เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 791-792
นิยาย เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 791 กรรมของฉินหงซื้อ
เมื่อเห็นแบบนี้เจี่ยนอีหลิงจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินหยุฝานตอบออกมาด้วยความยากลําบาก “พ่อฉัน..เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือด
ขาว.. ”
คําพูดของฉันหยุฝานทําให้เจียนอีหลิงอึ้งไปพักหนึ่ง แต่เธอก็ไม่แปลกใจ
เฉินหงจื้อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเช่นเดียวกันกับในนวนิยายต้นฉบับ
ถ้าฉันหงจื้อไม่ตายตั้งแต่เนิ่นๆ ฉันชวนก็ไม่สามารถเป็นหัวหน้าของตระกูลฉินได้ และเขาคงไม่สามารถใช้อํานาจของตระกูลฉินได้
ดังนั้น จากมุมมองของนิยายต้นฉบับ ฉินหงจื้อจึงต้องตายก่อนเพื่อให้ฉันชวนมีอํานาจตาม
สมควร
ในนวนิยายต้นฉบับฉันชวนยืนอยู่ข้างเตียงพยาบาลของพ่อ ในขณะที่พ่อเขากําลังจะตาย ฉินชวนบอกความจริงว่าเขาไม่เคยให้อภัยฉินหงจื้อได้จริงๆ
ในขณะที่กําลังจะตายฉันหงจื้อบอกฉันชวนอย่างเจ็บปวดว่า เขาไม่ได้ขอการให้อภัย เขาแค่หวังว่าฉันชวนจะจัดการฉินกรุ๊ปได้เป็นอย่างดี
และตอนนี้เนื้อเรื่องของนิยายต้นฉบับก็เป็นไปตามคาด
เพียงแต่ว่าตระกูลฉินในตอนนี้ต่างจากเดิมเล็กน้อย
แม่ของฉันชวนยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างฉันหยุฝานและฉันชวนก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เจียนอีหลิงกับฉันหยุผ่านไปที่บ้านตระกูลฉิน
บ้านถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ
แม่ของฉันชวนที่ไม่เต็มใจจะเหยียบเข้าไปในบ้านของกระกูลฉิน แต่ก็จําเป็นต้องยกเว้นและเดินเข้าไปในบ้านในวันนี้
ในตอนนี้ใบหน้าของฉินหงจื้อนั้นซีดมาก ไม่ใช่เพราะมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่เป็นเพราะเขาตกใจกับข่าวของตนเอง
เป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นทุกคนมารวมกันในห้องนั่งเล่น
มีเพียงเจี่ยนอีหลิงที่เป็นคนนอก
ทุกคนในตระกูลฉันยืนอยู่ตรงหน้าฉินหงจื้อ พวกเขามองมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ขอเวลาให้ฉันได้อยู่คนเดียวบ้าง” ฉินหงจื้อกล่าว
ความตายรออยู่ตรงหน้า เขารู้สึกกลัวจริงๆ
“พ่อค่ะ แม้แต่อาการป่วยของลุงก็รักษาได้ เรายังมีหวัง”
แม้ว่าฉันหยุฝานจะเกลียดฉินหงจื้อแต่สุดท้ายก็เธอยังรักเขามาก ในเวลาแบบนี้ฉันหยุฝานก็ยังหวังว่าอาการป่วยของพ่อจะหายและกลับมาสบายดีอีกครั้ง
“พ่อรู้ว่าลูกกําลังพูดถึงอะไร พ่อขอให้ใครซักคนอัปโหลดเรื่องของพ่อไปที่เว็บไซต์ทางการของโรงพยาบาลรั่วไห่เซ็นแล้ว แต่มีโอกาสน้อยมากที่พ่อจะได้รับเลือก ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าพ่อจะถูกเลือก พ่อก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นพ่อจะยังมีชีวิตอยู่ไหม”
เฉินหงจื้ออาจไม่สมหวังในเรื่องนี้
“พ่อไม่รู้จักมิสเตอร์หลีเหรอ ขอให้เขาช่วยได้ไหม” ฉินหยุฝานถามอีกครั้ง
“ครั้งสุดท้ายที่พ่อทําให้เขาขุ่นเคืองก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อเขาอีกเลย อีกอย่างพ่อก็ไม่รู้ว่าจะยอมรับเงื่อนไขการรักษาของโรงพยาบาลรั่วไห่เซินได้หรือเปล่า”
นี่คือกรรมงั้นเหรอ?
เมื่อฉันหงรุ่ยป่วย ฉินหงจื้อพยายามห้ามไม่ให้เขารับการรักษา เขาต้องการทําลายข้อตกลงระหว่างฉินหงรุ่ยกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน
แต่ตอนนี้ถึงตาเขาที่ต้องป่วยด้วยโรคร้ายบ้าง
“ถ้าอย่างนั้น… แม้ว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะช่วยอะไรไม่ได้…ก็ยังมีแพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ําหน้ามากในตอนนี้ การเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่จําเป็นที่จะต้องตาย” ฉินหยุฝานกล่าว เสียงเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความเศร้าโศก
“พ่อคุยกับหมอเมื่อเช้าแล้ว ความหวังมีไม่มากนัก แม้ว่าพ่อจะหาไขกระดูกที่ตรงกันสําหรับการปลูกถ่ายไขกระดูกได้ แต่ความเป็นไปได้ที่จะรักษาให้หายขาดก็ ยังต่ามาก” ฉินหงจื้อกล่าวอย่างจริงจัง
จากช่วงเวลาที่เขาได้รับการวินิจฉัย ฉินหงจื้อใช้กําลังคนและทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อแสวงหาการรักษาที่เป็นไปได้สําหรับตัวเอง เขาต้องการโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่วันนี้เขากลับได้ยินข่าวร้ายมากขึ้น
ฉันชวนกล่าวว่า “นี่อาจจะเป็นผลกรรม” ด้วยคําพูดเหล่านี้ บรรยากาศในห้องนั่งเล่นที่ตกต่าอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก “ฉันชวนลูกกําลังพูดเรื่องอะไร” ฉินหงจื้อร้องออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
บทที่ 712 พี่ชายและน้องสาว
ฉันชวนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมบอกว่านี่เป็นผลกรรม ก็เพราะหากคุณไม่โต้เถียงกับโรงพยาบาลลัวไห่เซ็นในตอนแรก บางที่คุณอาจจะติดต่อพวกเขาได้ในวันนี้ใช่ไหม?”
“ฉันชวนฉันเป็นพ่อแกนะ นี่คือทัศนคติที่มีต่อพ่องั้นเหรอ?”
ฉินหงจื้อลูกขึ้นทันทีและตะโกนใส่ฉันชวน
“อ้าว ตอนนี้คุณจําได้ว่าเป็นพ่อของผมงั้นเหรอ?” ฉันชวนตอบอย่างเย็นชา
“แค่กแค่กแค่กแค่ก…” ฉินหงจื้อโมโหมาก
ฉันชวนมีเหตุผลที่จะปฏิบัติต่อเขาไม่ดีในวันอื่น แต่วันนี้เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ลูกชายก็ยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิม
แม่ของฉันชวนรีบบอก “อย่าเถียงพ่อ ยังไงเขาก็ยังเป็นพ่อเธออยู่ ตอนนี้เขาไม่สบาย”
ฉันชวนหันหน้าเดินจากไปโดยไม่ตอบอะไร
การกระทํานี้คล้ายกับการเติมเชื้อเพลิงในการจุดไฟ “เจ้าลูกนอกคอก” ฉินหงจื้อโกรธมากจนทรุดตัวลงบนโซฟา เขาไออย่างรุนแรงขณะจ้องมองลูกชาย
เมื่อเจียนอีหลิงเห็นฉันชวนออกจากห้อง เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตามเขาออกไป
เธอเห็นว่าฉันชวนไปได้ไม่ไกล ในทางกลับกันเขายืนรับลมเย็นๆที่ลานบ้าน
“นายตั้งใจทําอย่างนั้นแหรอ?” เจียนอีหลิงถาม เมื่อได้ยินเสียงฉินชวนก็หันหน้าไปมองเจียนอีหลิงแล้วยิ้ม
“จะตั้งใจหรือไม่ก็ไม่สําคัญ ฉันไม่ได้มองว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ อีกอย่างฉันเชื่อว่าการผลกรรมเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสถานการณ์ในวันนี้ ฉันก็แค่พูดความจริง”
แต่เขาจงใจทําให้ฉินหงจื้อโกรธ
เพราะท้ายที่สุด เขาต้องการสละตําแหน่งผู้สืบทอดตระกูลฉันให้กับฉันหยุฝาน
เนื่องจากฉินหงจื้อป่วย ในไม่ช้าเขาจะตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้สืบทอด
สําหรับฉันชวนที่โกรธเคืองและยั่วยเขาในเวลานี้ เขาก็แค่ปฏิเสธตําแหน่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“แต่นายดูเศร้าไปหน่อย” เจี่ยนอีหลิงพูด ฉันชวนหันหน้าไปมองเจี่ยนอีหลิงอย่างลึกซึ้ง
แม้ว่าใบหน้าจะดูเยือกเย็นเหลือเกินแต่ดวงตาเขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ
สักพักฉันชวนตอบว่า “ยังไงเขาก็ยังเป็นพ่ออยู่ดี”
เกลียดแค่ไหนไม่สําคัญ
ยังฉินหงซื้อก็ยังเป็นพ่อของเขา เขาจึงไม่สามารถไร้หัวใจได้อย่างสมบูรณ์
เช่นเดียวกับฉินหยฝานไม่ว่าเธอจะโต้เถียงกับฉินหงจื่อเป็นประจํา แต่เมื่อรู้ว่าพ่อของเธอป่วย ปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือการดูแลเขา และต้องการให้เขามีสุขภาพแข็งแรง
ฉันชวนก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
“อีหลิงอยู่กับฉันสักพักได้ไหม?”
ขณะที่เขาจ้องมองไปที่ลานบ้านของตระกูลฉันนั้น ฉันชวนก็อ้อนวอนเจี้ยนอีหลิงเล็กน้อย
เจียนอีหลิงไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี
ดังนั้น เธอจึงยืนอยู่กับฉันชวนที่เดิมสักพัก
ฉันชวนไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่นเงียบๆกับเจียนอีหลิง
บางครั้งไม่จําเป็นต้องพูดหรือทําอะไร แค่ให้เธออยู่เงียบๆข้างเขา ทําให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวก็พอแล้ว
จนกระทั่งฉินหยุฝานออกมาตามหาทั้งสองคน
แม้แต่เจี่ยนอีหลิงก็ยังรู้ว่าฉันชวนทําไปโดยเจตนา แต่ฉันหยุฝานนั้นยังไม่รู้
“ฉันชวนฉันไม่ต้องการอะไรจากนาย ถ้าฉันต้องการอะไรฉันจะหาเอาเอง” ฉันหยุฝานกล่าว “ถ้าฉันแพ้นาย ฉันก็ยอมรับได้
“ฉันไม่ได้ให้นี่ แค่ฉันไม่ได้อยากได้ตั้งแต่แรก” ฉันชวนตอบกลับ
“อืม นั่นคือการตัดสินใจของนาย แต่นามสกุลของนายก็คือฉัน ดังนั้นนายมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลฉินเช่นกัน”
ในที่สุดฉินหยฝานก็ยอมรับตัวตนของฉันชวนได้แล้ว
ฉันชวนเหลือบมองฉันหยุฝานรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของฉันชวน ฉันหยุฝานก็เบือนหน้าหนี
“อย่าคิดมาก ฉันยอมรับว่านายเป็นสมาชิกของตระกูลฉิน แต่ฉันยังไม่ยอมรับนายเป็นพี่ชาย”