Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 258
ตอนที่ 258 ชายผู้เป็นอัจฉริยะ
วันแรกของแคมป์บาสก็ได้ผ่านไป และเหล่าโค้ชที่มาเยี่ยมชมก็นั่งชมการแข่งนั้นทั้งวัน
เอาจริงๆมันก็ไม่ใช่อะไรที่น่าเบื่อหรอก การได้ดูการแข่งบาสระดับสูงถึงแม้จะต้องนั่งดูทั้งวัน แต่มันกลับรู้สึกเหมือนกับว่าดูได้อย่างไม่จบไม่สิ้น
มันก็เหมือนนั่งดูเล่นเกมทางยูทูปแหล่ะ เราชอบมันเพราะว่ามันค่อนข้างมีความสุขเลยที่จะได้ดูการเล่น โดยเฉพาะการเล่นในระดับสูง ถ้าเราไปเล่นเกมนั้นเอง เกมคงจะจบตั้งแต่เริ่มมาได้ไม่กี่นาทีแน่ๆ เพราะงั้น การนั่งดูการเล่นเกมระดับสูงเพื่อที่จะชนะมันนั้น จึงเป็นความพอใจมากกว่า
เป็นแบบเดียวกันกับการดูแข่งฝึกของบาสเก็ตบอล เราสามารถสําผัสได้ถึงความพึงพอใจในการพยายามอย่างหนักของพวกเขา โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาทุกคนฝึกไปพร้อมๆกัน
คนธรรมดาก็มองฝูงชนกันไปแต่คนในนั้นเฝ้ามองแต่ทางออก ในฐานะหัวหน้าโค้ช พวกเขาทุกคนเห็นโลกมาเยอะแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่โค้ชบาส แต่โค้ชที่มาในวันนี้อย่างน้อยก็ต้องได้ข้อมูลอะไรกลับไปบ้างผ่านการวิเคราะห์
สําหรับกลุ่มโค้ชมืออาชีพ ยิ่งพวกเขารู้จักศูนย์ฝึกAPดีเท่าไร ความรู้สึกเคารพก็มีมากเท่านั้น จนตอนนี้พวกเขาแทบจะอยากส่งนักกีฬาของพวกเขาเองมาฝึกที่นี้ด้วยซ้ํา
“นี้มันแค่วันแรกเอง แต่เราก็ได้เห็นการฝึกความเข้มข้นแบบหนักหน่วงแล้ว ฉันเดาว่าถ้าเป็นเด็กเรานะคงเทการฝึกไปตั้งนานแล้วละ
“ขนาดผู้ใหญ่ยังว่ายากเกินไปเลย อย่าว่าแต่เด็กม.ปลายเลย
“เอาจริงๆพวกนายต้องสังเกตแล้วแน่ๆว่ามีหลายคนในนั้นเลยที่ยังไม่ชินกับน้ําหนักการฝึกแบบนี้”
จากนั้นเดวิดมิล หัวหน้าของศูนย์ฝึกAPก็โผล่มาอีกครั้ง
“สุภาพบุรุษทั้งหลาย ผมเดาว่าพวกคุณคงได้อะไรกลับไปเยอะหลังจากได้ดูมาทั้งวันแล้ว”เดวิดมลพูด“การฝึกวันนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น การฝึกของวันพรุ่งนี้จะยิ่งยากและเหนื่อยหนักเข้าไปอีก”
“คุณมิลครับ ผมมีคําถาม”โค้ชที่พูดอังกฤษเก่งถามขึ้นมา “คุณไม่คิดว่าการฝึกหนักขนาดนี้มันมากเกินไปสําหรับเด็กม.ปลายเหรอครับ ผมสังเกตว่าทุกคนเหนื่อยหอบกันมาตลอดเลย”
“คําถามดีนี้”เดวิดมิลยิ้มแล้วตอบ “เป้าหมายการฝึกไม่ใช่เพียงแค่ทําให้ข้อดีของพวกเขาโผล่ออกมานะ แต่มันรวมไปถึงข้อเสียด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่เราต้องทําการฝึกที่ยากมาก”
เดวิดมลพูดต่อ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจํานวนแมวมองและโค้ชจากมหาลัยจะเยอะขึ้นไปอีก พวกเขาหวังว่าจะได้รู้จักกับนักกีฬาทุกคนในทุกๆด้าน ทั้งข้อดี และข้อเสียด้วย”
“คุณมิลครับ งั้นหมายความว่าการเพิ่มความสามารถของพวกเขาก็ไม่ใช่เป้าหมายอย่างเดียวซินะครับ”โค้ชคนนึงถามขึ้นมา
หลังจากหลายวินาที เดวิดมิลก็พูด “เป้าหมายของแคมป์ฝึกส่วนมากก็คือเพิ่มความสามารถของผู้เข้าร่วม แต่เราต่างออกไป เราไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากนักกีฬา เราไม่ต้องการผลกําไรใดๆ เพราะว่าสปอนเซอร์ของเราคือ อดิดาส สําหรับอดิดาสแค่ได้หน้าตาของแบรนด์ก็คุ้มแล้ว เป้าหมายไม่ใช่การฝึกนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม ถ้าพูดกันตรงๆ อดิดาสก็คือลูกค้า และเราก็คือพนักงาน เราต้องทําตามที่พวกเขาต้องการก่อน ส่วนพัฒนาความสามารถเป็นเหมือนโบนัสที่ตามมามากกว่า”
หลังจากนั้นโค้ชทั้งหลายก็ไปรวมตัวกันที่ร้านแมคโดนัลข้างศูนย์ฝึก แล้วก็เคี้ยวแฮมเบอเกอร์กับกินโค้ชรีฟิลไปเรื่อย”
“หืม โค้กแก้วกลางที่นี้เท่ากับแก้วใหญ่ที่จีนเลย แต่ไอ้ไก่ในแซนวิสนี้มันกินยากชิบหายเลย”
“แอปเปิลพายที่นี้อร่อยนะ ลองดูซิ”
“กินแมคที่นี้มันก็ประหยัดดีอยู่หรอก แถมยังโคตรคุ้มเลย ไก่นัคเกตก็ใหญ่กว่าที่จีนตั้ง2เท่า แค่ชิ้นเดียวฉันก็แทบจะอิ่มละเนี่ย”
“แต่เราก็ต้องประหยัดเท่าที่ทําได้อยู่ดีแหล่ะ งบเรามีอย่างจํากัด ฉันหวังว่าเราจะประหยัดถึงที่สุดนะ” รองผู้จัดการเขตพูดแล้วเช็ดมือด้วยผ้าเช็ดมือ
ซูฮงหยีขยับเข้ามาหาหลี่ไต้ แล้วพูด “ฉันเห็นร้านสะดวกซื้อใกล้ถนนที่เราผ่านมา เดี๋ยวไปหาอะไรกินแปปนึงนะ”
“ที่ร้านสะดวกซื้ออเมริกามีอะไรกันบ้างครับ มีพวกขนมปังกับแฮมรึเปล่า?”หลี่ไต้ถาม
ซูฮงหยีเคยมาอเมริกามาก่อน เขาตอบเสียงเบาๆ “ขนมโคตรเยอะ บะหมี่กับโดนัทที่ขจัดความหิวเราได้ไง”
“ผมต้องไปเอากระเป๋ามาใส่มาม่า”หลี่ได้ดื่มโค้กแล้วยืนขึ้น “แล้วผมก็ต้องเข้าห้องน้ําด้วย”
และที่ห้องน้ํา หลี่ไต้ก็ได้ล้างมือแล้วตอนที่เขาออกไปนั้นเอง เขาก็ได้พบกับผู้หญิงผิวสีคนนึงที่มายืนจ้องหน้าเขา
หลี่ไต้จําเธอได้ทันที เพราะเขาเองก็เจอเธอมาหลายรอบแล้ว
หญิงผิวสีคนนั้นเข้าหาหลีไต้ทันที แล้วทักทายเขา “สวัสดีคะ ฉันชื่อแอนเฮมป์ตั้นนะคะ”
“ฮ.ฮัลโหล”หลี่ไต้ตอบกลับ
“คุณใช่คนที่อยู่กลุ่มเยี่ยมชมต่างชาติรึเปล่าคะ?”แอนถาม
หลี่ไต้พยักหน้าอย่างโดยดี
“คุณได้ไปที่แคมป์ฝึกบาสของอดิดาสด้วยใช่ไหมคะ”แอนถามต่อไป
“ใช่ครับ”หลี่ไต้ตอบ
“พรุ่งนี้จะไปอีกไหมคะ”แอนถาม
“ใช่ครับ เราจะอยู่ที่นี้อีกวันนึงตามตารางหน่ะครับ”หลี่ไต้ถามต่อ “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
“คุณพอจะช่วยฉันจดตารางการฝึกของแคมป์อดิดาสให้หน่อยได้ไหมคะ?”แอนหยิบโทรศัพท์เก่าๆออกมา”
“ทําไมคุณไม่ลองไปเองละครับ ใครๆก็ไปที่นั้นได้นี้” หลี่ไต้ถาม
“ฉันต้องไปอีก3มหาลัยในวันพรุ่งนี้คะ ฉันไม่มีเวลาแล้ว”แอนตอบ
“แล้วทําไมถึงอยากให้ผมช่วยแบบนี้ละครับ”หลี่ไต้ถาม
แอนรู้สึกได้ถึงอันตรายเลยพูด “ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันไม่สร้างปัญหาให้คุณแน่นอน ฉันก็แค่อยากให้คุณบันทึกการฝึกแล้วให้ลูกชายฉันดูหน่อยหน่ะคะ ลูกชายฉันควรจะได้เข้าไปที่นั้นแต่ไม่ได้เข้าเพราะเหตุผลบางอย่าง”
แอนพูดเร็วมากจนหลีไต้ฟังไม่ทัน ต้องขอให้พูดซ้ําอีกรอบถึงจะเข้าใจ
“แม่ อยู่นี้นี่เอง” ชายหนุ่มผิวสีวิ่งเข้ามา
ชายผิวสีคนนี้อายุ18ปีโดยประมาณ สูงไม่เกิน1.8เมตรผมชี้ตั้ง เขามีรูปร่างกล้ามเนื้อที่กํายําจนสังเกตเห็นได้แม้กระทั้งรอยสักที่แขน
“นี่ลูกชายฉันเองคะ อัลเลนแฮมป์ตั้น” แอนแนะนํา
“คนนี้หน่ะเหรออัจฉริยะ! หลี่ไต้เปิดโหมดตรวจสอบทันที
และวินาทีต่อมาเขาก็ต้องอึ้ง
ระดับริบาสเก็ตบอล ระดับรอเมริกันฟุตบอล คนบ้าอะไรเป็นระดับรทั้ง2กีฬา ฉันไม่เคยเห็นคนแบบเขามา ก่อนเลย นี้มันอัจฉริยะชัดๆ!