เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 723
ตอนที่ 723 อาหารเลิศรส
ในช่วงแรกที่เขาเห็นสองชายชราและเด็กสาวผู้มีปีกประดับหลัง ตอนนั้นเขาคิดว่าทั้งสามเป็นสัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อได้ทําความรู้จัก รับการรักษาจากชายชราและได้รับการดูแลป้อนข้าวป้อนน้ําปรนนิบัติอย่างดี และได้ใช้เวลากับเด็กสาว ทําให้เขาได้ทําความเข้าใจต่อตัวตนของบุคคลทั้งสามใหม่ ตอนนี้เขาคิดว่า ทั้งสามอาจเป็นหนึ่งเผ่าพันธ์ที่คล้ายกับเผ่ามนุษย์หมาป่าหรือเอลฟ์ เพราะกระทั่งเผ่ามนุษย์กิ้งก่าเองหลินหยางก็พึ่งจะเคยเจอในไม่กี่วันก่อนนี้เอง ฉะนั้นย่อมมีเผ่าพันธุ์อื่นที่มีรูปลักษณ์ต่างจากเผ่าอื่นก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
แถมเขาเองก็ไม่รับรู้ถึงความอันตรายใดๆที่แผ่ออกมาจากร่างของสาวน้อยคนนี้เลย
“ได้เวลาทานข้าวแล้ว” เมื่อเห็นหลินหยางกําลังเหม่อลอยตกอยู่ในห้วงความคิด เด็กสาวกล่าวขัดจังหวะมัน พร้อมกับกระโจนตัวขึ้นมานั่งอยู่ข้างเตียง
“กินข้าว? หลินหยางที่ได้ร่ําเรียนจําคํานี้ได้ ดึงสติกลับมองเด็กสาวที่ฉีกยิ้มมือซ้ายถือชามข้าว มือขวาถือตะเกียบคีบอาหารยื่นมาใกล้ปากของเขา
“นั่นสิ สงสัยทักษะดวงตาเหยี่ยวมันคงจะรวนแล้วหละมั้ง” ชายหนุ่มครุ่นคิด กระทั่งหน้าต่างค่าสถานะของเขาตอนนี้ก็ยังผิดปกติ ฉะนั้นหากทักษะดวงตาเหยี่ยวจะแสดงผลผิดพลาดก็มีความเป็นไปได้ จะให้มันเชื่อว่า สาวน้อยคนนี้เป็นปีศาจที่ดุร้ายป่าเถื่อนแฝงอันตราย มันทําใจเชื่อไม่ลงจริงๆ
ชายหนุ่มอ้าปากงับอาหารที่เด็กสาวป้อนให้
!?
พริบตาที่รสชาติอาหารกระจายไปทั่วทั้งปาก หลินหยางแทบจะลืมความเจ็บปวดตามร่างกาย มันเป็นรสชาติที่ใฝ่ฝันหามาแสนนาน มันคือข้าว!
ข้าวที่เขามิได้ลิ้มรสมาแสนนาน
มิทันเคี้ยวละเอียดนัก เด็กสาวก็ป้อนคําใหม่ให้แก่มัน หลินหยางมิทันมองอ้าปากเปิดรับโดยอัตโนมัติ!?
หลินหยางตาโต ที่ตามมาคําที่สองนี้ก็คือผัก เป็นผักที่ผ่านการผัดและใส่เครื่องปรุง มีความเค็มของซอสปรุงรส ผสมเข้ากับข้าวในคําแรกได้อย่างลงตัว
ผักที่แสนคิดถึง ในโลกเดิมทุกมื้อของเขาล้วนมีผักอยู่ในรายการอาหาร
เผลอแป๊บเดียว คําแรกของมันก็กลืนลงคอไปเป็นที่เรียบร้อย
ไม่ปล่อยให้ปากว่าง เด็กสาวคืบคําใหม่มาจื่อริมฝีปาก แน่นอนมันอ้าปากงับเข้าไปเต็มปากเต็มคํา
!!?
หลินหยางฉีกยิ้มทั้งที่ปากยังทําหน้าที่เคี้ยวอยู่ คําต่อมาคือเนื้อ!
มิใช่เพียงเนื้อดิบย่างไฟธรรมดาที่ทานอยู่ทุกวัน เนื้อที่ผ่านการตุ้นจนเปื่อยจนแทบจะละลายในปาก
แต่ละคําที่เด็กสาวป้อนให้ แต่ละคําที่มันเคี้ยวล้วนพบกับรสชาติอาหารแปลกใหม่ เอร็ดอร่อยเกินจะบรรยายที่ถูกปรุงขึ้นด้วยพ่อครัวผู้มีฝีมือสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงปีศาจ
คิกๆ ใบหน้าขณะทานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เด็กสาวอดมิได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะบางเบา พร้อมกับตอบสนองต่อความต้องการชายหนุ่มโดยการป้อนให้มันอย่างไม่ขาดสาย
หลินหยางเคี้ยวอย่างช้าๆ ดื่มด่กับรสชาติที่ตนมิได้พบเจอมานาน
อาหารที่ห่างหายไปนานไม่ได้ลิ้มรสมาร่วมปี ทั้งเป็นอาหารรสเลิศที่สุดเท่าที่เคยกินมา นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขามีความสุขกับการกิน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กลิ่นของเครื่องปรุงรส
อาหารกว่าสิบชนิด กว่าสิบจาน จนเต็มโต๊ะ สุดท้ายก็หมดลงในที่สุดโดยฝีมือของหลินหยางและสาวน้อยที่ ตอนนี้ทั้งคู่มีสีหน้าแสดงถึงความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ถึงที่สุด โดยเฉพาะหลินหยางที่ตอนดื่มด่กับรสชาติอาหารนานับชนิดจนตอนนี้หน้าท้องของมันป้องกันผ้าพันแผลปริออกมาจากการทานอาหารเกือบจะหมดโต๊ะเพียงลําพัง ส่วนสาวน้อยทานไปเพียงไม่กี่คําเท่านั้นก็ถึงขีดจํากัดของเธอแล้ว
เด็กสาวยกถ้วยเปล่าออกจากห้องไปทีละใบสองใบ เก็บโต๊ะ ทําความสะอาดเศษอาหารหลังทานเสร็จ
น่าอิจฉาคนในเมืองนี้จริงๆ ไม่ใช่แค่อุปกรณ์วัตสุก่อสร้างที่ก้าวหน้า แม้แต่วัตถุดิบอาหารก็ลําหน้าเหนือกว่าเมืองเราเป็นไหนๆ” หลินหยางคิดในใจพลางมองสาวน้อยเป็นอาหารตา
ที่จริงแล้วหลินหยางมิได้รู้เลยว่า ตั้งแต่อาหารมื้อแรกที่ได้ทานในเช้าวันนี้อย่างซาลาเปาเองก็ทํามาจากแป้งที่แปรรูปจากข้าว…
ไม่นานนักเด็กสาวก็กลับมาพร้อมกับพลังเต็มเปี่ยม เธอคนนั้นคว้านี้ง่วนอยู่กับกองหนังสือที่กระจัดกระจาย ใช้เวลาอยู่นานกระทั่งพบหนังสือที่ต้องการมาไว้ในมือ ไม่รอช้าเธอนําหนังสือเล่มนั้นกระโดดขึ้นมาบนเตียงหลินหยาง
“วิชาแพทย์เบื้องต้น” สาวน้อยอ่านออกเสียงตัวอักษรบนหน้าปกอย่างช้าๆพร้อมกับอธิบายคําแปลด้วยภาษามือทําท่าทางประกอบ บางครายากหน่อยใช้วิธีการวาดรูปสื่อสาร เรียกได้ว่าทําทุกวิถีทางเพื่อให้หลินหยางได้เข้าใจศัพท์และภาษาที่เธอต้องการสื่อ
หลินหยางมิได้สนอกสนใจอะไรในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้หรอก เพียงแต่ตอนนี้นอกจากนอนอยู่เฉยๆก็มิสามารถทําอะไรได้ จะเป็นไรไปหากรับความรู้เพิ่มสักหน่อย ทั้งยังได้เรียนรู้ภาษาและตัวอักษรเฉพาะที่อยู่ในหนังสือเล่มใหม่นี้ด้วย ส่วนเด็กสาวตั้งแต่ได้รับคําสั่งถูกขังอยู่ในหอโอสถโดยบิดาของตนเอง ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์วิกฤตการบุกรุกของเผ่าอสูร เธอก็ทราบดีว่าตอนนี้คงไม่มีโอกาศได้ออกไปข้างนอกอีกแล้ว
แทนที่จะอยู่อย่างเบื่อหน่ายไร้แก่นสาร สู่ใช้เวลาว่างร่ําเรียนวิชาแพทย์ควบคู่ไปกับศึกษาภาษาใหม่ที่น่าสนใจของชายหนุ่มในเวลาเดียวกัน
หอโอสถแห่งนี้ราวกับถูกกีดกันออกจากโลกภายนอก ไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนพวกมันได้ ทั้งสองได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างสงบสุข
ส่วนภายนอกนั้นเต็มไปด้วยความครึกครื้นของเหล่าประชาชนบุคคลธรรมดาที่อยู่อาศัยภายในเมืองและกลุ่ม ทหารลาดตระเวณที่เดินตรวจตราแทบจะทุกมุมถนน ตอนนี้การจัดการระเบียบความเรียบร้อยเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
ใจกลางเมืองหลวงปีศาจ ณ ราชวัง
ภายในห้องโถงรับรองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในห้องนี้ตกแต่งต่างจากห้องอื่นๆที่หรูหราโอ่อ่าเคลือบด้วยทอง ประดับด้วยรูปวาดหรูหรา ทว่าห้องนี้ทั้งห้องไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากโต๊ะขนาดใหญ่ทรงอยู่ตรงกลางที่ทําขึ้นจากไม้เนื้อดีล้อมรอบด้วยเก้าอี้หลายสิบตัว สภาพห้องเป็นห้องที่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทว่าบุคคลที่อยู่ภายในห้องนี้ทั้งหมด…ล้วนไม่ธรรมดา
หัวโต๊ะ มีชายผู้คุ้นหน้าคุ้นตานั่งก้มหน้ากอดอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ชายผู้นี้คือจักรพรรดิปีศาจองค์ปัจจุบัน ถัดจากมันด้านซ้ายคือผู้เป็นบิดา จักรพรรดิพระองค์ก่อนเฒ่าโอสถ ส่วนด้านขวาคือน้องชายของตนผู้กุมอํานาจทางทหาร แม่ทัพใหญ่จื่อหมิง
จรดปลายโต๊ะอีกฟากฝั่ง ขนาบข้างโต๊ะทรงรีล้วนมีบุรุษทั้งสตรีวัยกลางคนจวบจนไปถึงวัยชรานั่งเรียงรายไม่เว้นว่าง ด้านหลังพวกมันมีผู้ติดตามส่วนตัวยืนประกบ แต่ละรายแผ่บรรยากาศความน่าเกรงขาม ทําให้บรรยากาศภายในห้องดูกดดันไม่น้อย
“แม่ทัพจื่อหมิง ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?” บุรุษวัยกลางคนรายหนึ่งกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ ชุดเกราะที่มันใส่ปักตัวอักษรคําว่าเปยอยู่กลางหน้าอก มันคือผู้ปกครองเมืองจากทางเหนือ
“มิผิด นั่นคือรายงานที่ข้าได้รับครั้งล่าสุดจากหน่วยสอดแนมพิเศษ ข่าวพวกนี้ได้รับการยืนยันซ้ําแล้วซ้ําเล่า ฉะนั้นมันย่อมถูกต้องอย่างแน่นอน” จื่อหมิงกล่าวพลางส่ายหัว มันพึ่งจะได้มีเวลานั่งพักลงจากกําแพงเมืองหลัง จากคอยสั่งการอยู่ทั้งคืน ซึ่งตอนนี้บิดาของมันจ๋อเจียงเป็นผู้รับหน้าที่ต่อควบคุมกําลังทหารแทนชั่วคราว
“เผ่าอสูรได้เปิดศึกเต็มอัตราอย่างไม่ต้องสงสัย จํานวนสัตว์อสูรที่เข้าร่วมมากสุดในประวัติการ แค่การปะทะกันในคืนที่ผ่านมาเป็นเพียงเศษหนึ่งของพวกอสูรเท่านั้น” จื่อหมิงกล่าวต่อ
“นี่ได้รับการยืนยันแล้วรี?” ชายวันกลางคนอีกรายกล่าวขึ้น มันผู้นี้คือเจ้าเมืองฮัวหง เมืองแห่งอัคคีผู้ใช้พลัง แห่งเปลวไฟ
ผู้ที่เข้าร่วมประชุมอยู่ในห้องแห่งนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับผู้นําแทบทั้งสิ้น มีทั้งเจ้าเมือง ราชา ผู้นําเผ่าที่แตกแขนงออกไปจากเผ่าปีศาจ มีแม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านที่มีประชากรในอาณัติมากกว่าสิบล้านตนขึ้นไป
จื่อหมิงพยักหน้า