Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 386
GDK ตอนที่ 386 ผู้แข็งแกร่งกว่าที่แฝงเร้น
เมื่ออสูรมิติมืดทั้ง 3 เห็นด้วยกับการเข้าร่วมของหานซั่ว หานซั่วก็จึงเริ่มสื่อสารกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในทันที เพราะระยะห่างระหว่างพวกเขากำลังสั้นลงเรื่อย ๆ จึงสามารถส่งผ่านความคิดของเขาไปยังเจ้าโครงกระดูกได้อย่างง่ายดาย เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่เฉลียวฉลาดและกำลังบินมาด้วยความเร็วสูงสุดบนหลังอสูรกระดูก ก็เข้าใจความตั้งใจของหานซั่วเป็นอย่างดี
เมื่ออสูรมิติมืดทั้ง 3 เห็นว่าหานซั่วยอมตกลง พวกมันก็ไม่ได้พยายามสู้รบกันเพื่อแย่งชิงอัญมณีที่อยู่ ณ ใจกลางน้ำพุสีดำอีกต่อไป แต่กลับกระจายตัวออกไปยังเบื้องหน้าของน้ำพุ พร้อมกับสั่งให้อสูรชั้นต่ำที่อยู่รอบ ๆ ให้หยุดสู้รบกัน และค่อย ๆ ล้อมวงเข้ามายังที่แห่งนั้น
อัศวินปีศาจ 2 ตนที่อยู่รอบนอกมุ่งหน้ามายังอัศวินร่างยักษ์ที่กวัดแกว่งดาบใหญ่ที่ยาวถึง 2 เมตรอย่างช้า ๆ ในขณะที่นักรบแห่งความเกลียดชังจำนวนหนึ่งก็กระจายตัวกันอยู่ด้านหน้าของโหงพรายและและขุนพลมัมมี่ พวกมันกำลังเฝ้าระวังบริเวณแห่งนี้ เพื่อตระเตรียมให้พร้อมสำหรับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่กำลังมุ่งหน้ามา
เสียงหวีดแหลมดังขึ้นและค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนืท เงาขนาดใหญ่ ปรากฏชัดขึ้นทีละน้อย ปีกที่เชื่อมต่อกับร่างอสูรกระดูกที่เน่าเปื่อยนั้นมีขนาดความยาวกว่า 5-6 เมตรเมื่อกางออกอย่างเต็มที่ และทั่วทั้งร่างของมันยังปกคลุมไปด้วยเดือยกระดูกที่น่าสะพรึงกลัว จึงทำให้อสูรกระดูกที่สามารถบินได้นี้ดูทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างมากทีเดียว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
กระดูกสีขาวที่ส่องประกายมากกว่า 10 ชิ้นถูกจัดวางให้เป็นเบาะรองบนหลังของอสูรกระดูก และผู้ที่นั่งอยู่บนตัวมันก็คือเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่กำลังถือหอกกระดูกแหลมคม ดวงตาสีม่วงข้างหนึ่งของมันเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ ขณะที่ร่างเล็ก ๆ ของมันปรากฏขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
อัศวินร่างยักษ์ชี้ดาบยาว 2 เมตรของมันไปที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ซึ่งบินมาพร้อมกับอสูรกระดูก พร้อมกับส่งกระแสจิตสื่อสารออกมา
“ครั้งนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่ !!”
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปแล้ว ถ้าเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า!”
เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กมาถึง มันยังคงบินค้างอยู่ในอากาศ จ้องมองลงมาเบื้องล่างขณะนั่งอยู่บนหลังอสูรกระดูก และส่งกระแสจิตออกมา
“ลืมซะเถอะ ข้ายอมให้วิญญาณของข้าถูกทำลายไปซะยังจะดีกว่าต้องตกเป็นทาสของเจ้า!”
อัศวินคำรามก้อง และหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องของมัน
“ฆ่าเจ้าโครงกระดูกน่าสมเพชนี่ซะ!”
เมื่ออัศวินตะโกนออกคำสั่ง ขุนพลมัมมี่และโหงพรายต่างก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องฝั่งของตนโจมตีเช่นกัน อสูรนับร้อย ๆ ที่กรูกันเข้ามาราวกับฝูงตั๊กแตนต่างก็พุ่งเข้าโจมตีเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและอสูรกระดูกของมัน ในบรรดาอสูรเหล่านั้น มีพวกการ์กอยล์ที่สามารถบินได้อยู่ด้วย พวกมันรวมตัวกันและพุ่งเข้าโจมตีในฐานะกองหน้าที่ไม่เกรงกลัวซึ่งความตาย
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจ้องมองลงมายังอสูรชั้นต่ำมากมายหลายชนิดที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา ดวงตาปีศาจสีม่วงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็เปล่งแสงสีม่วงที่ส่องประกาย มันแผ่รัศมีออกมาราวกับระลอกคลื่นและค่อย ๆ ปกคลุมรอบตัวของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กไว้ ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยออร่าแห่งความชั่วร้าย
เมื่ออสูรชั้นต่ำที่กรูเข้ามาปะทะเข้ากับคลื่นพลังออร่าลึกลับนั้น พวกมันหยุดชะงักไป ราวกับว่าลืมไปเสียสิ้นว่าต้องโจมตีเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก แม้แต่เหล่าการ์กอยล์ที่ไม่เกรงกลัวความตายก็บินผ่านเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“เจ้าพวกอสูรชั้นต่ำ ถอยไปซะ!”
กระแสจิตที่น่าเกรงขามเปล่งออกมาจากเจ้าโครงกระดูกต้วเล็กและแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
อสูรที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีม่วงจากเนตรออสูรสีม่วงต่างตกอยู่ในสภาพมึนงง พวกมันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังเกรงกลัวเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างสุดหัวใจ จึงจำต้องฝ่าฝืนคำสั่งของอัศวินร่างยักษ์และขุนพลมัมมี่ ก่อนที่พวกมันทุกตัวจะเปิดทางอย่างเต็มใจ
ดูเหมือนจะมีเพียงอัศวินปีศาจ 2 ตนเท่านั้นที่สามารถทานทนต่ออำนาจของแสงสุกสว่างของเนตรอสูรสีม่วง หลังจากถูกทำให้มึนงงไปพักหนึ่ง พวกมันก็เริ่มโจมตีใส่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอีกครั้ง ระหว่างทาง อัศวินปีศาจ 2 ตนได้คว้าเอานักรบโครงกระดูกข้าง ๆ จำนวนหนึ่งขึ้นมา และกระชากร่างกระดูกของพวกมันออก ก่อนจะขว้างพวกมันขึ้นไปทางเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่ลอยอยู่บนฟ้า
ปัง ปัง ปัง…!!!
และโดยที่ไม่รีรอให้กระดูกมากมายพุ่งเข้ามาถึงตัว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ใช้หอกกระดูกยาวที่อยู่ในมือเหวี่ยงฟาดออกไปครั้งหนึ่ง ปราณแห่งความตายจำนวนมากแผ่ทะลักออกมาอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกทั้งหมดที่ถูกขว้างขึ้นมาระเบิดกระจุยกระจาย
ดูเหมือนเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจะไม่เห็นอัศวินปีศาจทั้ง 2 อยู่ในสายตาเลย มันยังคงมองออกไปยังอสูรมิติมืดทั้ง 3 ตนรวมทั้งหานซั่ว และส่งกระแสจิตออกไปอีกครั้ง
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์ ทางเลือกเดียวของเจ้าคือความตายเท่านั้น!”
อสูรกระดูกบินไปข้างหน้าในทันที และมุ่งหน้าไปยังอัศวินร่างยักษ์ที่สูงกว่า 5 เมตร เจ้าโครงกระดูกกำหอกยาวกว่า 3 เมตรของมันไว้แน่น พร้อมกับปราณแห่งความตายจำนวนมากที่แผ่จิตสังหารรุนแรงไปยังอสูรทั้ง 4 ตน ขุนพลมัมมี่เป็นรายแรกที่ตอบโต้ มันโยนโลงหินโบราณใส่อสูรกระดูกที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กขี่อยู่ และเจตภูตมากมายก็บินออกมาจากร่างของโหงพรายอีกครั้ง เพื่อพุ่งเข้าใส่เจ้าโครงกระดูกอย่างพร้อมเพรียงตามคำสั่งที่ได้รับ
อัศวินร่างยักษ์บังคับม้าไฟของมัน พลางมองขึ้นไปยังเจ้าโครงกระดูกที่กำลังพุ่งตัวเข้ามา ด้วยแรงส่งอันมหาศาล มันเหวี่ยงดาบยาวกว่า 2 เมตรเข้าฟาดฟันเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กด้วยพละกำลังที่ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เจ้าโครงกระดูกชักหอกออกมาก่อนจะเบี่ยงตัวไปข้างหน้า หอกยาวของมันเป็นเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับปราณแห่งความตายจำนวนมหาศาลที่อยู่โดยรอบเอาไว้ ก่อนจะบินเข้าหาดาบใหญ่เล่มนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้า
แคร๊ง…!!!
ดาบขนาดใหญ่กระเด็นลงสู่พื้น ในขณะเดียวกัน อสูรกระดูกก็กระพือปีกของมันจนสามารถปัดโลงหินโบราณของขุนพลมัมมี่ออกไปด้านข้าง
สำหรับเจตภูตที่โหงพรายส่งมาโจมตี พวกมันถูกกันไว้ด้วยมวลแสงของเนตรอสูรสีม่วงก่อนที่จะทันได้เข้าใกล้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก แสงสีม่วงนั้นดูเหมือนจะก่อร่างขึ้นมาเป็นม่านพลังที่มองไม่เห็น ทำให้เจตภูตนับร้อยตนไม่สามารถโจมตีผ่านเข้ามาในม่านพลังได้เลย
หานซั่วร่วมมือกับอสูรมิติมืดตนอื่น ๆ และปล่อยหอกกระดูกออกไป 2 ระลอก อย่างไรก็ตาม หอกกระดูกเหล่านั้นดูเหมือนจะถูกจัดการโดยม่านพลังที่มองไม่เห็น ซึ่งสร้างขึ้นมาจากแสงของเนตรอสูรสีม่วงที่ปกคลุมลงมาจากด้านบน หานซั่วรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสามารถควบคุมเนตรอสูรของดาทาร่าที่พวกเขาได้มาจากพวกโทรลล์ป่า และทำให้เกิดพลังมหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หอกกระดูกที่สร้างขึ้นจากระดับพลังจิตของจอมขมังเวทย์นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถแทงทะลุการป้องกันทางกายภาพเข้าไป เพราะตามทฤษฏีแล้ว ม่านพลังจะขัดขวางสิ่งที่ไร้รูปร่างอย่างพวกเจตภูตได้ แต่ไม่ควรจะขัดขวางหอกกระดูกอันทรงพลังนี้ได้เลย อย่างไรก็ตาม ความจริงมักเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเสมอ หานซั่วเริ่มรู้สึกว่าเจ้าโครงกระดูกตนนี้เริ่มมีความลึกลับมากขึ้นทุกที
หลังจากที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสามารถปัดป้องการโจมตีไว้ได้ทั้งหมดแล้ว มันก็สั่งให้อสูรกระดูกบินวนรอบขุนพลมัมมี่และโหงพราย ในขณะที่อัศวินร่างยักษ์เพิ่งเก็บดาบใหญ่ที่กระเด็นออกไปไกล ซึ่งห่างจากขุนพลมัมมี่และโหงพรายมากเกินไปที่จะกลับมาช่วยทั้งคู่ได้ทัน
ในขณะที่หานซั่วอยู่ใกล้ขุนพลมัมมี่และโหงพรายมากกว่า เมื่อเห็นท่าทีตระหนกตกใจของพวกมัน หานซั่วก็รีบส่งกระแสจิตออกไป
“ข้าจะช่วยพวกเจ้าเอง!”
ทันทีที่พูดจบ หานซั่วก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาทั้ง 2 ตนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตนเองก็เตรียมเวทย์กระตุกวิญญาณซึ่งเตรียมการกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กไว้ก่อนแล้ว ทันทีที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กโจมตีขุนพลมัมมี่ หานซั่วก็จะฉวยโอกาสนั้นร่ายเวทย์กระตุกวิญญาณใส่โหงพรายทันที
ไม่ว่ารูปลักษณ์ของอสูรมิติมืดจะเป็นเช่นไร แต่ทุกตนล้วนมีวิญญาณเป็นรากฐานของการดำรงอยู่ ไม่เว้นแม้แต่โหงพรายประหลาดตนนี้เช่นกัน เมื่อมันถูกเวทย์กระตุกวิญญาณของหานซั่วโจมตีเข้าใส่ แม้วิญญาณของมันจะไม่ถูกทำลาย แต่ก็นับว่าบาดเจ็บอย่างร้ายแรงทีเดียว ตอนนั้นเอง ที่หานซั่วและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจะสามารถกำจัดโหงพรายได้ก่อนเป็นรายแรก
หลังจากนั้น หานซั่วก็จะหันไปสู้กับขุนพลมัมมี่ ในขณะที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็รับมือกับอัศวินร่างยักษ์โดยตรง พวกเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในที่สุด และอสูรทั้ง 3 ตนก็จะไม่สามารถหนีรอดไปจากแผนลวงของหานซั่วและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้เลยแม้แต่ตนเดียว
แผนลวงของหานซั่วเข้าท่ามากทีเดียว หากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผลก็จะออกมาอย่างที่เขาต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะที่หานซั่วกำลังจดจ้องไปที่โหงพรายและพร้อมที่จะกำจัดมันได้ทุกเมื่อ จู่ ๆ จิตของหานซั่วก็สัมผัสได้ถึงความแปรปรวนจาง ๆ จากเบื้องลึกของบ่อน้ำพุดำสนิท
ความแปรปรวนนั้นอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามันเผลอรั่วไหลออกมาโดยบังเอิญจากการที่วิญญาณรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป หากว่าจิตของหานซั่วไม่ได้พัฒนามาถึงขั้นนี้ อาจจะเป็นการยากที่จะรับรู้ถึงสัมผัสที่อ่อนแรงเช่นนี้ได้ ความผันแปรนั้นมีออร่าดึกดำบรรพ์บางอย่างแฝงอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีอสูรที่ทรงพลังอีกตนกำลังซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำพุแห่งนั้น ซึ่งทั้งอัศวินร่างยักษ์ โหงพราย หรือแม้แต่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของมันได้เลยสักตน จึงแทบมิอาจจินตนาการได้เลยว่าอสูรตนนั้นจะมีความแข็งแกร่งและทรงพลังมากเพียงใด
จิตของหานซั่วหมุนวนอย่างรวดเร็ว และพยายามทำความเข้าใจกับออร่าที่รั่วไหลออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วเขาก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที เมื่อระลึกได้ถึงออร่านั้น และนำไปเทียบกับอสูรมิติมืดทรงพลังประเภทหนึ่งที่มีบันทึกไว้ในตำราศาสตร์แห่งความตาย
อสูรที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับเหล่านักเวทย์ผู้ใช้ความตายก็คือ มังกรกระดูก และภายในบ่อน้ำพุสีดำสนิทนี้จะต้องมีมังกรกระดูกที่เจ้าเล่ห์เพทุบายซ่อนกายอยู่เป็นแน่!
มังกรกระดูก จัดว่าเป็นหนึ่งในอสูรทรงอำนาจที่สุดในมิติมืด ซึ่งอสูรที่น่าสะพรึงกลัวทั้งหมดที่ว่าก็ประกอบไปด้วย มังกรกระดูก ราชาโครงกระดูก และ ราชาผีดิบ ที่ล้วนเป็นอสูรระดับสูงสุดทั้งสิ้น และในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำนั้น นักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่มีความแข็งแกร่งในระดับของ จอมขมังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือผู้ที่สามารถอัญเชิญมังกรกระดูกอออกมาได้
มังกรกระดูกนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอสูรมิติมืดที่ทรงพลังที่สุด มันแฝงเร้นร่างกายตนเองไว้ในบ่อมาตั้งแต่แรก และเห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจใช้ประโยชน์จากพลังที่อบอวลจากอัญมณีบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือหัวของมันล่อลวงอสูรมิติมืดที่แข็งแกร่งตนอื่น ๆ ให้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้
ดูเหมือนว่าอัญมณีทรงหยดน้ำที่อยู่ตรงใจกลางบ่อน้ำพุสีดำสนิทนั้นก็คือเหยื่อล่อของมังกรกระดูกมาโดยตลอด เพื่อล่อลวงอสูรทรงพลังอย่างอัศวินร่างยักษ์ ขุนพลมัมมี่ โหงพราย รวมทั้งหานซั่วให้ตกลงสู่กับดัก หากว่าจิตของหานซั่วไม่บังเอิญสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนจาง ๆ ที่แผ่ซ่านออกมาความตื่นเต้นของมังกรกระดูก เขาก็คำนวณได้เลยว่าผู้เดียวที่จะได้ประโยชน์ในครั้งนี้ก็คือมังกรกระดูกตัวนั้นอย่างแน่นอน
ขณะที่เขากำลังพุ่งเข้าใส่โหงพราย หานซั่วก็รีบสื่อสารกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก อธิบายทุกอย่างที่เขาสัมผัสได้ให้ฟัง ก่อนจะถามออกไปว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับมังกรกระดูกได้หรือไม่
“ท่านพ่อ ถ้าในอนาคตล่ะก็ ข้าคงฆ่าและเด็ดหัวมังกรกระดูกได้แน่ ๆ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ไหวหรอก ข้ายังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นน่ะ!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งกระแสจิตตอบกลับมา แม้จะสื่อว่ามันมีพลังความสามารถที่จะวิวัฒนาการได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่ก็ยังมีพละกำลังไม่มากพอที่จะจัดการกับมังกรกระดูกได้ในตอนนี้
เมื่อรู้ว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยังไม่สามารถต่อกรกับมังกรกระดูกได้ ในหัวเขาก็เริ่มหมุนวนเพื่อคิดหาทางออกทันที ขณะที่เข้าไปใกล้โหงพราย หานซั่วก็รีบสั่งการบางอย่างกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก
โลงหินโบราณของขุนพลมัมมี่ฟาดเข้าใส่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในทันที ขณะที่โหงพรายก็ล่าถอยไปด้วยความตระหนก พร้อมกับปลดปล่อยพลังบางอย่างออกมา จู่ ๆ บรรดาเจตภูตที่ออกมาจากร่างของมันก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดยักษ์ โดยหมายจะกักขังเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเอาไว้
หานซั่วร่ายเวทย์สร้างโล่กระดูกขึ้นมา โล่กระดูกขนาดยักษ์นั้นขวางกั้นเบื้องหน้าของขุนพลมัมมี่เอาไว้ ซึ่งก่อให้เกิดการป้องกันที่แน่นหนาสำหรับขุนพลมัมมี่และโหงพราย ทำให้พวกมันสามารถโจมตีเจ้าโครงกระดูกเล็กได้อย่างต่อเนื่องและไร้กังวล
เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่ขี่อยู่บนหลังของอสูรกระดูกเห็นว่าตนเองกำลังติดอยู่ในวงล้อมของเหล่าเจตภูตมากมายนับไม่ถ้วน อสูรกระดูกก็รีบเปลี่ยนทิศทางในทันที และตรงไปยังบ่อน้ำพุสีดำสนิทนั้นแทน
เมื่ออสูรที่แฝงเร้นกายอยู่ยังไม่ทันไหวตัว เดือยกระดูกทั้งเจ็ดบนหลังของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็พุ่งออกไปยังต้นไม้ที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวต้นนั้นทันที พร้อมกับเขวี้ยงหอกกระดูกที่ยาวถึง 3 เมตรในมือไปยังใจกลางของบ่อน้ำพุ
ทันใดนั้น เสียงคำรามน่าสะพรึงกลัวก็ดังออกมาจากเบื้องลึกของบ่อน้ำพุที่ไร้ชีวิต มวลน้ำเริ่มเดือดพล่านขึ้นมาทันที พร้อมกับระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่แผ่กระจายออกไป
หอกกระดูกที่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายพุ่งลงไปยังเบื้องลึกของบ่อน้ำพุที่เดือดพล่าน เห็นได้ชัดว่ามันแทงเข้าใส่มังกรกระดูกจอมเจ้าเล่ห์นั้นได้อย่างแรงทีเดียว ทำให้มังกรกระดูกไม่สามารถขึ้นมาจากบ่อน้ำพุได้ชั่วคราว
เสี้ยววินาทีนั้น เดือยกระดูกทั้งเจ็ดของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็พุ่งไปที่ต้นไม้ และเฉือนรากของมัน กลุ่มควันสีฟ้าจาง ๆ เริ่มฟุ้งกระจายออกมาจากอัญมณีบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนจะถูกกิ่งก้านและใบไม้ที่แห้งเหี่ยวมากมายเหล่านั้นประคองเอาไว้ หลังจากที่เฉือนต้นไม้ได้แล้ว เดือยกระดูกทั้งเจ็ดก็ฉวยโอกาสนั้นรวมตัวเข้าด้วยกัน ขณะรวบเอาอัญมณีบริสุทธิ์บินกลับมาสู่มือของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา
แล้วหอกกระดูกยาว 3 เมตรก็พุ่งขึ้นมาจากบ่อราวกับสายฟ้าที่กลับสู่มือของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ซึ่งมันเร่งให้อสูรกระดูกบินไปหาหานซั่วทันทีโดยไม่เหลียวมองบ่อน้ำพุที่กำลังเดือดพล่านั้นเลย
“เจ้าโครงกระดูกต่ำต้อยน่าสมเพช ข้า… มังกรกระดูก ซาสิก้า จะกำจัดเจ้าเสียให้สิ้นซาก!”
เสียงคำรามดังลั่นดังขึ้นมาจากใต้ดินนั้น ขณะที่มังกรกระดูกร่างยักษ์ซึ่งร่างกายของมันทั้งตัวประกอบไปด้วยกระดูกที่แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำพุ ส่งให้ปราณแห่งความตายที่ทรงพลังและน่าพรั่นพรึงแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งหุบเขา
ทั้งอัศวินร่างยักษ์ ขุนพลมัมมี่ และโหงพรายที่กำลังจะเข้าจู่โจมเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจากทุกทิศทางต่างหันมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพยายามหนีออกไปจากหุบเขาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และเพิกเฉยต่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างสิ้นเชิง แม้แต่อสูรระดับต่ำอย่างนักรบโครงกระดูกและนักรบแห่งความเกลียดชังก็นิ่งอึ้งไปเพราะความกลัว ราวกับว่ายอมจำนนโดยสัญชาติญาณจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนกายหนีไปจากจุดที่พวกมันอยู่