล้วดูเจ้าสิ! ข้าล่ะทึ่งจริง ๆ ครั้งก่อนที่เราพบกัน เจ้าช่วยชีวิตข้า แต่ตอนนั้นเจ้ายังเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักอยู่เลย ใครจะไปคิดว่าแค่ไม่กี่ปี เจ้าจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรนี้ไปซะแล้ว? ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
เฒ่าฮานน์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ขณะที่เฒ่าฮานน์พูด ลอว์เรนซ์ก็พาหานซั่วเข้ามาและชี้ไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ ตัวเอง และเชื้อเชิญให้หานซั่วนั่ง จากนั้นเขาก็แนะนำคนแปลกหน้าที่อยู่รอบ ๆ ให้หานซั่วรู้จัก
“หึหึ ข้าคงไม่ต้องแนะนำคนพวกนี้หรอกนะ เพราะเจ้าเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว แต่เจ้าอาจจะยังไม่คุ้นตากับคนกลุ่มนี้ ซึ่งในอนาคต พวกเราจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน และนี่คือเจ้าเมืองผู้ครองนครวาเลนคนปัจจุบัน…”
ทุกครั้งที่ลอว์เรนซ์แนะนำ หานซั่วจะพยักหน้าเพื่อแสดงความเคารพ คนเหล่านี้คือขุนนางผู้ครองเมืองต่าง ๆ ที่มีทั้งตำแหน่งเคานต์และมาร์ควิส พวกเขาต่างเป็นชนชั้นสูงที่อยู่ในระดับแนวหน้า ด้วยการแนะนำของลอว์เรนซ์ หานซั่วก็รู้ดีว่าผู้มีอำนาจเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีเคานต์ 3 คน และมาร์ควิสอีก 2 คน พวกเขาต่างเป็นผู้มีอำนาจในนครออซเซ็น และอยู่ในวัยกลางคนที่เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ต่าง ๆ และถ้าไม่เป็นขุนนางคนสนิทของจักรพรรดิอูห์เทร็ด พวกเขาก็ดำรงตำแหน่งสำคัญที่มีอำนาจด้านการทหาร ดูเหมือนว่าคนในวัยเดียวกับพวกเขาจะไม่ยึดติดกับความคิดที่ว่าลูกนอกสมรสไม่สามารถขึ้นครองราชบัลลังก์ได้
ในขณะที่ลอว์เรนซ์แนะนำพวกเขา เหล่าขุนนางก็พยักหน้าให้หานซั่วอย่างเป็นมิตร ในตอนนี้ หานซั่วมีอำนาจปกครองนครเบรทเทล และเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ ตำแหน่งมาร์ควิสของหานซั่วก็ไม่แตกต่างอะไรกับตำแหน่งของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังลงเรือลำเดียวกันแล้ว คงเป็นเรื่องน่าแปลก หากพวกเขาจะไม่เป็นมิตรกับหานซั่ว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เมื่อลอว์เรนซ์แนะนำเสร็จแล้ว หานซั่วก็ตระหนักถึงอำนาจของลอว์เรนซ์ในตอนนี้ เหล่ามาร์ควิสและเคานต์เหล่านี้ต่างเป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านี้ เขายังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเบทเทอริดจ์ องครักษ์ชุดดำ และยังมียอดฝีมือผู้เก่งกาจอีกจำนวนหนึ่งซึ่งให้การสนับสนุนเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ ลอว์เรนซ์จึงมีโอกาสที่จะเอาชนะองค์ชายใหญ่ หรือเจ้าชายชาลส์ได้อย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าการตัดสินใจอย่างกระทันหันของอูห์เทร็ดจะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลต่อลอว์เรนซ์ ทำให้ลอว์เรนซ์มีอำนาจมากขึ้น และยังสามารถโน้มน้าวเหล่าขุนนางให้สนับสนุนเขาได้ ทำให้ลอว์เรนซ์มีความสามารถมากพอที่จะต่อสู้กับชาลส์และเพื่อชิงบัลลังค์ได้สำเร็จ
หลังจากที่ลอว์เรนซ์แนะนำเหล่าขุนนางที่หานซั่วไม่คุ้นหน้าแล้ว เขาก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“เรากำลังหารือกันนิดหน่อย ข้าจะสรุปให้เจ้าฟังก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าว่าเราควรใช้กำลังของเราอย่างเต็มที่ และให้บรรดาผู้มีอิทธิพลที่อยู่ฝั่งเดียวกับเรากุมอำนาจให้ได้มากที่สุดในขณะที่เสด็จพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่…
แต่ในทางกลับกัน ด้วยฐานอำนาจที่เรามีตอนนี้ เราก็ยังต้องการการสนับสนุนที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับชาลส์และคนอื่น ๆ เพราะอำนาจต่าง ๆ ภายในจักรวรรดิต่างตกอยู่ในมือเหล่าขุนนางทั้งนั้น แม้ว่าเสด็จพ่อของข้าจะสนับสนุนข้าอย่างชัดเจนแล้ว แต่ถ้าพวกขุนนางที่สนับสนุนชาลส์ยังร่วมมือกันต่อต้านข้า เมื่อเสด็จพ่อของข้าสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่คงจะแก้ได้ยากมากทีเดียว
เฮ้อ ประเด็นสำคัญที่สุดก็เห็นจะเป็นตัวตนของข้านี่แหละ เห็นได้ชัดว่าพวกหัวรั้นนั่นจะไม่เลือกข้าอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็กุมอำนาจในมือมากเกินไป ซึ่งถ้าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เสด็จพ่อก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปปลดอำนาจของพวกเขา เรื่องนี้เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวจริง ๆ”
หานซั่วไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากที่เขานั่งลง เพียงแต่ฟังลอว์เรนซ์อธิบาย ซึ่งเมื่อลอว์เรนซ์พูดจบ หานซั่วก็เข้าใจว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ทั้งหมด ดูเหมือนว่าแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากอูห์เทร็ด แต่ข้อได้เปรียบของชาลส์ก็ยังเหนือกว่ามาก และลอว์เรนซ์คงไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้อย่างสงบสุขนัก
“ฝ่าบาท ดยุคแอชเบิร์นมีอำนาจมากมายภายในจักรวรรดิ และบุคคลสำคัญอย่างเขาก็สามารถครองใจและมิตรภาพของขุนนางส่วนใหญ่ การที่เขาสนับสนุนเจ้าชายองค์โตจึงทำเราให้ต่อกรกับพวกเขาลำบากมากทีเดียว ในตอนนี้ แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะยังข่มอำนาจของพวกเขาไว้ได้ แต่ถ้าพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อไหร่ ดยุคแอชเบิร์นจะต้องทุ่มอำนาจทุกอย่างที่มีอย่างสุดกำลัง และอำนาจในมือของเขาก็มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้ เรื่องนี้นับว่าจัดการได้ยากจริง ๆ”
เคานต์ที่ชื่อ ทัลริค พูดกับลอว์เรนซ์
“ใช่แล้วล่ะ เมื่อองค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ ก็จะไม่มีใครสามารถควบคุมดยุคแอชเบิร์นได้อีก”
อีฟวี่พูดพลางนิ่วหน้า
“ฮะ ๆ ๆ พวกท่านมองข้ามคนที่เพิ่งมาถึงนครออซเซ็นเสียแล้ว ถ้าลอว์เรนซ์ได้รับการสนับสนุนจากคน ๆ นี้แล้วล่ะก็ ข้าคิดว่าสถานการณ์จะต้องต่างไปอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ”
เฒ่าฮานน์หัวเราะและพูดขึ้น
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น ทุกคนขยับตัวแต่ก็ถอนหายใจ และบอริสก็พูดขึ้นมา
“เจ้าคนคลั่งและไร้เหตุผลผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาก็จริง แต่เขาไม่ฟังแม้กระทั่งคำสั่งขององค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วใครจะไปเกลี้ยกล่อมเขาได้อีก?”
ลอว์เรนซ์ว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปยังหานซั่วอย่างกระตือรือร้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเอมิลี่และฟีบี้ เขาก็รีบถอนสายตากลับมาทันที
หานซั่วรู้ดีว่าท่าทีของลอว์เรนซ์เมื่อครู่ เป็นเพราะเขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแฟนนี่และฟีเรนซีเป็นอย่างดี เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ หานซั่วรู้ว่าลอว์เรนซ์มีเป้าหมายบางอย่าง และทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เป็นมิตรกับหานซั่ว ซึ่งลอว์เรนซ์ก็พยายามที่จะรวบตัวเขาไว้มานานมาแล้ว ดูเหมือนว่าในบรรดาเจ้าชายทุกพระองค์ ลอว์เรนซ์คือผู้ที่เป็นเจ้าแผนการและมองการณ์ไกลมากที่สุด
********************