เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 793-794
793 ฉินหงจื้อ ขอความช่วยเหลือจากสถาบันวิจัยทางการ แพทย์ฮียหลิง
จากนั้นเจียนอีหลิงก็ไปกับฉันหยุฝานส่วนฉันชวนกลับเข้าไปในที่พัก
ครั้งนี้ฉินหงจื้อสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเจียนอีหลิง เนื่องจากฉินหงจื้อรู้สึกไม่ดีกับเจียนอีหลิงเขาจึงอารมณ์เสียใส่ฉินหยฝาน “จะบ้าหรือไง จะพาคนนอกมาทําไม อยากให้พรุ่งนี้เช้าทุกคนรู้ถึงความเจ็บป่วยของฉันใช่ไหม?”
เรื่องความเจ็บป่วยของฉินหงจื้อต้องปิดเป็นความลับ ไม่เช่นนั้น อาจกระทบกิจการของตระกูลฉัน
“พ่อ อีหลิงจะไม่พูดอะไร” ฉินหยฝานอธิบาย
“รู้ได้ยังไงว่าเธอจะไม่ทํา เธอเป็นผู้นําตระกูลหญิงในอนาคตของตระกูลจ๋าย แล้วเธอก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉิน ทําไมถึงต้องไว้ใจเธอ?”
“พ่อคะ อีหลิงเป็นเพื่อนฉัน” ฉันหยุฝานไม่อยากเถียงกับพ่อของเธอในตอนนี้ เพราะเขากําลังป่วยแต่คําพูดของพ่อกลับแทงใจเธออีกครั้ง
“ฉันไม่เชื่อในคนที่เธอเรียกว่าเพื่อน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉันชวนก็พูดอย่างเย็นชาว่า “อีหลิงเป็นหมอ ในสถานการณ์แบบนี้พ่อคิดว่ามันไม่ดีที่เธอจะรู้เรื่องนี้หรอกเหรอ?” คําพูดของฉันชวนทําให้ฉันหงจื้อใจเย็นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นฉันชวนเสริม “เธอจะไม่พูดเรื่องนี้ ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว ผมจะส่งเธอกลับบ้านเดี่ยวนี้” เมื่อรู้ว่าฉันหงจื้อไม่ชอบการมีคนนอกอยู่ในช่วงนี้ ฉันชวนจึงพาเจียนอีหลิงออกไปก่อน
นี่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้เจี่ยนอีหลิงไม่สบายใจ
ตระกูลฉันทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก สิ่งนี้ทําให้ตระกูลฉินเป็นกังวลมากขึ้น
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉินหงรุ่ยและภรรยา จากนั้นฉันชวนและฉินหยุฝานก็ประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกันสุดท้ายฉินหงจื้อก็ป่วย
ดูเหมือนว่าตระกูลฉันจะผ่านปีที่เลวร้ายไป
และด้วยเหตุนี้ สมาชิกของตระกูลจึงกระตุ้นให้ฉินหงจื้อตัดสินใจเลือกผู้สืบทอดโดยเร็วที่สุด อีกทั้งยังต้องการให้เขาเขียนพินัยกรรมด้วย
เนื่องจากเมื่อคืนนี้การไม่เชื่อฟังของฉันชวนทําให้ฉันหงอลังเลที่จะตัดสินผู้สืบทอดเฉินหงจื้อจึงเลิกเขียนพินัยกรรม ในทางกลับกันเขาเพิ่มพลังในการพยายามช่วยชีวิตตัวเอง
หลังจากที่คนของฉินหงอค้นหาไปรอบๆ พวกเขาก็น่าข่าวดีกลับมาให้ฉันหงจื้อ
มีสถาบันที่ทําการวิจัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในประเทศจีน ว่ากันว่าสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮึยหลิงกําลังทดสอบยาตัวใหม่ที่สามารถควบคุมชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ส่งผลต่อฉินหงจื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮียหลิงงั้นเหรอ?
นี่เป็นข่าวดีสําหรับฉันหงจื้อ ยังไงก็ตามสถาบันวิจัยทางการแพทย์ชุ่ยหลิงไม่มีกฎเกณฑ์และข้อบังคับเช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซ็น พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้ป่วยมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่
เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซินแล้ว การติดต่อกับบุคคลจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุยหลิงทําได้ง่ายกว่ามาก
“ติดต่อกับพวกเขา” ฉินหงจื้อเร่งคนของเขา
ไม่นานหลังจากนั้น คนของฉันหงจื้อได้เชิญเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ขี่ยหลิงเข้ามาที่บ้านกระกูลฉิน
สองคนที่มาเป็นชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน
ดูเหมือนทั้งคู่จะอายุไม่ถึงสามสิบปี ผู้หญิงคนนั้นสูง องอาจ และดูน่าเกรงขาม
เธอดูเหมือนผู้หญิงที่มีอํานาจและมีความสามารถ
ผู้ชายใส่แว่นขอบทอง ดูมีการศึกษาและอ่อนโยน
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ดร.หลัว เธอเชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยา อีกคนคือ ดร.เฉิง เขาเชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา”
หลังจากฟังการแนะนําจากคนของเขา ฉินหงจื้อก็ทักทายหลัวซิวเอ็นและเฉิงอื้อย่างกระตือรือร้น
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคน”
“มิสเตอร์ฉินไม่ต้องสุภาพ แค่พูดในสิ่งที่ต้องการก็พอ” หลัวซิ่วเฉินไม่ประทับใจเขา เพราะเธอไม่ได้มาที่นี่ด้วยความสมัครใจ
ฉินหงจื้อส่งคนไป “เชิญ” พวกเขามาที่นี่ เนื่องจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์สุ่ยหลิงไม่กล้าสู้กับตระกูลฉินพวกเขาจึงถูกบังคับให้มาพบกับฉินหงจื้อ
บทที่ 794 Dr.FS ช่วยคุณได้
จากนั้นฉันหงจื้ออธิบายเงื่อนไขให้หลัวซิ่วเอ็นและเฉิงอี้ฟัง
เมื่อได้ยินดังนั้นเฉิงอี้ก็ยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนจะดันแว่นขึ้นอย่างเป็นนิสัย “มิสเตอร์ฉินข่าวที่ได้ยินไม่น่าเชื่อถือ ยายังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและระยะทดลอง ดังนั้น ยังมีทางอีกยาวไกล ก่อนที่จะสามารถซื้อจากตลาดได้ หากมิสเตอร์ฉันต้องการเป็นผู้ทดลองมนุษย์คนแรกของเรา เราก็ไม่ว่าอะไร”
คําพูดของเฉิงอี้ทําให้ฉินหงจื้ออารมณ์เสียอีกแล้ว
“ยังไม่มีการทดลองของมนุษย์เลยงั้นเหรอ?” ฉินหงจื๊อไม่กล้าเป็นคนแรกที่ถูกทดลองเขาจะรับความเสี่ยงมากเกินไป
เฉิงอี้ให้คําตอบที่ชัดเจน “ณ ตอนนี้ เราเพิ่งทําการทดลองกับสัตว์เท่านั้น การทดลองในมนุษย์อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง”
ดูเหมือนว่าฉินหงจื้อมีความสุขโดยไม่มีเหตุผล
“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะถามหมอหลัวและหมอเฉิง พวกคุณรู้จักสถาบันวิจัยอื่นๆที่กําลังก้าวหน้าในการค้นคว้าเกี่ยวกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวบ้างไหม?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เฉิงอี้ตอบ “ณ ตอนนี้ ฉันยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”
มีสถาบันวิจัยอื่นหลายแห่งที่คล้ายกับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮียหลิง
แต่ยังไม่มีใครเปิดเผยผลการวิจัยต่อสาธารณะ เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันหงจื้อก็ใจสลาย
ฉินหงจื้อถามว่า “ถ้าอย่างนั้น การทดลองของมนุษย์จะเริ่มเมื่อใด?”
เฉิงอี้ “มิสเตอร์ฉินเราไม่สามารถให้คําตอบที่ชัดเจนสําหรับคําถามนี้ได้” ฉินหงจื้อ “แล้วมีวิธีไหนที่จะช่วยให้ความคืบหน้าเร็วขึ้นไหม?”
เฉิงอี้ “อืม มีวิธีอยู่” เมื่อได้ยินดังนั้นฉันหงจื้อก็รีบถามว่า “วิธีแก้ปัญหาคืออะไร” เฉิงอี้ “Dr.FS สามารถช่วยเหลือในการวิจัยได้” ฉินหงจื้อ “Dr.FS? เจียนอีหลิงเป็นแค่ศัลยแพทย์ไม่ใช่เหรอ?”
เฉินหงอื้อฉันตกใจเมื่อได้ยินชื่อเจียนอีหลิง
เขาเจอเจียนอีหลิงเมื่อคืน เขายังขับไล่ให้เธอออกห่างจากตระกูลฉินของเขาด้วย
เฉิงอี้ “มิสเตอร์ฉิน ดูเหมือนจะไม่มีความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับ Dr.FS ทุกคนในวงการของเรารู้ดีว่าการเป็นศัลยแพทย์ของ Dr.FS นั้นเป็นอาชีพเสริม แต่งานหลักคือการทําและค้นคว้ายา”
มีวารสารวิชาการหลายฉบับที่พูดถึงงานวิจัยเภสัชวิทยาของ Dr.FS นักวิชาการสามารถอ่านวิทยานิพนธ์ของเจียนอีหลิง ได้จากวารสารวิชาการเหล่านี้
แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ก็จะไม่รู้เรื่องนี้ ในทางกลับกันพวกเขารู้แค่ว่าเธอผ่าตัดได้ดีมาก
ฉินหงจื้อ “อะไรนะ จริงแหรอ?”
เฉินหงจื้อทําหน้าประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าเจียนอีหลิงจะมีความสามารถมากกว่าที่เขาคาดไว้มาก
เขาไม่นึกเลยว่าเจียนอีหลิงจะเข้าสู่วงการยา
เฉิงอี้ “ดูเหมือนคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับภรรยาจริงๆ”
เฉิงอี้พูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
ฉินหงจื้อ “ดร.เฉิง หมายความว่าไง?”
เฉิงอี้ “ภรรยาของคุณได้รับการดูแลจาก Dr.FS และผม”
ฉินหงจื้อ “มีอะไรอย่างนั้นด้วยเหรอ?” ฉินหงจื้อครุ่นคิดอย่างหนัก
เฉิงอี้ “มิสเตอร์ฉิน ที่เราพูดมาก็ชัดเจนดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เรากลับก่อน การวิจัยของเรายังอยู่ในระหว่างดําเนินการ
เมื่อเฉิงอี้พูดแบบนี้ ฉินหงจื่อตัดสินใจที่จะไม่รั้งพวกเขาไว้อีก เขารีบขอให้ใครบางคนส่งพวกเขากลับไปที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮียหลิงโดยเร็ว
ระหว่างทางหลัวซิ่วเอินถามเฉิงอี้ “ทําไมนายบอกเขามากเกี่ยวกับอีหลิง?”
เฉิงอี้ยิ้มก่อนจะตอบว่า “ฉันแค่พูดความจริง”
หลัวซิ่วเอ็น “นายไม่กังวลเหรอว่าเขาจะไปรังควานอีหลิง?”
เฉิงอี้ “อม ตอนนี้เขากําลังขอความช่วยเหลือ ดังนั้น เขาจึงไม่กล้ารังควานอีหลิง ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตอีหลิงให้ความสนใจเรื่องตระกูลฉันเป็นอย่างมาก และเรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์สําหรับเธอ”