Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 139
โทรศัพท์บนโต๊ะออฟฟิศดังขึ้น มันเป็นสายภายใน บิ่นหลูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเเล้วมีคนพูดทันที “โค้ชหลู นี้ชูเหว่ยตงนะ ผมได้ไฟล์มาเเล้ว เป็นรายชื่อผู้ที่ชนะในโครงการฝึก”
“ส่งมาให้ผมเลย เดี๋ยวผมให้ฉวงซูฉีรู้ทีหลังเอง”บิ่นหลูพูด
“ทีมชาติไม่ได้เลือกฉวงซูฉี พวกเขาเลือกหลี่ไต้!”ชูเหว่ยตงพูดอย่างดีใจ
“อะไรนะครับ! ขออีกที?”บิ่นหลูคิดว่าเขาได้ยินผิด
“ฉวงซูฉีไม่ได้รับเลือก ผู้ชนะจริงๆในเขตเราคือหลี่ไต้”ชูเหว่ยตงพูดซ้ำ
บิ่นหลูตกใจ “นี้มันเเปลกมาก พวกเขาใส่ชื่อฉวงซูฉีไปนี้ เเล้วทำไมหลี่ไต้ถึงได้เเทนละ? เราทำอะไรผิดพลาดหรือทีมชาติเขียนผิดรึเปล่า?”
“อย่ามางี่เง่าหน่าโค้ชหลู พวกเขาจะมาเขียนผิดได้ไง? ตอนที่เรายื่นไฟล์ให้พวกเขา เราไม่ได้ส่งเเค่ชื่ออย่างเดียว เราส่งทั้งประวัติส่วนตัวรวมถึงใบสมัครด้วย มันพลาดไม่ได้หรอกนะ ทีมชาติพวกนี้เองก็รอบคอบมากๆ ไม่มีทางที่ไฟล์ของหลี่ไต้กับฉวงซูฉีจะมาปนกันได้! เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาตั้งใจให้!”
พอพูดเเบบนั้นชูเหว่ยตงก็พูดเบาๆขึ้นมา “ฉันไม่คิดเลยว่าหลี่ไต้มันจะมีเส้นสายกับทีมชาติเยอะขนาดนี้”
บิ่นหลูพึ่งรู้สึกตัวว่าทางทีมเขตได้เสนอชื่อของฉวงซูฉีไปคนเดียว เเต่ทีมชาติกลับเลือกหลี่ไต้ เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่ไต้หาคนในทีมชาติมาวิ่งเต้นเเทนเขา
นึกถึงตอนที่ฮูจินหลงจำลี่ไต้ได้ทันทีในตอนที่เจอกันตอนนั้น บิ่นหลูเเน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดมันถูกเเน่ๆ
ฉันละตกใจจริงๆที่หลี่ไต้มันมีเส้นสายเยอะเเบบนี้เเต่กลับทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมไปวันๆ
พอคิดเเบบนี้เเล้ว บิ่นหลูพูด “ส่งไฟล์มาให้ผมเลย ผมจะเรียกประชุมโค้ชเเล้วเเจ้งเรื่องเดี๋ยวนี้เเหล่ะ”
…
ในห้องประชุมของทีมกรีฑาเยาวชน
“ผมได้เน้นย้ำทุกเรื่องหมดเเล้วนะ ถ้ากลับไปเเล้วก็ช่วยอธิบายสถานการณ์ต่างๆให้กับลูกทีมฟังด้วยละกัน เเล้วก็เรื่องต่อไปผมมีเรื่องที่ต้องประกาศ”บิ่นหลูหยิบเเฟ้มเอกสารขึ้นมาเเล้วเอากระดาษในนั้นออกมาเเผ่นนึง ก่อนที่จะพูดต่อ “ผมพึ่งได้รับประกาศจากกรมการกีฬาเขตของเราวันนี้ ว่าพวกเขาได้ส่งรายชื่อสุดท้ายที่จะได้เข้าโครงการฝึกมาเเล้ว”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉวงซูฉีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขายืนขึ้นเเล้วเตรียมรับประกาศนั้นจากบิ่นหลู
เเต่กลับกัน บิ่นหลูยื่นประกาศนั้นให้กับหลี่ไต้เเล้วพูด “หลี่ไต้ในนี้มีรายละเอียดอยู่ข้างล่างเช่นพวกเวลารายงานตัว สถานที่เเล้วก็ของที่ต้องเตรียมไป อ่านดีๆเเล้วเตรียมทุกอย่างที่ในนี้บอกไป เริ่มเก็บของได้เลยเเล้วก็พยายามไปก่อนเวลานะ อย่าลืมกรอกเอกสารใบลาด้วยละ”หลี่ไต้ยืนขึ้นรับเอกสารจากมือบิ่นหลูอย่างมีความสุข ส่วนในอีกฟากนึงของห้อง ฉวงซูฉียืนคว้างเเบบนั้น เขายืนอยู่คนเดียวเเบบไม่มีเหตุผลทำให้เขาดูเเปลกทันที
ฉวงซูฉีไม่ได้รู้สึกอายเลยเเม้เเต่น้อย เเล้วกลับถามบิ่นหลูว่า”โค้ชครับ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ?ทำไมเป็นหลี่ไต้ละครับ? กรมการกีฬาเขตเขาเลือกผมลงในโครงการฝึกไม่ใช่เหรอครับ!”
บิ่นหลูส่ายหัว “ฉันไม่รู้หรอก ทางกรมการกีฬาเขตส่งเอกสารนี้มาให้ทีมกรีฑาเองเเล้วทีมกรีฑาหลักก็ส่งมันมาให้เราอีกที ฉันก็เลยปริ้นออกมาเเล้วชื่อนายไม่ได้อยู่ในรายชื่อเเต่มีชื่อหลี่ไต้เเทน ทีมเราต้องทำในสิ่งที่ควรทำ ทำไมชื่อนายไม่อยู่ในรายชื่อเหรอ? ไม่รู้ดิ ลองไปถามกรมการกีฬาเขตดูซิ”
“นี้มันเป็นไปไม่ได้!ทำไมฉันถึงไม่มีในรายชื่อวะ?”ฉวงมองหน้าหลี่
หลี่ไต้กระเเอมนิดหน่อยทำหน้าขิงเเล้วพูด “โค้ชฉวง ฉันก็ไม่เห็นชื่อนายอยู่ในนี้เหมือนกัน อยากลองดูเอกสารเองไหมละ?”
หลี่ไต้ส่งเอกสารไปให้ฉวงซูฉี ฉวงหยิบมันมาทันที
มีรายชื่อคนเดือบ30คนอยู่ในนี้ ฉวงอ่านไล่รายชื่อนั้นอย่างรวดเร็วเเต่ก็ไม่เห็นชื่อเขา เเต่เขาก็ยังไม่หมดความพยายาม เขาหาเเล้ว หาอีก หาเเล้ว หาอีก
ชื่อของฉวงซูฉีไม่มีอยู่ในรายชื่อ ไม่ว่าจะหาซักกี่รอบมันก็ไม่มี ทำยังไงก็ไม่มี
“เกิดอะไรขึ้น? ฉันเป็นคนที่ถูกกรมเขตเลือกนะ! ทำไมชื่อของฉันถึงไม่อยู่ในนี้ละ?”ฉวงซูฉีโทษไปทั่ว เริ่มจากการตรวจสอบของเอกสารนี้ก่อนเป็นอย่างเเรก
ถึงเเม้กระดาษนี้จะถูกปริ้บเเบบขาวดำมาเเล้วก็ไม่มีจ่าหัวข้อสีเเดงเพื่อบอกว่าเป็นเอกสารสำคัญ เเต่ตราประทับของสมาคมกรีฑามันชัดเจนมากจนทำลายความหวังของฉวงซูฉี
โค้ชทุกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาเเปลกๆ ฉวงรู้สึกได้ว่าเขากำลังโดนเหยียดหยามเเละเยาะเย้ย ตอนนี้เขากลายเป็นศูนย์รวมของการโดนล้อไปเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ฉวงซูฉีเคยอวดไปทั่วว่าอีกไม่นานเขาจะได้ไปฝึกกับทีมชาติ เขาอวดหับทุกคนจริงๆตั้งเเต่ภารโรงยันพ่อครัว เเต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนชนะ ทุกคนเลยมองเขาเป็นตัวตลก
…
ในโรงอาหารของทีมเยาวชน โค้ชต่างๆกำลังพูดคุยถึงเรื่องในห้องประชุมกันอยู่
“เป็นโชวที่ดีจริงๆเลยวันนี้! ฉวงยืนขึ้นมาเเล้วตอนที่เขาได้ยินคำว่ารายชื่อสุดท้าย เเต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ชื่อเขา55555 ขำชิบหายเลย คงอายมุดเเผ่นดินเลยมั่ง!”
“โคตรขำอะ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงเอาหัวลงดินไปเเล้ว”
“ก็เเม่งดันอวดไปทั่วขนาดนั้น มาบอกว่าเขาจะได้เข้าทีมชาติ เเหม เเล้วเป็นไงละ เเห้ว ฉันละสงสัยจะว่าตอนนี้เขาไปมุดหัวอยู่ไหนเเล้ว”
“ชู่วววว เงียบก่อน ฉวงมาเเล้ว”
พวกเขาหยุดคุยกันทันทีที่ฉวงเดินเข้ามาในโรงอาหาร ในขณะเดียวกันเชฟหวางก็ออกมาจากครัวพร้อมตระกร้าไม้ไผ่ ตะโกน “ใครอยากกินหมั่นโถวบ้าง ฉันพึ่งทำเสร็จสดๆเลย กลิ่นมันหอมมาก!”
เชฟหวางวางตระกร้าลงเเล้วเงยหน้าขึ้น เขาเห็นฉวงซูฉีเดินมาทางเขากำลังถือถาดอยู่
“อ้าวโค้ชฉวง จะออกไปทีมชาติเมื่อไรละ มีข่าวอะไรไหม?”เชฟหวางถามด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดเลยว่าเชฟหวางไม่รู้ข่าวที่ประกาศออกมาเเล้ว เเล้วก็ไม่รู้เรื่องที่ชื่อของฉวงไม่อยู่ในนั้น
เขาถามเพราะว่าตอนนั้นฉวงเอาเเต่อวดว่าเขาจะได้ไปทีมชาติ เเต่ถึงอย่างงี้น คำทักทายนี้มันเหมือนกับเยาะเย้ยเขามากกว่า
เเม้เเต่พ่อครัวอย่างเเกยังมาล้อฉันอีกเหรอ! ฉวงด้าเชฟหวางในใจเเล้วมองเขาด้วยความโกรธ เขาเขวี้ยงจานข้าวลงกับพื้น
“พอกันที!”ฉวงซูฉีเดือดจัด เขาเดินกลับทันที
เชฟหวางงงเป็นไก่ตาเเตก เขายืนกระพริบตาปริบๆ
“อะไรเนี่ย เขายังไม่ได้กินข้าวเลย ทำไมออกไปเเล้วละ หรือว่าหมั่นโถวฉันรสชาติเเย่เหรอ?”เชฟหวางมองไปหมั่วโถวในตะกร้าอย่างงงๆ