เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 722
ตอนที่ 722 ความผิดพลาดของระบบ
ทักษะกระดูกศิลามีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ในยามปกติแล้วหลินหยางแทบมิชายตามอง และมิอยู่ในตัวเลือกในการเพิ่มค่าทักษะ แต่ในตอนนี้มันแตกต่างออกไปสามารถเทียบเคียงได้กับตัวเต็งที่หลินหยางได้เลือกไว้อย่างทักษะราชสีห์คํารามเลยทีเดียว
หลินหยางลังเลชั่งน้ําหนักสองตัวเลือกที่ยากจะตัดสินใจในครั้งนี้ด้วยความเคร่งเครียด แต่เวลาที่ใช้นั้นไม่นานนักเมื่อปรายสายตาของเขามองเห็นร่างของตนเองที่ถูกพันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล มันน่าเวทนาสงสารอย่างยิ่งแม่นี่จะเป็นร่างกายตนเองก็ตาม หลังจากคิดจนถี่ถ้วนในที่สุดทักษะที่ผ่านเข้ารอบชิงทั้งสองก็ได้ผู้ชนะ นั่นก็ คือทักษะกระดูกศิลานั่นเอง
อย่างไรค่าทักษะที่หาได้ยากยิ่งทั้งสามจุดก็ใช่ว่าจะทิ้งเปล่าไป อย่างไรทักษะกระดูกศิลานี้ก็มิใช่ทักษะไร้ค่า มิเพียงจะเพิ่มความทนทานของกระดูกซึ่งเป็นอวัยวะสําคัญของร่างกาย ผลพลอยได้จากมันก็ยังเพิ่มพลังโจมตีและความแข็งแรงโดยรวมของตนด้วย
‘ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 4/10 เรียบร้อยแล้ว กระดูกของท่านจะแข็งแรงมากขึ้น’
‘ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 5/10 เรียบร้อยแล้ว กระดูกของท่านจะแข็งแรงมากขึ้น’
‘ทักษะกระดูกศิลาระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 6/10 เรียบร้อยแล้ว กระดูกของท่านจะแข็งแรงมากขึ้น’
‘โอ้’ หลินหยางเปร่งเสียงแห่งความสุขทันทีที่เพิ่มค่าทักษะ กระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แตกละเอียดที่มีอยู่หลายจุดทั่วทั้งร่าง ราวกับได้รับการเยียวยาค่อยๆผสานเข้าหากันอย่างช้าๆให้ความรู้สึกแสนสบาย ซึ่งมีเพียงกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเท่านั้นที่เห็นผลชัดเจน ส่วนกระดูกท่อนใหญ่อย่างแขนขาและซี่โครงมิได้แตกต่างไปจากเดิม มากนักยังต้องปล่อยให้มันผสานกันตามธรรมชาติ
จากการเพิ่มค่าสถานะป้องกันและค่าทักษะกระดูกศิลาไปทั้งสามจุด แน่นอนว่าร่างกายของเขาย่อมฟื้นตัวเร็วกว่าคนปกติ แต่ร่างกายของเขาจะฟื้นตัวจนสมบูรณ์หรือไม่และต้องใช้เวลาเท่าไหร่นั้น…ไม่มีใครทราบ
หลินหยางปิดหน้าต่างค่าสถานะลืมตาแหงนคอมองร่างของตนพยายามกระดิกพลิกตัวเล็กน้อยๆทดสอบสมรรถภาพ ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ในยามที่พึ่งพื้นสติตอนรุ่งเช้ร่างกายเขาระบมเจ็บปวดทั่วทั้งตัว แถมยังได้แผลเพิ่มตอนอาละวาดอีก แต่ตอนนี้มันผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มฟื้นฟู ต่างจากตอนแรกอย่างยิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความระบมของร่างกายบรรเทาลงอย่างมาก กล้ามเนื้อฟื้นตัวไม่เจ็บปวดตามร่างกายมากเท่าเดิม
ตอนนี้ชายต้องการเพียงเวลา แค่เวลาเท่านั้นจนกว่าร่างกายของเขาจะฟื้นตัวได้มากกว่านี้และขยับแขนก้าวขาได้ตามใจนึก เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะออกจากเมืองอันเจริญรุ่งเรืองนี้กลับไปยังเมืองของตนโดยไว
ระหว่างรอเด็กสาว หลินหยางหลับตาเปิดหน้าต่างค่าสถานะอีกคราหมายจะดูค่าสถานะของตนและตรวจสอบเจ้าทักษะเกราะมังกรที่ผิดปกติ
!!!!?
ทว่าพริบตาที่หน้าต่างค่าสถานะปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หลินหยางก็ต้องลืมตาโพลงสูญเสียการตั้งมั่นสมาธิอย่างลืมตัว
ชายหนุ่มตั้งสติชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมสมาธิถึงหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาอีกครั้ง
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทักษะเกราะมังกรเท่านั้นที่ผิดปกติ หน้าต่างค่าสถานะของเขาก็แปลกตาแตกต่างไปจากเดิม ตัวอักษรแต่ละบรรทัดกลายเป็นสีเทาเกือบจะกลมกลืนกับพื้นหลังอันดํามืด ทั้งชื่อ ค่าสถานะ พลังป้องกัน ความเร็วและปัญหา ทักษะและทักษะติดตัวล้วนเป็นเฉกเช่นเดียวกัน ตั้งแต่คุ้นเคยกับหน้า ต่างค่าสถานะนี้มานานนมย่างเข้าหนึ่งปี เขาไม่เคยเห็นความผิดปกติเช่นนี้มาก่อน
….ทว่าร่างกายของเขาก็มิมีสิ่งใดต่างไปจากเดิม เขาลองขยับนิ้วมือนิ้วเท้าโดยใช้ความเร็วตามที่ตนครอบครอง มันก็ยังทําได้ไวกว่าคนปกติธรรมดา ศรีษะที่นอนอยู่บนหมอนทดสอบการหันซ้ายหันขวาในฉับพลันก็ยังรวดเร็วกว่าคนปกติถึงสองเท่า
ฟู่ววว
ผ้าพันแผลที่พันอยู่บริเวณมือของหลินหยางมีเสียงและควันสายนึ่งจากการเผาไหม้ มาจากการที่ชายหนุ่มทดลองใช้หลอมไฟส่งพลังความร้อนไปยังมือขวาของตนนั่นเอง
นั่นก็แสดงว่าทั้งค่าสถานะและทักษะของเขายังคงใช้งานได้เหมือนเดิม ไม่บุบสลายจากความผิดปกติของการแสดงผลหน้าต่างค่าสถานะ
“มันเป็นอะไรละนี่” หลินหยางครุ่นคิดพลางเปิดปิดหน้าต่างค่าสถานะเป็นสิบๆครั้ง ด้วยความสับสนุนงงกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเจอ ทั้งสี่ตัวอักษะและกรอบของมันก็ยังเป็นสีเทาไม่แจ่มชัดเหมือนเดิม
แน่นอน เจอกับเหตุการณ์แปลกๆชายหนุ่มย่อมหงุดหงิดไม่สบายใจเป็นธรรมดา
ปล่อยชายหนุ่มฟุ้งซ่านอยู่ได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าเด็กสาวแว่วมาตามทางเดินปรากฏตัวหน้าห้องพร้อมกับโต๊ะอาหารทรงกลมขนาดใหญ่ที่บังตัวของเธอจนมิด
พริบตาที่เห็นร่างเด็กสาว เพ่งสมาธิใช้ทักษะทันที
ปีศาจ ระดับ 1
พลังโจมตี 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1
วิญญาณ 1
คําอธิบาย : ปีศาจเพศหญิง
คําเตือน : ทรงปัญญา
หลินหยางถอนหายใจอย่างโล่งอกคลายกังวล มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาทดสอบใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวกับเด็กสาวเพื่อยืนยันว่าทักษะดังกล่าวยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ หากเป็นไปได้เขาเองก็อยากจะใช้ทักษะสบั้นพสุธาและราชสีห์คํารามอยู่เหมือนกัน แต่เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายและสภาพจิตใจในตอนนี้จะยังไม่พร้อมที่จะใช้พลังงานมากขนาดนั้น
“หือ? ว่าแต่เด็กคนนี้ชื่อปีศาจงั้นหรือ? ไม่ใช่ผิงอัน? หรือผิงอันมันแปลว่าปีศาจ?” หลินหยางฉุกคิดย้อนกลับไปดูข้อมูลที่ได้รับมาจากทักษะดวงตาเหยี่ยวด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก่อนนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พลางจับจ้องเด็กสาวอีกครั้งและใช้งานทักษะเดิมซ้ําอีกครา
ทักษะดวงตาเหยี่ยวส่งข้อมูลกลับมาในลักษณะเดียวกันกับข้างต้นไม่ผิดเพี้ยน
“เหมือนข้อมูลมันแปลกๆรึเปล่า? ชื่อไม่เท่าไหร่แต่รูปแบบของข้อมูลนี่มันดูแปลกๆยังไงชอบกล? คําเตือน?…”หลินหยางคิด
“นี่มันเป็นลักษณะเดียวกับตอนที่เราตรวจพวกสัตว์ประหลาดเลยนี่!!!”
ทักษะดวงตาเหยี่ยวเมื่อตรวจสอบมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ มนุษย์หมาป่าและเผ่าพันธุ์อื่นๆที่เป็นผู้เริ่มต้นจากการก้าวข้ามผ่านประตูสวรรค์จะส่งข้อมูลสําคัญของบุคคลนั้นๆให้ผู้ใช้งานได้ทราบ โดยข้อมูลที่ได้รับจะเป็นชื่อเผ่าพันธุ์ ระดับ ค่าสถานะและทักษะที่ครอบครอง รวมถึงคําอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวข้องกับมันผู้นั้น
แต่เมื่อใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวกับพวกสัตว์ประหลาด ข้อมูลที่ได้รับจะไม่เหมือนกัน
พวกมันไม่มีชื่อเฉพาะรายบุคคล แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกเหมารวมสิ่งมีชีวิตเดียวกันทั้งหมดและส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือ คําเตือน คําเตือนที่บ่งบอกจุดแข็งและจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดตัวนั้น
“รูปแบบนี้ ไม่ผิดแน่” หลินหยางขมวดคิ้วจองเด็กสาวไม่วางตา
สาวน้อยยืนอยู่หน้าประตูมองสบตาชายหนุ่มที่จ้องเธอเขม็ง พร้อมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแสนสดใสยกโต๊ะกลมเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงหลินหยางใช้เท้าเขี่ยหนังสือที่เรี่ยราดบนพื้นปัดกวาดสร้างพื้นที่โล่งก่อนจะวางโต๊ะกลมลงบบนี้
กไปจากห้องกลับมาพร้อมกับจานใส่อาหาร ทั้งเนื้อสัตว์ ผัด นึ่ง ทอด ย่าง ผักผลไม้ อีกหลายชนิด เด็กสาววิ่งเข้าออกห้องอย่างขยันขันแข็งจนกระทั่งอาหารเต็มโต๊ะแทบไม่เหลือที่ว่าง
ทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนอยู่ในสายตาของหลินหยาง ยิ่งนานเข้าเมื่อเห็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความร่าเริงวิ่งเข้าออกห้องอยู่บ่อยครั้ง บางคราก็แนะนําชื่ออาหารที่ยกเข้ามา…มันยากจะเชื่อว่าเด็กสาวตัวน้อยน่ารัก คนนี้คือสัตว์ประหลาด รูปลักษณ์อาจพอปลอมแปลงจําแลงกายได้อย่างปีศาจแวมไพร์ แต่ลักษณะนิสัยนี้สามาร ถทําได้ด้วยหรือ? ทั้งการสื่อสาร การแสดงออกทางสีหน้าและอิริยาบทต่างๆที่แสดงออกมา