เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 709
ตอนที่ 709 สนทนาภาษาแวมไพร์
ขอบชายแดนฝั่งอสูร
หน้าทางเท้าป่าอสูรมีดวงตาสีโลหิตรเปร่งแสงแวววับเคลื่อนไหววูบวาบไปมา ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีสวยดุจอัญมณีเหล่านี้คือแวมไพร์ สิ่งมีชีวิตที่เป็นปริศนาแต่ในโลกปีศาจหรือโลกมนุษย์ที่เรื่องของพวกมันเป็นเพียงเทพนิยาย
“ฮีม เจ้ามาขวางข้าทําไม!?” แวมไพร์ตนหนึ่งผู้มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกมันเค่นเสียงในลําคอแสดงความไม่พอใจตวาดใส่แวมไพร์รายหนึ่งที่มีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์อายุสามสิบสี่สิบ
ต้นเหตุของความไม่พอใจเห็นทีคงจะเป็นเพราะการกระทําของแวมไพร์ตนที่อาวุโสกว่ามือซ้ายของมันกํารดบีบข้อมือขวาของแวมไพร์วัยหนุ่มจนแน่น แม้แวมไพร์หนุ่มจะพยายามดิ้นขัดขืนดึงแขนฉุดกระชากก็มิอาจดึงข้อมือของตนออกจากกํามือของแวมไพร์วัยฉกรรจ์
“แค่หนูสกปรกตัวสองตัวอย่าหัวเสียไปหน่อยเลยน่า อีกฝั่งของป่าอสูรนี่มีพวกมันยั้วเยี่ยะจนนับไม่ถ้วนเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะฆ่าอีกกี่ตัว พวกมันจนเละเหมือนมดปลวกก็ตามแต่เจ้าปรารถนา”แวมไพร์วัยฉกรรจ์กล่าวพลางคลายมือออกปลดข้อมือของแวมไพร์หนุ่มเป็นอิสระ
ปรากฏสภาพข้อมืออันน่าขนลุก ผิวหนังย่นราวกับผ้ายับ บางจุดนูนขึ้นบางแห่งยุบลง กระดูกข้อมือของมันหักไปเป็นที่เรียบร้อย
แคร่ก
ทว่า…เพียงพริบตาเดียวข้อมือของมันกลับสู่สภาพปกติราวกับย้อนเวลา แวมไพร์หนุ่มบิดข้อมือไปมาโดยที่ใบหน้าได้ความรู้สึก สายตาของมันมองห่างไปยังฟ้าไกล
จากบทสนทนาของพวกมันสามารถยืนยันได้ว่าแวมไพร์เหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาภาษาอารยธรรมเทียบเท่าได้กับเผ่าปีศาจหรือเผ่ามนุษย์
“ละแล้ว ข-ข้ากินพวกมัน ด-ได้ไหม” ข้างกายแวมไพร์หนุ่ม มีแวมไพร์อีกตนรูปลักษณ์อ้วนท้วมมีน้ําหนักไม่ต่ํากว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม ใบหน้าของมันอ่อนเยาว์มิมีอายุมากนัก รุ่นราวคราวเดียวกับแวมไพร์หนุ่มอารมณ์ร้อนมันกล่าวติดขัดไม่ต่อเนื่อง
“นี่เจ้ากล้ากินสิ่งมีชีวิตชั้นต่ําพวกนั้นจริงๆหรอ ย์” เบื้องหลังแวมไพร์อ้วน สตรีสาวรายหนึ่งกล่าวพร้อมแสดงท่าทางขยะแขยง
“ได้สิ กินได้มากตามที่เจ้าต้องการ!!” แวมไพร์วัยฉกรรจ์กล่าว ในกลุ่มแวมไพร์ทั้งหนึ่งร้อยตนนี้ผู้อื่นล้วนยังเยาว์วัยใบหน้าละอ่อนที่ซึ่งเทียบกับมนุษย์แล้วผู้ที่ดูมีอายุมากสุดเห็นทีคงมิเกินยี่สิบนอกจากชายฉกรรจ์รายนี้ที่เป็นแกะดํามิได้อยู่ในช่วงวัยรุ่นเหมือนแวมไพร์ตนอื่น มันคอยเดินไปมาระหว่างแถวชวนผู้อื่นสนทนาตอบคําถามคนนั้นให้ความรู้คนนี้เมื่อมองภาพรวมมันเหมือนเป็นพี่เลี้ยงหรือคุณครูที่พาเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษาอย่างไงอย่างงั้น
มอว์
ในตอนนั้นเองมีเสียงร้องประหลาดแว่วมาตามสายลม กลุ่มแวมไพร์กลับหลังมองหันกลับไปพบสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งราวห้าถึงหกสิบชีวิตกําลังเคลื่อนที่มุ่งหน้ามาหาพวกมัน ยามแสงจันทร์สาดส่องชโลมกายเผยโฉมต่อสายตาธารกํานัล ร่างกายใหญ่มหึมาส่วนสูงร่วมสามเมตร กล้ามเนื้อเป็นก้อนเด่นชัดหนาจนน่าหวาดกลัวเหล่าแวมไพร์ที่สูงที่สุดยังเทียบได้แค่ครึ่งตัวของพวกมันเท่านั้นขนาดลําตัวแม้แต่แวมไพร์อ้วนท้วมที่มีน้ําหนักร่วมร้อยกิโลกรัมยังดูตัวเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับมัน
ร่างกายขนาดใหญ่มีแขนขาลําตัวหน้าท้องทรวงอก ผิวกายของมันเป็นสีน้ําตาลเข้มบางรายอมแดงแขนขามีขนมากซึ่งโดยรวมแล้วสรีระร่างกายของมันเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ ทว่าเมื่อมองขึ้นไปส่วนบนร่างกายตั้งแต่คอขึ้นไปคงมิอาจหาความปกติใดมาเทียบเคียงได้ มันมิใช่มนุษย์ เผ่าปีศาจหรือกระทั่งสัตว์ปกติ
นั่นเพราะใบหน้าของมันส่วนล่างบริเวณปากยื่นนูนออกมาอย่างผิดปกติกว่าสองคืบ จมูกขนาดใหญ่สีดําด้านดวงตาดํามันวาวเล็กเมื่อเทียบกับรูปหน้า ใบหูขนาดใหญ่เทียบเท่าฝ่ามือมนุษย์เหนือใบหูทั้งสองข้างมีเขาสัตว์ขนาดใหญ่แหลมคมแข็งแรงจนสามารถใช้เป็นอาวุธได้ทั่วใบหน้าปกคลุมไปด้วยขนสีน้ําตาลเมื่อดูเฉพาะใบหน้ามันคล้ายกับ..วัว
ในมือของพวกมันทุกตนล้วนมีขวานเหล็กอันยักษ์ที่มองปราดเดียวก็สามารถบอกได้ว่าน้ําหนักของมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปยากจะยกไหว ใบขวานสองฝั่งหน้ากว้างกว่าสองฟุต ตัวด้ามทําจากเหล็กตันทั้งดุ้นร่างกายท่อนล่างสวมใส่กางเกงผืนบางคลุมถึงเข่าส่วนบนเปลือยอวดมัดกล้าม สิ่งมีชีวิตตัวมหึมากับอาวุธอันทรงอานุภาพน่าเกรงขาม
ในจํานวนนี้มีหนึ่งตนที่ตัวใหญ่กว่าใครเพื่อนมันสูงร่วมสี่เมตรร่างกายถูกบึกบึนกล้ามแน่นจนผิวหนังเต่งตึงมันนําขบวนเดินอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่ม ทันทีที่มันมองเห็นกลุ่มแวมไพร์ดวงตากลมเล็กของมันหรี่ลงพร้อมกันเดินตรงปรี่นําทัพมุ่งหน้าเข้าไปหาในทันที
ตึงง
ทุกการย่างก้าว เกิดเสียงอึกทึกผืนดินสั่นสะเทือน ทุกเส้นทางที่ข้ามผ่านล้วนมีรอยเท้าฝังลึกบนพื้นดินลึกกว่าหนึ่งคืบก้าวสุดท้ายสัตว์ประหลาดร่างยักษ์มาหยุดลงเบื้องหน้าเหล่าแวมไพร์
ฟูวว
ผู้นํากลุ่มอสูรพ่นลมออกจมูกเหลือบตามองต่ําจากความสูงอันเหนือชั้น มันไม่แม้แต่จะก้มศรีษะลงมองราวกับว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของมันคือมดปลวก
“ปีศาจ ทําไมมาอยู่ที่นี่?” มันค่อยๆอ้าปากกล่าวอย่างเชื่องช้าส่งเสียงต่ําอันน่าขนลุก มือขวากําด้ามขวานแน่นจนกล้ามเนื้อพองตัวเด่นชัด
“ปีศาจ? เจ้าวัวโง่กล้าดียังไงถึงเอาข้าไปเปรียบกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ํา!!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแวมไพร์ตนหนึ่งในกลุ่มระเบิดอารมณ์ปะทุความโกรธตวาดลั่นแทรกตัวออกมายืนประจัญหน้าแหงนมองสบตากับสิ่งมีชีวิตตัวยักษ์โดยไร้ความเกรงกลัว
“ปีศาจจ!?”
“ศัตรู!!”
“ชุ่มม” อสูรบางตนเค่นเสียงต่ําคําราม บางรายฟืดฟัดพ่นลมออกจมูก
ในจํานวนนั้นมีอยู่ตนนึ่งที่อยู่ตําแหน่งถัดจากหัวหน้ากลุ่ม มันแทรกตัวออกมายืนประจัญหน้าแวมไพร์ตนนั้นไม่หลบเลี่ยงกลับกันดวงตาสีแดงของมันฉายแววเฉิดฉายจ้องตอบไม่ยอมถอยปลดปล่อยจิตสังหารหนาแน่นบรรยากาศรอบกายหนักอึ้งปั่นป่วน
อออว์
เห็นศัตรูตัวจ้อยที่อาจหาญกล้าส่งสายตาคุกคาม อสูรตัวโตส่งเสียงร้องคํารามลั่นควงขวานคู่กายสร้างลมหมุนเสื้อผ้าชุดสวมใส่ปลิวของทุกผู้คนรอบบริเวณปลิวไสว ก่อนที่มันจะชูขวานยักษ์ขึ้นเหนือศรีษะประกบมือขวาด้วยมือซ้ายสองมือช่วยยึดเหนี่ยวด้ามขวานกล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างขยายขนาดพองตัวขึ้นฉับพลันหมุนข้อมือให้ส่วนคมอยู่ในองศาที่ต้องการพร้อมกับฟันลงกลางศรีษะของเป้าหมาย!!!
คมขวานเขยื้อนเข้าหาศรีษะของแวมไพร์ตัวน้อยอย่างช้าๆจนเหลืออีกเพียงไม่ถึงคืบส่วนคมก็จะเฉือนผ่ากระโหลกฝังแวมไพร์ไร้การป้องกันใดๆทั้งสิ้น อนึ่งพวกมันล้วนไม่มีอาวุธใดให้ถือจับไม่มีอาวุธสําหรับสู้รบโล่โลหะหรือกระทั่งเกราะเหล็กก็มิได้สวมใส่ ฉะนั้นยามที่คมขวานได้สัมผัสกับหนังศรีษะ แวมไพร์ตัวน้อยย่อมไม่มี ทางรอดอย่างแน่นอน
ตู้มมม
ทว่าเพียงพริบตาต่อมาผลลัพธ์ที่คาดหวังกลับไม่เป็นไปอย่างคาดคิด บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวฝุ่นควันคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณโดยมีจุดศูนย์กลางคือแวมไพร์ตัวน้อยและอสูรตัวมหึมา
ขวานยักษ์ที่ฟาดฟันลงอย่างบรรจงเล็งเป้าหมายเป็นมั่นเหมาะคือศรีษะของแวมไพร์ผู้หยิ่งยโสกลับพลาดเป้าคลาดเคลื่อนไปอย่างผิดปกติฟันลงข้างกายเฉียดร่างของเป้าหมายในระยะเผาขนฝากใบขวานจมลงในพื้นดินจนมิดไปหนึ่งด้าน
!???
อสูรวัวเหล่าสหายสายพันธุ์เดียวกันใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยเครื่องหมายคําถาม ดวงตากระพริบปริบๆด้วยความมึนงง มองร่างอสูรวัวผู้โจมตีไม่ขยับเคลื่อนกายแข็งค้างอยู่ในท่วงท่าเดิมสองมือจับด้ามขวานที่ปักอยู่บนพื้นไม่ยอมดึงออก
แต่เพียงไม่นานนักเหล่าอสูรวัวก็ต้องแปลกใจกับการแสดงออกสหายผู้ใจร้อน จู่ๆตัวมันก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่างขาทั้งสองข้างละทิ้งหน้าที่ไม่พยุงร่างกายไม่ฟังคําสั่งส่งผลให้อสูรวัวตนนี้ทรุดตัวทิ้งเข่าลงกับพื้นก่อนจะขดงอตัว
สองมือคลายออกจากด้ามขวานรั้งเข้าหาตัวขย้ําทรวงอก จมูกโตของมันบานใหญ่สูดหายใจเข้าออกอย่างยากลําบากท่าทางของมันดูจะทรมานอย่างยิ่ง
ม-มออว์
อาการอสูรวัวยิ่งทรุดหนักสองมือตะกุยทรวงอกของตนจนเกิดบาดแผลฉีกขาดของผิวหนัง ทว่ายิ่งนานเข้า แรงของมันค่อยๆตกลงจนตอนนี้มันทําได้เพียงลูบไล้แผงหน้าอกของตนบางเบาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา