Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 389
ถังยู่หรานรู้สึกเหมือนเธอไม่เคยรู้จักซูผิง ฉันประเมินนายไว้สูงอยู่ตลอด แต่ก็พบว่ายังประเมินนายต่ำไป!
นั่นคือความรู้สึกของถังยู่หราน อย่างแรก นักรบอสูรกิตติมศักดิ์มาเพื่อมอบบางสิ่งบางอย่างให้กับซูผิง จากนั้นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนก็มามอบของขวัญให้กับซูผิงและปรมาจารย์ดาบก็ยังสนิทกับเขา
ยิ่งคิดเรื่องนี้เธอก็ยิ่งงุนงง
“ไม่มีอะไรอีกแล้ว?” ซูผิงถาม
โจวเทียนกวงและผู้อาวุโสจ้องหน้ากันด้วยความสิ้นหวัง เลือดมังกรสองหลอดมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ซูผิงจะไม่พอใจได้ยังไง? “ คุณซู คุณต้องการอะไร?” เมื่อระงับความโกรธของเขาลง โจวเทียนกวงก็ฉีกยิ้ม
ซูผิงเป็นผู้ชายที่สามารถโค่นทั้งตระกูลได้ด้วยตัวเขาคนดียว ไม่ว่าซูผิงจะพูดอะไร พวกเขาก็ไม่สามารถโต้เถียงกับเขาได้ ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือยอม
“ ผมไม่ต้องการเลือดมังกร เอากลับไป และเอาอย่างอื่นมาให้ผม” ซูผิงกล่าว
ทั้งสองพูดไม่ออก ถังยู่หรานอ้าปาก จ้องเขาตาไม่กะพริบ เขาไม่ต้องการเลือดมังกร? เลือดมังกรเป็นทรัพย์สินล้ำค่าสำหรับเจ้าของมังกร!
ซูผิงดูเหมือนจะไม่ชอบเลือดมังกรจริงๆ ทั้งสองคนจากตระกูลโจวรู้สึกงง “ครับ”
โจวเทียนกวงยอมรับ
ภายในเขารู้สึกอึดอัดใจ อย่างอื่น? เป็นเรื่องยากที่จะหาสิ่งที่สามารถทัดเทียมเลือดมังกรได้ สิ่งเดียวที่สามารถเทียบกับเลือดมังกรได้ก็คือสิ่งที่แม้แต่ตระกูลของพวกเขาก็ยังหาได้ยาก
แต่นั่นเป็นมรดกตกทอดของตระกูล พวกเขาไม่สามารถให้สิ่งนั้นได้
ลำบากแล้ว
“ ในเมื่อพวกคุณมาแล้วก็นั่งก่อนซิ รอจนกว่าคนอื่น ๆ จะมา แล้วเราค่อยมาเริ่มประชุมกัน” ซูผิงกล่าว ตระกูลโจวนับเป็นตระกูลแรกที่มาถึง แสดงให้เห็นถึงความจริงใจมากกว่าเมื่อเทียบกับตระกูลอื่น ๆ นอกจากนี้เลือดมังกรยังหายาก เขาคงอยากได้มันถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสนามบ่มเพาะ
เขาไม่รู้ว่าตระกูลโจวได้มันมาจากที่ไหน แต่ต้องหามาได้ยากแน่ๆ “ ครับ”
“คุณซูผมเห็นว่าคุณยังทานอาหารกลางวันอยู่ ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะครับ”
ทั้งสองรู้สึกโล่งใจที่ซูผิงไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรู พวกเขาพยายามพูดคุยกันแบบสบาย ๆ
ซูผิงพยักหน้าและพูดกับถังยู่หรานว่า“ ดูแลพวกเขา อย่าไปไหน ฉันจะไปทานอาหารกลางวันให้เสร็จ อีกสักครู่ฉันจะกลับมา”
ถังยู่หรานพยักหน้ารับ
ในตอนนั้นทั้งสองคนจากตระกูลโจวสังเกตเห็นว่าถังยู่หรานดูหน้าคุ้นๆ โจวเทียนกวงนึกอะไรออก ความประหลาดใจเข้ามาในดวงตาของเขา
แต่ในไม่ช้าเขาก็ปกปิดความประหลาดใจด้วยท่าทางธรรมชาติ
ซูผิงกำลังจะกลับบ้าน และเห็นชายในชุดสูทสีดำยังคงยืนอยู่ข้างประตู “ คุณต้องการอะไรอีกไหม?”
“ เอ๊ะไม่ครับ”
“ โอ้”
ซูผิงไม่พูดอะไรอีกแล้วเดินผ่านไปไป
ด้วยความตกใจ ซูผิงเห็นว่ามีเนื้อเหลืออยู่บนโต๊ะเพียงไม่กี่ชิ้น
พวกนั้นมาอะไรกันตอนนี้ พวกเขาไม่รู้หรือไงว่าตอนเที่ยงเป็นเวลาที่ผู้คนต้องทานอาหารกลางวันกัน?
“ ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?” ปรมาจารย์ดาบถามหลังจากที่ซูผิงกลับมา ทั้งเขาและอู่กวนเฉิงสัมผัสได้ถึงนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
“ ไม่มีอะไร ผมสั่งของและคนส่งของก็มาพอดี” ซูผิงตอบ
ปรมาจารย์ดาบและอู่กวนเฉิงมองหน้ากัน พวกเขาบอกได้ว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น
ซูผิงไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด เขากลืนอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ วางชามกันหมดแล้ว เขาจึงมองไปที่มือของซูหลิงเยวี่ย มือใหม่งอกแล้ว แต่ก็ยังช้า มือใหม่ดูเหมือนมือเด็ก สั้น อวบและน่ารัก
ทักษะการรักษาของอู่กวนเฉิงสามารถช่วยให้แขนขาที่ถูกตัดขาดกลับมาได้ นับประสาอะไรกับมือ
“ แม่ ผมต้องกลับไปที่ร้าน…”
ซูผิงลุกขึ้นยืน
“จ้า ต้อนรับลูกค้าดีๆน้า” แม่ของเขาพูดตามปกติ
ซูผิงเดินออกไปทันที ปรมาจารย์ดาบตามซูผิงไป เขาบอกลาหลี่ฉิงรู่,อู่กวนเฉิงและซูหลิงเยวี่ย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่ร้าน หลังจากซูผิงไปชายในชุดสูทสีดำก็บินขึ้นไปบนอินทรีมงกุฏทอง.
ซูผิงเดินเข้าประตูมาพร้อมกับปรมาจารย์ดาบ เห็นว่าถังยู่หรานกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุขกับทั้งสองจากตระกูลโจว
ถังยู่หรานหยุดการสนทนาทันที และยิ้มให้กับซูผิงเมื่อเขาเดินเข้ามา
ซูผิงเพียงแค่เหลือบมองจากหางตา
ทั้งสองคนจากตระกูลโจวนั่งอยู่บนโซฟา สังเกตเห็นว่าซูผิงมาถึงแล้ว แต่ก็ยังพบอีกคนตามมาด้วย
“ ปรมาจารย์ดาบ?”
ทั้งสองตีหน้ามึนไปชั่วขณะก่อนดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจ
ปรมาจารย์ดาบมีความสัมพันธ์กับร้าน?
สิ่งที่พวกเขาได้ยินจากตระกูลมู่เป็นเรื่องจริง?!
ทั้งสองไม่อยากเชื่อว่าปรมาจารย์ดาบ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเขตอนุทวีปจะมาอยู่ที่นี่ มันเกินตรรกะและเหนือเหตุผลที่เขาจะมาอยู่ในร้านเล็ก ๆ แห่งนี้!
ปรมาจารย์ดาบไม่รู้ว่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนนี้มาซื้อบริการในร้านหรือมาเยี่ยมร้านค้า แต่ทั้งสองไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ปรมาจารย์ดาบจึงแค่พยักหน้ารับ
จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาใกล้
ไม่นานรถก็มาถึงร้าน
ผู้สื่อข่าวตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง รถจอดและนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนก็ก้าวลงมา
โจวเทียนกวงจำได้ทันทีว่าพวกเขามาจากตระกูลเย่
เย่ฉิวและเย่จาง ทั้งคู่ตกใจหลังจากเห็นคนของตระกูลโจว วงในกล่าวถึงพวกเขาว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า พวกเขาคิดว่าพวกเขามาถึงเร็วแล้ว แต่ตระกูลโจวกลับเร็วกว่าพวกเขาฦ
วินาทีถัดมา เย่ฉิวกับเย่จางก็เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆซูผิง
ช่างน่าประหลาดใจ
ปรมาจารย์ดาบ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเขาที่นี่!
ปรมาจารย์ดาบคือคนที่จะกลายเป็นนักรบอสูรในตำนาน!
เย่ฉิวกับเย่จางรู้สึกปลื้มปิติอย่างมาก พวกเขารีบเข้าไปข้างในโดยไม่มีการวางท่าใด ๆ
“คุณซู ยินดีที่ได้รู้จัก นี่จะต้องเป็นปรมาจารย์ดาบแน่ๆ เป็นไงมาไงครับเนี่ย?” เย่ฉิวกับเย่จางทักทายพวกเขาด้วยท่าทางขี้ประจบ
ปรมาจารย์ดาบตอบรับอย่างเป็นมิตร เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่เองก็เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์”งั้น หัวหน้าตระกูลพวกคุณก็ยุ่งเหมือนกัน?”ซุผิงเลิกคิ้ว หัวหน้าตระกูลโจวไม่มา และตระกูลเย่ก็ทำเหมือนกัน มันดูเหมือนพวกเขาจะกลัว เขาเชื่อว่าอีกสามตระกูลคงทำเหมือนกัน
ซูผิงไม่พอใจ เขาไม่มีอะไรจะพูดกับผู้อาวุโสเหล่านี้
สองผู้อาวุโสจากตระกูลเย่อับอาย แต่ในไม่ช้าก็พบข้อแก้ตัว
ข้อแก้ตัวพวกเขาฟังดูมีเหตุผล
ซูผิงไม่อยากเปิดเผยคำโกหกพวกเขา เขาบอกพวกเขาให้นั่งลงและรอให้คนอื่นมาถึง
ปรมาจารย์ดาบสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้มาตามคำเชิญของซูผิง เขาไม่เลือกวันให้ดี ต้องมีเรื่องเกิดในร้านแน่
อย่างที่พูด ปรมาจารย์ดาบเชื่อว่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์เหล่านี้คงก่อปัญหาได้ไม่มากนัก
เขาเลือกไม่เอาตัวเองไปยุ่ง เขาถามซูผิงถึงโครงกระดูกน้อยเพื่อสอนบทเรียนต่อไป
ซูผิงไม่เรียกโครงกระดูกน้อยออกมา เหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องใช้โครงกระดูกน้อยเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ห้าตระกูลใหญ่
เขาบอกปรมาจารย์ดาบให้นั่งรอ เขาหยิบไอศกรีมออกมาและนั่งลงบนโซฟา
“พี่เล้ง อยากได้สักอันไหม?”
“ก็ดี”
ซูผิงหยิบไอศกรีมโคนอีกอันแล้วยืนให้เขา
ซูผิงกับปรมาจารย์ดาบนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน กินไอศกรีม ผู้อาวุโสทั้งสี่รู้สึกอึดอัด แม้กระทั่งถังยู่หรานก็ด้วย
“คุณซู นี่ของขวัญเล็กๆน้อยๆจากเรา”
สองผู้อาวุโสจากตระกูลเย่หยิบของขวัญออกมา
ซูผิงเหลือบมอง”อะไร?”
สองผู้อาวุโสเปิดของขวัญพร้อมกัน มันเป็นจี้ที่ทั้งล้ำค่าและมีประโยชน์ มันมีผลอย่างน่าอัศจรรย์ที่สามารถหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณของคนได้ ซูผิงพลันหมดความสนใจ เขามีของที่มีคุณสมบัติคล้ายกันแล้ว
เขาได้ของแบบนี้มาอย่างน้อยสามชิ้นจากอาณาจักรลับ เขาเก็บอันดีสุดให้ตัวเองและมอบอันรองลงมาให้ซูหลิงเยวี่ย
“มันจะเป็นประโยชน์ต่อคุณหนูซูอย่างมาก”ทั้งสองจากตระกูลเย่ยิ้ม
ซูผิงรีบมา เขาพิจารณาว่าจะมอบตะเกียงวิญญาณให้แม่เขาและมอบจี้นี้ให้ซูหลิงเยวี่ย
“ดี”ซูผิงตอบและเก็บจี้ไป
ทั้งสองจากตระกูลเย่ไม่สามารถระบุได้ว่าซูผิงกำลังคิดอะไร เขาไม่ชอบ?หรือเขาชอบแต่อยากได้เพิ่ม?
ตอนนั้น รถอีกคันขับเข้ามา
ตระกูลอื่นมาถึงทีละตระกูล พวกเขาต้องพูดคุยกันล่วงหน้าแน่
ซูผิงพูดถูก ไม่มีหัวหน้าตระกูลใดมา มีแค่ผู้อาวุโสตระกูล ตระกูลฉินส่งผู้อาวุโสกับตัวแทนอีกคนที่ซูผิงรู้จักมา ฉินชูไห่