เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 789-790
บทที่ 789 เจียนหยุ่น เฉิงคุ้นเคยกับผู้อาวุโสเฟิง
แม้แต่เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ไม่ได้คาดหวัง ว่าเฟิงเหว่ยจะพูดกับเขาอย่างสุภาพขนาดนี้ นอกจากนี้ เฟิงเหว่ยต้องการลงทุนเงินจํานวนมากในโครงการนี้อีกด้วย
“ผู้อาวุโสเฟิง ท่านต้องการลงทุนในโครงการนี้จริงๆงั้นเหรอ?” เจี่ยนหยุ่นเฉิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ถึงแม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าตามรู้สึกของเขาบอกว่าทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป
“อ๋อ ฉันหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้เช่นเดียวกัน” เฟิงเหว่ยตอบ เขาเป็นคนตรงไปตรงมา และบอกจุดประสงค์ออกมาอย่างชัดเจน
“ผู้อาวุโสเฟิง ขอผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยจะได้ไหม”
“ไม่ต้องรีบร้อน คุณสามารถใช้เวลาในการพิจารณาได้” เพิ่งเหว่ยตอบ “แต่ถ้าคิดเสร็จแล้วก็ติดต่อฉันมา นี่คือข้อมูลการติดต่อของฉัน”
จากนั้น เฟิงเหว่ยก็ให้รายละเอียดการติดต่อกับเจียนหยุ่นเฉิง
“ผมขอถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม ว่าทําไมท่านถึงสนใจธุรกิจตระกูลเจียน?”
“อ๋อ เพราะฉันเป็นเพื่อนกับหยุ่นโม่”
เฟิงเหว่ยจงใจไม่บอกเจียนหยุ่นเฉิง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียนอีหลิง เขาแค่พูดถึงมิตรภาพกับเจียนหยุ่นโม่เท่านั้น
และวันนี้ เป็นรั่วมาเยี่ยมเจียนหยุ่นเฉิงอีกครั้ง
เมื่อมาถึง เธอก็บังเอิญเห็นเจี่ยนหยุ่นเฉิงกําลังยืนส่งเฟิงเหว่ย
วินาทีที่เธอเห็นเฟิงเหว่ย เป็นรั่วก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เป็นรั่วรู้เรื่องของเฟิงเหว่ยอยู่บ้าง ซึ่งเขาเป็นคนใหญ่คนโตอันดับต้นๆ ในแวดวงเป่ยจิง
ในฐานะหญิงสาวแห่งตระกูลเวิน เธอเคยได้รับเกียรติเห็นเพิ่งเหว่ยจากระยะไกลในงานปาร์ตี้
แต่ทว่า เธอไม่ได้คุยกับเขา
ดังนั้น เธอจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นเพิ่งเหว่ยที่บริษัทของญาติเธอในวันนี้
และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนญาติเธอกับผู้อาวุโสเพิ่งค่อนข้างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
หลังจากส่งเฟิงเหว่ยออกไปแล้ว เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็กลับไปที่สํานักงานของตัวเอง โดยที่เป็นรั่วกําลังนั่งรอเขาอยู่ในสํานักงาน
วันนี้ เป็นรั่วซื้อเค้กมาให้เจี่ยนหุ่นเฉิง ซึ่งเค้กก้อนนี้เธอซื้อมาจากร้านคนดังทางอินเตอร์เน็ต
“พี่ เค้กแบบนี้เป็นที่นิยมมากบนอินเตอร์เน็ต ฉันต้องต่อคิวซื้อถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะได้เค้กก้อนนี้มา”
สายตาของเจียนหยุ่นเฉิงจ้องไปที่เค้กอยู่สักพักหนึ่ง
สาวน้อยชอบกินเค้ก
คนอื่นในครอบครัวไม่ค่อยชอบกินของหวานเท่าไรนัก แต่เสี่ยวหลิงชอบกินมันมาก
ถ้าเขาให้เค้กก้อนนี้กับเธอ เสี่ยวหลิงจะมีความสุขใช่ไหม?
แต่ทว่า เจียนหยุ่นเฉิงทําได้แค่คิดเรื่องนี้เท่านั้น เพราะตอนนี้มีคนอื่นคอยมอบเค้กให้เจียนอีหลิงแทนเขาแล้ว และเขาไม่มีโอกาสที่จะทําแบบนั้นอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าเจี่ยนหยุ่นเฉิงกําลังจ้องมองเค้กอยู่ เป็นรั่วจึงคิดว่าการตัดสินใจซื้อเค้กมาวันนี้ถูกต้องแล้ว
จากนั้น เธอก็ถามเจี่ยนหยุ่นเฉิง “พี่คะ คนที่อยู่กับพี่เมื่อกี้นี้ คือผู้อาวุโสเฟิงใช่ไหม?”
“เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”
“ฉันไม่คุ้นเคยกับเขาหรอก แต่ว่าฉันเคยพบเขามาก่อน ซึ่งเขาเป็นบุคคลที่น่านับถือในแวดวงเป่ยจิง” เป็นรั่วพูดขึ้น แต่ในขณะที่เธอกล่าว น้ําเสียงของเธอก็แสดงความเคารพออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากได้ยินว่าเป็นรั่วไม่รู้จักเฟิงเหว่ย เจียนหยุ่นเฉิงก็ละสายตาจากเธออีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเป็นรั่วสามารถตอบคําถามของเขาได้ แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ยังสับสนว่าทําไมเพิ่งเหว่ยถึงมาหาเขาในวันนี้
เป็นรั่วอยู่ในสํานักงานของเจี่ยนหยุ่นเฉิงค่อนข้างนาน ก่อนที่เธอจะจากไป
หลังจากกลับบ้าน เป็นรั่วก็บอกไช่ชิงเยว่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้
ไช่ชิงเยว่ได้ยินก็ตกใจเช่นเดียวกันที่เพิ่งเหว่ยไปเยี่ยมเจียนหยุ่นเฉิง
“เฟิงเหว่ยจริงๆงั้นเหรอ และเขาก็ไปที่บริษัทของเจี่ยนหยุ่นเฉิงด้วยตัวเอง?”
“ใช่ค่ะ หนูเห็นกับตา”
“โอ้ ว้าว! ญาติของลูกน่าทึ่งมากจริงๆ แม้แต่ผู้อาวุโสเฟิงก็ยังไปหาที่บริษัทด้วยตัวเอง!”
“ใช่ค่ะ ญาติคนนี้น่าทึ่งมาก”
“ถ้าอย่างนั้นต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดีๆ ลูกต้องใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเขากับเจียนอีหลิง และจะต้องทําให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักที่มีน้องสาวอย่างลูกให้ได้”
“อื้อ”
บทที่ 790 ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากเวลาอยู่กับเธอ
เจียนอีหลิงได้รับโทรศัพท์จากฉินหยุฝาน ซึ่งฉินหยุฝานต้องการให้เธอไปห้องคาราโอเกะกับเธอ
เสียงของฉินหยุฝานฟังดูเหมือนกําลังดื่มแอลกอฮอล์อยู่
เจี้ยนอีหลิงกังวลว่าฉินหยุฝานอาจประสบอุบัติเหตุเพียงลําพัง เธอจึงรีบไปหาทันที
และทันทีที่เธอเข้าไปในห้องคาราโอเกะ เจี่ยนอีหลิงก็เห็นฉินหยุฝานนั่งอยู่คนเดียว นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเธอกําลังเมามาก
ฉินหยูฝานดึงเจี่ยนอีหลิงให้มานั่งข้างๆ แล้วยื่นไมโครโฟนให้ทันที
“ช่วยอยู่กับฉันสักพักนะ” ฉินหยุฝานถามขึ้นด้วยเสียงค่อนข้างเบา ซึ่งแตกต่างจากเสียงปกติของเธอที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ฉันร้องเพลงไม่เป็น” เจียนอีหลิงตอบ ซึ่งคําขอของฉินหยุฝานเกินความสามารถของเธอจริงๆ
“อาา…งั้น ฉันจะร้องเพลงให้เธอฟังเอง” ฉินหยุฝานพูด ในขณะที่มือจับไมโครโฟน จากนั้นเธอก็ร้องเพลงให้เจียนอีหลิงฟังแบบได้อารมณ์สุดๆ
ถึงแม้ว่าการร้องเพลงของฉินหยุฝานจะไม่เป็นมืออาชีพเหมือนของเจียนหยู่หมิน แต่เสียงของเธอก็ยังไพเราะจับใจ
แต่เมื่อเธอร้องไปถึงท่อนเศร้าของเพลง อยู่ดีๆเธอก็มีน้ําตาไหลออกมา
เจียนอีหลิงบอกได้เลยว่า วันนี้ฉินหยุฝานอารมณ์ไม่ดี
เมื่อฉินหยุฝานร้องเพลงจบ เธอก็วางไมโครโฟนลงแล้วเข้าไปกอดเจียนอีหลิง จากนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้เงียบๆ
ดูเหมือนว่าเธอต้องการระบายความเครียด และความเศร้าผ่านน้ําตาของตัวเอง
ตอนนี้ เจียนอีหลังไม่รู้ว่าจะรับมือกับฉินหยุฝานยังไง?
ร่างกายเธอแข็งที่อและไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
แต่ว่า เธอก็ยอมให้ฉินหยุฝานกอดและร้องไห้อยู่อย่างนั้น
เจียนอีหลิงไม่รู้ว่าทําไมฉินหยุฝานถึงกอดเธอ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมผู้หญิงคนนี้ถึงร้องไห้ แต่ที่สําคัญที่สุดเธอไม่รู้จะปลอบคนตรงหน้ายังไง?
แม้แต่ฉินหยุฝานเองก็ไม่รู้ว่าทําไมเธอถึงลดการป้องกันต่อหน้าเจี้ยนอีหลิง
ล่าสุด เธอทะเลาะกับพ่ออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เจียนอี้เฉินไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอเมื่อเธอต้องการคุยกับใครสักคน แต่อันที่จริงแล้วผู้ชายคนนั้นกําลังหลบหน้าเธออย่างเห็นได้ชัด
ในชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้หนทาง
แต่ว่า เธอกลับนึกถึงเจี่ยนอีหลิงอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกว่าตัวเองสามารถลดการป้องกันต่อหน้าเจี่ยนอีหลิงได้ ซึ่งเธอรู้สึกว่าเจียนอีหลิงจะไม่หัวเราะเยาะเธออย่างแน่นอน
หลังจากร้องไห้ไปสักพัก ฉินหยุฝานก็ปล่อยเจี่ยนอีหลิง จากนั้นเธอก็ปาดน้ําตาบนใบหน้าของเธอทิ้ง
“ฉันน่าอายมากเลยใช่ไหม?” ฉินหยุฝานถามเจียนอีหลิง
เจี้ยนอีหลิงส่ายหน้า
“อย่ามาโกหกฉัน!”
เมื่อฉินหยุฝานดื่มมากเกินไป จึงทําให้ทัศนคติของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ฉันไม่ได้โกหกเธอ”
“ถ้าอย่างนั้น พี่ชายเธอเกลียดฉันมากใช่ไหม?”
“นั่นไม่จริง” เจียนอีหลิงตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทําไมเจียนอี้เฉินถึงไม่ชอบฉินหยุฝาน แต่เธอมั่นใจว่าเจียนเฉินไม่ได้เกลียดฉินหยูฝานอย่างแน่นอน
“ถ้าเขาไม่เกลียดฉัน แล้วทําไมเขาถึงบอกว่าเขาชอบผู้ชายมากกว่า?”
ฉินหยุฝานไม่เชื่อว่าเจียนอี้เฉินจะชอบผู้ชายจริงๆ
“ฉันก็ไม่รู้” เจียนอีหลิงตอบ คําถามนี้เกินขอบเขตความสามารถในการตอบของเธอ
“รู้ไหมว่าเขาเป็นคนแรกที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องฉัน? นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันตกหลุมรักเขา และก็ยังหลงรักในความป่าเถื่อนของเขา และฉันชอบที่เขาไม่ถูกกีดกันสิ่งใดในโลกนี้”
“อื้อ”
“แต่ว่า เหมือนว่าฉันจะหลอกตัวเองอีกแล้ว” ฉินหยุฝานหัวเราะอย่างขมขึ้น “ฉันแค่ไม่อยากยอมแพ้ มันน่าหงุดหงิดจริงๆ”
“ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงตอบ นอกจากให้กําลังใจแล้ว เจี่ยนอีหลิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับฉินหยูฝานได้อีก
“ขอบคุณนะเจียนอีหลิง ฉันไม่รู้ว่าทําไม แต่ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากเวลาอยู่ใกล้เธอ ฉันไม่ต้องกังวลว่าเธอจะคิดยังไงกับฉัน”
ฉินหยูฝานยิ้มอย่างขมขึ้น และขอบคุณเจียนอีหลิงอย่างจริงใจ
บางครั้ง ความเหงาก็อาจทําร้ายคนได้
เธอรู้สึกขอบคุณที่ยังมีคนคุยด้วย
หลังจากอยู่กับฉินหยุฝานในห้องคาราโอเกะนานกว่าหนึ่งชั่วโมง อารมณ์ของฉินหยุฝานก็เยือกเย็นลง จากนั้นเจียนอีหลิงก็ตัดสินใจส่งฉินหยุฝานกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน ฉินหยุฝานได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน
หลังจากรับสาย สีหน้าของฉินหยุฝานก็เปลี่ยนไป อีกทั้งร่างกายเธอก็ยังแข็งไปทั้งตัว ซึ่งเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยในตอนนี้