Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 390
ฉินซูไห่รู้สึกแปลก ๆ จากรูปปั้นทั้งสองข้างประตู เป็นความรู้สึกที่น่ากลัว เขาเห็นซูผิงนั่งอยู่บนโซฟา เขาเดินเข้าไปข้างในด้วยรอยยิ้ม และทักทายซูผิงอย่างมีความสุข“ น้องซู!”
ซูผิงพยักหน้าเป็นการตอบกลับ
ความคุ้นเคยที่ปรากฏระหว่างฉินชูไห่และซูผิงไม่ได้เหมาะกับคู่ของผู้อาวุโสจากตระกูลมู่และหลิว ทั้งสี่คนแค่ทักทายกันเท่านั้นจากนั้นก็เริ่มมองรอบๆร้าน
ทั้งสี่คนประหลาดใจที่พบว่าพวกเขาไม่สามารถมองเข้าไปในห้องที่ปิดตายมากมายในร้านได้!
ราวกับว่ามีม่านบังอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานใดเลย!
มันแปลกมาก! ซูผิงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาในขณะที่เขากล่าวว่า“ ผมเห็นว่าหัวหน้าตระกูลของคุณยุ่งเกินกว่าที่จะมา เป็นอย่างนั้นสินะ?” คำพูดของเขามีผลน่ากลัว ฉินซูไห่ยิ้มอย่างขอโทษ“ น้องซูแม้ว่าหัวหน้าตระกูลของเราจะงานล้นมือ แต่เขาก็มอบหมายให้ผู้อาวุโสห่าวเทียนและผมมาโดยเฉพาะ ผู้อาวุโสห่าวเทียน มีสถานะเดียวกันกับหัวหน้าตระกูลของเรา และเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าตระกูลของเรา ผมหวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไร หัวหน้าตระกูลของเราได้เตรียมของขวัญชิ้นเล็ก ๆ นี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความจริงใจของเรา”
ฉินชูไห่หยิบกล่องของขวัญออกมา
เขาสังเกตเห็นว่าผู้ที่มาจากตระกูลโจว และตระกูลเย่นำของขวัญมาด้วยเช่นกัน
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พวกนั้น…ฉินซูไห่คิด เขาไม่ปล่อยให้ซูผิงคาดเดา เขารีบเปิดของขวัญ
มีสมุนไพรสีเขียวซ่อนอยู่ในหลอดใส
สมุนไพรกำลังสาดแสงสีเขียวมรกตบนผ้าไหมสีทองที่อยู่ในกล่อง สีสันนั้นเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงคุณภาพของสมุนไพร
ซูผิงจำมันได้ในทันที นี่คือหญ้าฟีนิกส์เหมันต์
ว่ากันว่าหญ้างอกออกมาจากรังของนกฟีนิกซ์ และจะต้องผ่านการทดสอบพลังของนกฟีนิกซ์ หญ้าฟีนิกส์เหมันต์มีพลังที่แข็งแกร่ง มันสามารถช่วยผู้บาดเจ็บได้ไม่ว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงแค่ไหนตราบเท่าที่คน ๆ นั้นยังคงกลั้นหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ได้
สมุนไพรเช่นนี้ไม่สามารถพบได้ในตลาด
มันเกินความคาดหมายของซูผิงที่ว่าตระกูลฉินจะใจกว้างขนาดนี้
การให้สมุนไพรนี้เป็นของขวัญเท่ากับหัวหน้าตระกูลมาด้วยตัวเอง!
คนจากอีกสี่ตระกูลจ้องไปที่ฉินชูไห่ด้วยความตกใจหลังจากที่พวกเขาเห็น หญ้าฟีนิกส์มรกตพวกเขาไม่มีทางเดาได้เลยว่าตระกูลฉินจะทำขนาดนี้ ร้านขายอสูรพิกซี่ได้ทำให้องค์กรดวงดาวขุ่นเคือง ไม่มีการบอกว่าร้านค้าจะรอดจากการตอบโต้ขององค์กรดวงดาวได้หรือไม่ ซูผิงจะพบว่าตัวเองกำลังเจอปัญหาร้ายแรงถ้าองค์กรดวงดาวมาถึง การให้ของขวัญราคาแพงแก่เขาจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์เพราะในที่สุดมันก็จะตกไปอยู่ในมือขององค์กรดวงดาว และพวกเขาเหล่านั้นอาจตามมาในภายหลังเพื่อตั้งคำถามว่าทำไมพวกเขาถึงให้ของขวัญมีค่าขนาดนี้แก่ซูผิง!
ตระกูลฉินฉลาดแกมโกงมาโดยตลอด ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด ทำไมวันนี้พวกเขาถึงยอมเสี่ยง?
ผู้อาวุโสตระกูลมู่ดึงหน้า เมื่อฉินชูไห่เปิดของขวัญของเขา ทั้งคู่รู้สึกว่าพวกเขาถูกตลบหลัง
พวกเขาไม่ได้คิดอยู่ฝ่ายเดียว ตระกูลที่เหลือต่างก็คิดว่าพวกเขาตกหลุมพรางที่ตั้งขึ้นโดยจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์แห่งตระกูลฉิน
หัวหน้าตระกูลทั้งห้าไม่อยู่ พวกเขาจัดการประชุมลับ แม้จะไม่ได้พูด แต่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ตระกูลฉินทำตามข้อตกลงของพวกเขา ฉินตู้หวงไม่มาที่นี่ด้วยตนเอง แต่ของขวัญนั้นมีค่าพอ ๆ กับการปรากฏตัวของเขา!
นั่นจะทำให้อีกสี่ตระกูลดูแย่
ผู้อาวุโสทั้งสองจากตระกูลมู่ไม่รู้ว่าคนอื่นเตรียมอะไรมาบ้าง แต่ของขวัญของพวกเขาจะไร้ค่าอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับมูลค่าของหญ้าฟีนิกส์เหมันต์
ข้างๆพวกเขาคือผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหลิว ทั้งคู่มีใบหน้าขุ่นมัว อย่างไรก็ตามทั้งสองคนจากตระกูลหลิวจบลงด้วยการยิ้มอย่างเหยียดหยาม ตระกูลฉินตัดสินใจผิด! “ นี่เป็นของที่ดี!”
ซูผิงวางหญ้าฟีนิกส์เหมันต์ไว้ เขามีความสุขกับมันมาก แท้จริงแล้วมันเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่เขาต้องการสำหรับกายแสงอาทิตย์ระดับสอง! เขาเรียกตระกูลทั้งห้ามาเพราะต้องการให้พวกเขาค้นหาวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับกายแสงอาทิตย์
เขาดีใจมากที่ได้มันก่อนที่เขาจะร้องขอด้วยซ้ำ ฉินชูไห่ยิ้มโล่งใจที่ซูผิงยอมรับของขวัญ จากนั้นทั้งสองคนจากตระกูลมู่ก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อให้ของขวัญซูผิง
มันเป็นไข่
นั่นคือไข่มังกร แถบสีฟ้าบนเปลือกแสดงให้เห็นว่ามันคือไข่ของมังกรสายลมรัตติกาล ซึ่งเป็นมังกรจากตระกูลลมระดับเก้าขั้นสูง
มังกรสายลมรัตติกาลไม่ใช่หนึ่งในมังกรที่หายากที่สุด แต่สามารถนับได้ว่ามีค่า ซูผิงมอง แต่ไม่รับของขวัญ มันเป็นเพียงไข่มังกรระดับเก้า เขาไม่ได้สนใจและไม่ได้วางแผนที่จะรับอสูรเพิ่มสำหรับตัวเอง
นอกจากนี้หากเขาวางแผนที่จะหาอสูรอีกสักตัว เขาจะใช้สระวิญญาณสำหรับการฟัก
สระวิญญาณได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับสี่แล้ว และโอกาสในการผสมพันธุ์อสูรที่มีสายเลือดระดับตำนานก็มีมาก
ซูผิงไม่มีความสนใจในไข่ของมังกรที่ไม่มีสายเลือดระดับตำนาน เขาจะต้องฟักไข่และฝึกฝนมังกรซึ่งไม่ทรงพลังเท่ามังกรเพลิงนรกของเขา เขาควรใช้เวลาและพลังงานนั้นกับมังกรเพลิงนรกดีกว่า
หากเขาจะรับอสูรตัวใหม่ มันจะต้องมีความสามารถพิเศษที่สามารถชดเชยจุดอ่อนบางอย่างที่เขามีอยู่ในปัจจุบันได้ มิฉะนั้นเขาจะต้องคิดทบทวนใหม่ถึงแม้ว่าอสูรนั้นจะมีสายเลือดระดับตำนานก็ตาม
ตัวแทนจากตระกูลมู่ตกตะลึงเมื่อเห็นว่าซูผิงปฏิเสธ
ทำไมกัน ใคร ๆ ก็อยากได้มังกรไม่ใช่เหรอ?
คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกับฉินชูไห่และปรมาจารย์ดาบ อย่างน้อยที่สุดมังกรก็สามารถใช้เป็นอสูรรองได้ คงไม่มีใครปฏิเสธมังกร
“ หาอย่างอื่นให้ผม แบบเดียวกับหญ้าฟีนิกส์เหมันต์” ซูผิงกล่าว
ทั้งสองจากตระกูลมู่พูดไม่ออก
แน่นอนว่า หญ้าฟีนิกส์เหมันต์นั้นดี
มันเท่ากับชีวิตที่สองและมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการต่อสู้กับนักรบอสูรที่ต่ำกว่าระดับตำนาน แน่นอนว่านักรบอสูรในตำนานก็ยังต้องการสิ่งนั้นเช่นกัน พวกเขาสงสัยว่าตระกูลฉินคิดอะไรอยู่ พวกเขามีสมบัติมากเกินไปหรือไง? เนื่องจากซูผิงไม่ยอมรับไข่มังกร ทั้งสองจากตระกูลมู่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับคืน พวกเขาจะส่งคืนไปที่คลังของตระกูลและมอบให้กับสมาชิกที่โดดเด่นบางคนในตระกูล สองคนจากตระกูลหลิวสวมรอยยิ้มบนใบหน้าและหยิบของขวัญออกมา
มันคือไข่สองฟอง แต่อสูรมีสายเลือดระดับแปดเท่านั้น
คนอื่น ๆ ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ตระกูลหลิวเตรียมมาได้ ด้วยความสนใจเป็นอย่างมากพวกเขาจึงหันไปมองซูผิง จากนั้นก็มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองจากตระกูลหลิว
พวกเขาทุกคนรู้เกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างตระกูลหลิวและซูผิง ตามความเป็นจริงแล้วตระกูลหลิวเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูผิงออกมาประกาศว่าจะคว้าแชมป์ ในช่วงแรก ร้านขายอสูรพิกซี่มีบริการ 100 อันดับแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลิวได้แข่งขันกับเขาก่อนที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา ตระกูลหลิวจึงจบลงด้วยความทุกข์และยังสร้างปัญหาให้กับตระกูลอื่น ๆ อีกด้วย
การให้ไข่ระดับแปดสองนี่น่าสมเพชชะมัด ราคาของไข่ทั้งสองฟองนั้นในตลาดมีราคาเพียงไม่กี่ล้าน
นั่นนับเป็นเงินด้วยหรอ?
ไม่นับ!
นั่นจะไม่มีปัญหา หากพวกมันเป็นอสูรระดับแปดสองตัววัยผู้ใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว พวกมันอาจมีมูลค่ามากกว่าสิบล้านซึ่งเทียบได้กับไข่มังกรระดับเก้าที่ตระกูลมู่นำมา
ท้ายที่สุดแล้วการจะฟักไข่ และฝึกมังกรนั้นต้องลงทุนมหาศาล
ยิ่งใช้เวลามากเท่าไหร่การฝึกมากเท่าไรก็ยิ่งดี มังกรระดับสูงสุดที่ไม่มีการฝึกฝนคุณภาพจะยิ่งกว่ามังกรป่า
ซูผิงละสายตาจากไข่ทั้งสองใบไปยังผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลหลิว เขาสนใจที่จะดูว่าพวกเขามีสีหน้าแบบไหนและอะไรที่ทำให้พวกเขากล้านำไข่สองฟองออกมาหลังจากเห็นตระกูลมู่ ทั้งสองคนจากตระกูลหลิวรู้สึกอับอายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามชีวิตที่ยาวนานของพวกเขาทำให้พวกเขามีประสบการณ์เพียงพอในการผ่านความอึดอัดนี่ พวกเขายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า และยังคงพูดคุยเกี่ยวกับข้อดีหลายประการของไข่ทั้งสองใบ
ไม่มีใครพูดอะไร
ซูผิงรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ด้วยซ้ำ
หลังจากคำพูดของผู้อาวุโสทั้งสอง ซูผิงถามพวกเขาตรงๆว่า“ คุณคงคิดว่าผมเป็นคนโง่หรือไม่ก็คิดว่าผมถึงคราวเคราะห์แล้วหลังตอแยองค์กรดวงดาวสินะ พวกคุณถึงได้กล้าดูถูกผมแบบนี้?”
คนอื่น ๆ กำลังจับตาดูผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลิวด้วยความขบขันอย่างเปิดเผย
แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาไม่คิดว่าซุผิงและร้านขายอสูรพิกซี่จะรอดจากน้ำมือขององค์กรดวงดาว แต่นี่ก็ชัดเจนเกินไป! ตระกูลหลิวเป็นตระกูลใหญ่ แกโง่ขนาดนี้ได้ยังไง? “คุณซู ไม่ เราไม่ได้หมายความอย่างนั้น เราจะกลับไปหาไข่สองอสูรระดับเก้าสองฟองมาให้ดีไหมครับ?”
ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลิวยิ้มอย่างขอโทษ แม้ว่าพวกเขาจะดูหมิ่นซูผิง และเชื่อว่าร้านค้าจะถูกลบหายไปในไม่ช้า แต่พวกเขาก็กลัว แสงสะท้อนอันเยือกเย็นของซูผิงเตือนพวกเขาว่าเขาเป็นบุคคลที่สามารถฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้
ตระกูลหลิวไม่สามารถทนรอวันที่ซูผิงถูกองค์กรดวงดาวคิดบัญชีได้ “ หูของคุณมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? คุณไม่ได้ยินผมหรือไง? ผมเปิดร้านขายอสูร ผมต้องการอสูรตรงไหน? ผมจะไม่ยอมรับมันแม้ว่าคุณจะให้ไข่มังกรทองแก่ผมก็ตาม!”
ซูผิงหัวเราะเยาะ “ หรือว่าตระกูลหลิวกำลังคิดว่าเมื่อผมโดนจัดการ อะไรก็ตามที่คุณให้ผมจะเป็นการเสียเปล่าสินะ?”
ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลิวหน้าซีด “คุณซูนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราคิด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด
“ โอ้ผมเพิ่งนึกได้ เรามีของขวัญอีกชิ้น นี่คือสมบัติป้องกันที่สามารถต้านทานการโจมตีด้วยพลังงานของคนที่อยู่ระดับเก้าขั้นสูงได้” หนึ่งในสองคนตัดสินใจแล้วหยิบจี้หยกออกมาจากกระเป๋าหน้าอกของเขา
ทุกคนหันไปมองซูผิง
ซูผิงไม่รับ จี้หยกเป็นของผู้อาวุโสและเขาคิดว่าเขาสามารถใช้เป็นของขวัญได้เนื่องจากเขาเห็นทุกอย่างกำลังแย่ลง
“ ผมมีขยะแบบนี้มากเกินพอแล้ว!” ความเย็นชาเพิ่มขึ้นในดวงตาของซูผิง เขายกมือขึ้น แสงสีทองถูกรวบรวมไว้รอบ ๆ หมัดของเขาในขณะที่เขาชกออกไป!
เขาลงมือภายในพริบตา
มีเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ
หมัดขับไล่วิญญาณ!
ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น หมัดพุ่งไปที่ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลหลิว
เขายืนอยู่ใกล้กับซูผิงที่ได้รับการฝึกฝนทักษะทางกายภาพ ผู้อาวุโสของตระกูลหลิวไม่มีเวลาตอบโต้เมื่อซูผิงลงมืออย่างกะทันหัน
คนอื่น ๆ ต่างหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าซูผิงจะใช้ความรุนแรง เขาจะฆ่าผู้อาวุโสในที่สาธารณะเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยนี่นะหรือ?
ปัง!
มีการสร้างม่านพลัง
หมัดสีทองอร่ามทุบโล่
โล่แตก
ลมที่เกิดจากผลกระทบได้พัดผมหงอกของผู้อาวุโสตระกูลหลิวปลิว
และซูผิงก็หยุดหมัดของเขาไว้ข้างจมูกของชายชรา นั่นอยู่ห่างจากดวงตาของเขาไม่ถึงสองเซนติเมตร!
แรงกระแทกและแรงลมทำให้ชายชราหรี่ตา วินาทีต่อมาหมัดก็ถูกดึงออกไป และซูผิงก็กลับมานั่งบนโซฟาก่อนที่ใครจะมองเห็น แต่จี้หยกในมือของผู้อาวุโสกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว
เมื่อโล่ที่สร้างโดยจี้หยกถูกบดขยี้ จี้หยกเองก็ถูกทำลายเช่นกัน
ของขวัญที่ผู้อาวุโสมอบให้ซูผิงไม่มีอยู่อีกต่อไป
“ ผมไม่ใช่พ่อค้าโง่ๆ อย่าคิดว่าผมจะยอมทุกอย่าง” ซูผิงเอนตัวพิงโซฟา เสียงของเขาเย็นชามาก