Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 259
ตอนที่ 259 แฮมเบอร์เกอร์
หลี่ไต้เองก็เคยเจอนักกีฬาระดับSเพียงแค่คนเดียวตลอดระยะเวลาที่เป็นโค้ชมา นั้นก็คือหลินเฟยเหลียง นอกจากเขาแล้ว ก็ยังมีหยูเฟยเฟยที่เป็นS
ในการแข่งกรีฑาชาติ นักกีฬาพรสวรรค์ระดับBถือว่าเก่งสุดแล้ว และนักกีฬาระดับAคนเดียวที่เป็นนักวิ่งคนเดียวคือหยางฉือจี๋ ที่พึ่งถูกค้นพบพรสวรรค์โดยหลีไต้เอง และในทีมกรีฑาชาติเองก็มีนักกีฬาระดับAแค่ไม่ถึงคนด้วยซ้ํา ในขณะที่ระดับรนั้นมีแค่หลินเฟ่ยเหลียงคนเดียว
ดังนั้นสําหรับหลี่ไต้ นักกีฬาระดับร้มันเป็นเหมือนกับแพนด้าหรือพวกพันธ์หายากใกล้สูญพันธ์ของวงการกีฬา มีแค่น้อยนิดเท่านั้น
สิ่งที่หลี่ไต้ได้เรียนรู้ระหว่างที่อยู่ในค่ายฝึกอดิดาสทําให้ยืนยันการวิเคราะห์ของหลี่ไม่ได้เลยว่าอเมริกาที่เป็นประเทศมหาอํานาจของวงการบาสเก็ตบอล ไม่ได้ดึงดูดแค่นักกีฬาตัวท็อปในประเทศ แต่รวมไปถึงนักบาสตัวท็อปที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันจากทั่วโลกให้มารวมตัวกันที่แคมป์อดิดาสนี้ด้วย แต่ในบรรดาพวกนั้นมีคนระดับA+แค่คนเดียว ระดับA1คน และA-อีก1คน ซึ่งยืนยันได้เลยว่าระดับSเป็นอะไรที่หายากจริงๆ
แต่ตอนนี้ อัลเลนแฮมป์ตั้นที่อยู่ตรงหน้าหลีไต้คนนี้ เป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ระดับรถึง2กีฬาด้วยกัน
ถ้าระดับ S ทั้ง2กีฬานั้นมันอยู่ในกีฬาประเภทเดียวกันหลี่ได้ก็คงจะไม่แปลกใจมากนัก ตัวอย่างเช่นนักวิ่งระดับSของรุ่น100เมตร ก็จะSของ200เมตรด้วย หรือนักว่ายน้ําที่เป็นSของท่าฟรีสไตล์ก็ไม่แปลกที่จะเป็นรของท่าผีเสื้อด้วย เพราะว่ามันยังอยู่ในประเภทกีฬาเดียวกัน มันจึงใช้ทักษะอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกันทั้งทางร่างกายและเทคนิค
แต่ถึงอย่างนั้น อัลเลนคนนี้ ดันเป็นSในด้านของบาสเก็ตบอล และ อเมริกันฟุตบอล นั้นเป็นสิ่งที่ทําให้หลี่ไต้ตกใจ
ในตอนนั้นเอง อัลเลนมองหน้าหลี่ไต้แล้วถาม “แม่ทําอะไรอยู่เนี่ย แล้วนี้ใคร”
“ผู้ชายคนนี้เป็นสมาชิกของกลุ่มโค้ชจากต่างประเทศ แล้วแม่ก็แค่อยากขอให้เขาช่วยจดตารางการฝึกของแคมป์อดิดาสมาให้หน่อยเท่านั้นเอง”แอนตอบ
“ไม่จําเป็นหรอกแม่ ผมฝึกเองได้”อัลเลนพูดอย่างดื้อดึง
“ฉันว่านายจะต้องเปลี่ยนใจแน่ๆถ้าได้ดูวีดีโอฝึกบาสของแคมป์”หลี่ได้พูดอังกฤษขึ้นมาแบบงูๆปลาๆแต่ทั้ง2คนก็ยังพอเข้าใจได้
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพูด “ฉันอัดวีดีโอการฝึกมาด้วยวันนี้ ดูก่อนก็ได้นะ”
จากนั้นเขาก็เปิดวีดีโอในโทรศัพท์แล้วยื่นให้อัลเลน อัลเลนสนใจวีดีโอนั้นทันที
อัลเลนเป็นคนที่มีความอีโก้สูง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ แต่เขาก็ยังอยากที่จะดูวีดีโอการฝึกอยู่ดี
หลได้มองไปที่อัลเลน รู้สึกได้ถึงความอยากบนใบหน้าของอัลเลนเอง เขาต้องอยากที่จะฝึกเหมือนอย่างในวีดีโอแน่ๆ
ซักแปปนึ่งต่อมา อัลเลนก็ดูจบแล้วยื่นโทรศัพท์กลับมาให้หลี่ไต้
“ไงละ ยังอยากได้วีดีโอการฝึกเพิ่มอีกไหม?”หลี่ไต้ถาม
อัลเลนกระซิบอย่างลังเล “แต่เราไม่มีเงินนะ เราจ่ายให้คุณไม่ได้หรอก”
“5555”หลี่ไต้หัวเราะ “ฉันไม่ได้ต้องการเงินซักหน่อย”
“ฟรีเหรอ บ้าหน่ะ คุณทํางานนะ คุณก็ต้องได้ตั้งซิ”แอนพูด
“แล้วเราก็ไม่ได้ต้องการความเห็นใจการกุศลของคุณด้วย”อัลเลนพูดด้วยหน้าดื้อๆเหมือนเดิม
หลี่ไต้พึ่งสังเกตได้ว่าบางทีนี้อาจจะเป็นเรื่องของความต่างทางวัฒนธรรมก็ได้ ในอเมริกา ไม่มีงานไหนที่ทําฟรีๆ มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่ต้องจ่ายเงินแลกอะไรมา ถ้ามีใครมอะไรให้ เราก็ต้องจ่ายเงินเขา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราไปกินข้าวในร้านอาหารอเมริกา เราก็ต้องให้ทิปพนักงานเสริฟ ไปอยู่โรงแรมเราก็ต้องให้ทิปพนักงานดูแลลานจอดรถ คนถือกระเป๋า ยาวไปยันคนทําความสะอาดห้อง การให้ทิปคนขับรถนับว่าเป็นเรื่องปรกติ ในธุรกิดบริการอย่างเช่น ตัดผมเสริมสวยล้างรถหรืออื่นๆนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะต้องการทิปอย่างแน่นอน
หลี่ได้คิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่หันไปพูดกับอัลเลน “ฉันพึ่งมาถึงที่นี้แล้วจะอยู่ที่นี้อีก2อาทิตย์ งั้นมาตกลงกันดีกว่า ฉันจะอัดวีดีโอการฝึกให้นาย ส่วนนายก็มาเป็นไกด์ให้ฉันละกันระหว่างที่อยู่ที่นี้”
“ไกด์เหรอ?”อัลเลนดระแวงแล้วถาม
“ใช่ ไกด์ไง พาทัวร์อะไรงี้ ฉันเป็นคนต่างชาติ ไม่รู้จักที่นี้เลยซักนิด ฉันเลยต้องการไกด์ แต่ฉันไม่มีตังจะไปจ้างไกด์มืออาชีพไง”หลี่ไต้พูด
“ได้!”อัลเลนตอบอย่างไม่ลังเล “แต่ตอนช่วงเช้าฉันมีทํางาน ว่างแค่ช่วงเที่ยงกับเย็นนะ!”
คืนนั้นเองอัลเลนพาหลีไต่ไปที่ร้านอาหารฟาสฟูดหลายร้าน และหลีไต้ก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเข้าร้านสะดวกซื้อไปซื้อมาม่ากับโดนัทอีกต่อไป
ร้านฟาสฟูดของอเมริกานั้นมีอะไรมากกว่าแค่KFCกับแมคโดนัล มีอีกหลายเจ้าที่หลี่ไต่ไม่เคยรู้จัก แต่เป็นที่นิยมมากในอเมริกา
แต่โดยทั่วไปแล้วร้านฟาสฟูดทุกที่ก็มักจะขายพวก แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนฟราย พิซซ่า แซนวิช ไก่ทอด พาย แอปเปิล โดนัท แต่จะขายในรสชาติและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่นเบอร์เกอร์เนื้อขนาดกลาง เบอร์เกอร์ใหญ่ที่ต้องใช้2มือถือ ดับเบิลชีสเบอร์เกอร์ที่ชีสเยิ้มยืด อะไรก็ตามแต่ที่ไม่มีขายในแมคโดนัลหรือKFC
ยิ่งกว่านั้น ร้านฟาสฟุตบางเจ้ายังมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า พวกเขาใช้วัตถุดิบและส่วนผสมที่ตรงกับที่พวกเขาโฆษณาไว้เด้ะๆ การที่พูดโม้ไว้เยอะแต่ขายได้แข่งขนมปังแปะชิ้นเนื้อโง่ๆไม่ใช่ทางของอเมริกา
แน่นอนว่าฟาสฟุตบางเจ้าอาจจะแพงขึ้นมากกว่านิดหน่อย แต่คนอเมริกาเป็นลูกค้าที่มีเหตุผลมาก คนอเมริกาโดยมาตรฐานแล้วจะแคร์เรื่องของความคุ้มค่ากับราคาที่เขาต้องจ่าย ไม่มีทางที่พวกเขาจะจ่ายเงินราคาแพง เพื่อไปซื้อของราคาถูกแน่นอน
ซูฮงหยีถือรีโมททีวีด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ขอไปดูมาม่าแปป” ซูฮงหยีเดินไปที่โต๊ะแล้วมองจ้องไปที่มาม่าเหมือนกับทําให้อิ่มทิพย์ได้ ตอนที่หลี่ไต้ เปิดประตูเข้ามาพอดี
“หลี่ไต้ หายหัวไปไหนมา มาม่าฉันได้ที่แล้ว และก็ยังเหลือน้ําร้อนอีกครึ่งกา ถ้านายอยากจะใช้ก็ไปต้มน้ําใหม่ เอานะ ฉันอยากจะทําน้ําชาดื่มซักหน่อย”ซูฮงหยีพูดแบบไม่หันหลังกลับไปมอง “ที่นี้แม่งหาน้ําร้อนยากชิบหายเลย ต้องจ่ายให้พนักงาน2ดอลล่ากว่าจะเอากาน้ําร้อนมาให้ได้ เขี้ยวลากดินสุดๆ!”
ชาวตะวันตกส่วนมากไม่ได้มีนิสัยชอบกินน้ําร้อน ปรกติพวกเขากินน้ําก๊อกโดยตรงได้เลย น้ําก๊อกที่นี้กินได้แน่นอน แล้วน้ําร้อนที่มีก็มีแต่ในห้องน้ําซึ่งกินไม่ได้
ปรกติแล้วทางโรงแรมจะไม่ได้ให้กาน้ําร้อนกับทุกห้อง แต่แน่นอนว่าทางโรงแรมก็ต้องมีเตรียมไว้ และก็ต้องให้ทิปพนักงานเพื่อขอกาน้ําร้อนมา
ซูฮงหยีได้กลิ่นบาบีคิวตอนที่เขากําลังจ้วงมาม่าเข้าปาก
“อะไรวะนั้น? กลิ่นหอมมาก!”เขามองกลับไปหาหลี่ไต้แล้วถาม
“ผมซื้อแฮมเบอร์เกอร์มาหลายแบบเลยครับ พอกินยันพรุ่งนี้แน่นอน”หลี่ไต้หยิบอาหารออกมา
“เบอร์เกอร์อีกแล้วเหรอ? ไม่เอาแล้ว! เบอร์เกอร์เที่ยงเบอร์เกอร์เย็น จะแดกเบอร์เกอร์จนตัวจะเป็น3ชั้นแล้วเนี่ย?!”ซูฮงหยีรู้สึกสิ้นหวัง
หลี่ไต้หยิบขึ้นมาโชิ้นแล้วพูด “นี้ไม่ใช่แมคนะครับ”
“ใหญ่มาก กลิ่นหอมด้วย” ซูฮงหยีเข้ามาดูใกล้ๆอย่างสงสัยปล่อยให้มาม่าอึดอยู่ตรงนั้น
“หลี่ไต้ มานี้มา มาเล่นไพ่กัน”ซุงถั่วหมิงพูดเสียงดัง
“เรามี4ขาแล้ว ขาดอีกขาเดียวแล้วเราจะเริ่มไพ่โป๊กเกอร์ล้มเจ้ากันแล้ว”ใครซักคนในนั้นพูด
“เล่นไพ่โป๊กเกอร์อัพเกรดกันดีกว่า”ซุงถั่วหมิงพูดแล้วเสริม “แล้วเรายังต้องมีสํารับเพิ่มด้วย เดี๋ยวฉันจะไป ห้องซูฮงหยีแล้วยมไพ่มาให้นะ”
จากนั้นเขาก็ออกจากห้องไปแล้วปล่อยให้อีก3คนนั่งรอทั้ง3คน รอกัน5-6นาที แต่ดูเหมือนซุงกั๋วหมิงก็ยังไม่กลับมา
ห้องของซูฮงหยีมันก็อยู่ข้างๆห้องเราเองไม่ใช่เหรอ ทําไมซุงมันไปช้าจังเลย มันไม่น่าเกิน5นาทีก็กลับมาได้ละนะ หรือว่าเขาคลานไปวะ“หลี่ลุกขึ้นแล้วเริ่มเป็นห่วง เดี๋ยวฉันไปดูแปปนึงแล้วเดี๋ยวกลับมานะ”
แล้วหลี่ก็เดินตามไป แล้วก็หายไปอีก5-6นาทีเช่นกัน
“หลี่มันเป็นคนใจร้อนไม่ใช่เหรอ ทําไมไปแล้วกลับมาช้าจังอะ”
“หรือว่ามันมีปัญหาอะ เราลองไปดูกันดีกว่า” จากนั้นทั้ง2คนก็ลุกขึ้นตามไปดู
พวกเขาไปถึงหน้าประตูของห้องซูฮงหยี แล้วเห็นว่าประตูมันปิดไม่สนิท พวกเขายินเสียงซุงกั๋วหมิงข้าง
“หลี่ ไอ้เนื้อนั้นมันของฉัน ข้างในนั้นมีชีสด้วย ฉันละชอบชีสสส!”
“หุบปากไป มาก่อนก็ได้ก่อนโว้ย ใครกินหมดก่อนก็ได้อันนั้นไปซิ!”ตาแก่หลี่พูดขึ้นมา
ทั้ง2คนหน้าห้องมองหน้ากันเอง
“ดูเหมือนพวกเขาจะกินอะไรกันอยู่เลย”
“พวกเขาต้องกินของอร่อยกันโดยที่ไม่บอกเราแน่ๆ!”
“เราต้องไปหยุดพวกเขา ไม่ให้กินกันโดยที่ไม่มีพวกเรานะ! ไป เข้าไปข้างในกัน!”
ทั้งคู่ผลักประตูแล้วเข้าไปข้างใน
“หยุดนะ ยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วส่งของกินมาซะดีๆ!”
แต่วินาทีต่อมา เขาก็เห็นชายฉกรรจ์4คนกําลังวงเบอร์เกอร์กินกันรอบโต๊ะ
“อะไรวะ เบอร์เกอร์เหรอ! นี้กินมาทั้งวันแล้วยังไม่พอกันอีกเหรอ?”เขาขํา ขําแบบเดียวกันกับที่ซูฮงหยีทําเมื่อหลายนาทีก่อน
“โอเค พอรู้ว่าเป็นเบอร์เกอร์ฉันเริ่มไม่อยากกินละ แค่ได้กลิ่นก็” เขาทําท่าเหมือนอยากอ้วกตามไปด้วย แต่ห ลังจากนั้นเขาก็พูด “แต่ไอ้ที่นายกินกันอยู่กลิ่นมันหอมเอาเรื่องอยู่นะ”
“ก็แหงซิ นี้มันไม่ใช่แมคที่เรากินมาทั้งวันซักหน่อย!”ซูฮงหยีพูด
“หลี่ได้ เอาอาหารพวกนี้มาจากร้านฟาสฟูตรอบบริเวณนี้มา มาลองกินดูซิ นี้มันอาหารอเมริกันแท้ๆเลยนะ!”
ทั้ง2เขยิบเข้ามาใกล้แล้วเลือกเบอร์เกอร์ไปกินกันคนละชิ้น .. แล้วมันก็ไม่จบที่1ชิ้นอย่างที่คาด
“ฉันเคยคิดว่าที่อเมริกาจะมีแต่แมคกับKFC น่าแปลกใจจริงที่รู้ว่ามีร้านฟาสฟิตอื่นๆตั้งเยอะแยะที่นี้”ซุงกั๋วหมิงพูดพร้อมถือกระดาษห่ออาหารในมือ ก่อนที่จะเรอแล้วพูด “ฉันแอบชอบเบอร์เกอร์ร้านนี้แล้ว เนื้อแน่นชีสยอดเลย ฉันไม่เคยกินเบอร์เกอร์ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย หลี่ไต้ไปซื้อมาจากที่ไหนเนี่ย?”
“เราจะผ่านจุดนั้นตอนที่เราจะไปศูนย์ฝึกAPพรุ่งนี้ครับ แล้วไว้ผมชี้ให้ดู”หลี่ไต้ตอบ
“เออ แล้วแซนวิชนี้ที่เนื้อหนาๆละ ซื้อจากไหน”โค้ชคนนึงถามพร้อมแซนวิชเนื้อก้อนโตในมือ
“ร้านนั้นอยู่ห่างไปหน่อยครับ ประมาณ2กิโลจากนี้ ผมชี้เป้าให้ผ่านโทรศัพท์ก็ได้ครับ”หลี่ไต้ตอบกลับ
โค้ชคนนั้นหัวเราะ “2กิโลเมตรแลกกับแซนวิชแบบนี้ เออ คุ้มค่าวะ”
วันต่อมากลุ่มทัวร์จีนก็ได้ไปเยี่ยมศูนย์ฝึกApอีกครั้ง
แต่รอบนี้มีคนหน้าใหม่จํานวนมากอยู่ที่อัฒจันทร์ พร้อมกับแลปท็อป กําลังดูการฝึกพร้อมจดโน้ตไปด้วยบางเจ้าถึงขั้นถ่ายวีดีโอเก็บไว้แล้วบันทึกช่วงการฝึกตรงๆไปเลย
หลี่ไต้รู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นแมวมอง หัวหน้าโค้ชหรือผู้ช่วยโค้ชจากทีมบาสมหาลัยต่างๆแน่ๆ
บางคนก็เป็นคนรู้จักกันเลยคุยกันเรื่องใครเป็นคนที่สุดในแคมป์นี้ แล้วประเด็นในการคุยนี้ก็คงไม่พ้นระดับA3คน บุตรแห่งnyc นักยิง3แต้ม และไอ้ผอมใต้แป้น
อัลเลนนั้นต้องเป็นที่สนใจแน่ๆถ้าเขาอยู่ที่นี้ หลี่ไต้คิด
และในตอนนั้นเอง ผู้จัดการกรมที่เป็นคนนําทัวร์จีนก็มานั่งข้างๆหลี่ไต้
“หลี่ไต้ ได้ข่าวว่านายไปสํารวจรอบๆที่ๆเราอยู่มาเมื่อวานใช่ไหม?”เขาถาม
“ผมหิวหน่ะครับ ก็เลยออกไปหาอะไรกิน เลยถือโอกาสเดินดูรอบๆด้วยเลย”หลี่ไต้ตอบทันที
“เออ ก็ ยังไงก็ระวังตัวด้วยละกัน เราอยู่ในอเมริกานะ เรื่องความปลอดภัยของที่นี้มันไม่ได้ดีเท่าประเทศเรา”เขาหยุดซักพักแล้วพูดต่อ “ยังไง นายช่วยออกไปก่อนเที่ยงนี้ที่แล้วไปตามหาร้านข้าวใกล้ๆนี้ที่ หาที่ประหยัดๆนะ ถ้าเป็นบุฟเฟได้ยิ่งดีเลย เรายังต้องอยู่ที่นี้อีก10วัน เราจะกินแมคทุกวันไม่ได้ เราต้องหาร้านอื่นเพิ่มไว้เป็นตัวเลือกบ้าง ทั้งในด้านราคาและเมนูอาหารได้ยังไงแล้วกลับมาบอกฉันด้วย”
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา”หลี่ไต้ตอบกลับอย่างไม่ลังเล
อัลเลนน่าจะช่วยเราหาร้านบฟเฟราคาถูกได้ไม่ยาก
“ร้านอาหารถูกๆที่กินได้ไม่อั้นเหรอ? ได้ซิ มาถามถูกคนละ! ปรกติฉันไม่ค่อยมีตั้งเลยกินอาหารแพงๆไม่ได้ แต่ฉันรู้จักร้านถูกเยอะมาก”
เขาพูด แล้วเปิดโทรศัพท์เพื่อดูวีดีโอที่อหลีใต้อัดมาให้
“วีดีโอพวกนี้แยกเป็นส่วนๆเหรอ แต่ละอันก็แบ่งออกเป็นหลายๆการฝึก”อัลเลนเปิดวีดีโอแรกขึ้นมา
“ฉันเลือกมาแค่อันที่มีประโยชน์หน่ะ ส่วนอันที่ไม่มีฉันทิ้งไปแล้ว จะได้ประหยัดแบตเครื่องนายไปด้วย”หลี่ไต้พูด “อย่าลืมซิว่าฉันเองก็เป็นโค้ชมืออาชีพนะ”
“เออหน่ะ ฉันไม่ดูถูกความสามารถนายหรอก ขอบใจมากนะ ฉันรู้ว่านายช่วยฉันไว้ นายมีแอพแผนที่ใช่ไหม นายจะได้หาร้านเจโดยไม่ต้องมีฉันก็ได้”อัลเลนพูด
หลี่ได้ยิ้มแล้วถาม “นายมีวีดีโอฝึกแล้ว นายจะทําไงต่อ มีบางการฝึกที่นายฝึกคนเดียวไม่ได้ด้วยนะ”
“ฉันมีเพื่อนอยู่บ้างหน่ะ พวกเขาก็ช่วยฉันได้!”อัลเลนบอกตัวเองก่อนจะพูด “อีกอย่างฉันก็มีสนามฝึกเป็นของตัวเองด้วย!”
“สนามฝึกของตัวเองเหรอ พูดเป็นเล่นหน่ะ” หลี่ไต้ตอบ
“เอาจริง ฉันพานายไปดูก็ได้ถ้ามไม่เชื่ออะ แต่ฉันก็กลัวว่านายจะไม่กล้าไปกับฉันเนี่ยซิ”
“ฉันเนี่ยนะ ไม่กล้าไปเหรอ ทําไม สนามฝึกของนายมันมีระเบิดฝังไว้รึไง”หลี่ไต้
“มันเป็นชุมชนคนดําอะ มันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร คนขาวไม่ค่อยอยากไปที่นั้นกันหรอก” อัลเลนพูดอย่างมั่นใจ “แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่มีใครกล้าทําร้ายนายหรอกตราบใดที่นายบอกว่านายเป็นเพื่อนฉัน”