Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 312
ซูหลิงเยวี่ยเม้มปากหลังจากได้ยินคำพูดสองสามคำแรกของเขา แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
เพื่อให้สามารถเข้าสู่สถาบันแอรีสได้ นอกเหนือจากคะแนนทางวิชาการแล้ว จะต้องมีถิ่นที่อยู่ที่ลงทะเบียนอยู่ในย่านใจกลางเมืองด้วย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ค่อยชอบนักเรียนทั้งหมดของสถาบันแอรีสอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าสวี่คังสามารถขึ้นสู่ 1000 อันดับแรกได้ด้วยตัวของเขาเองนั้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งที่น่าชื่นชมของเขา
เธอไม่ได้โกรธเคืองกับการโอ้อวดของเขา เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะทำ
“มานี่ ไปหาที่นั่งกันเถอะ”สวี่คังลากซูหลิงเยวี่ยไปยังจุดที่มีคนนั่งอยู่หลายคน พวกเขาทั้งหมดมาจากสถาบันแอรีส
ซูหลิงเยวี่ยมองคนอื่น และส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ จากนั้นเธอก็มองผ่านฝูงชน เห็นเย่ห่ากับซูหยานหยิง“ มันไม่เหมาะที่ฉันจะไปนั่งกับสถาบันแอรีส ฉันจะไปหาเพื่อน”
สวี่คังมองไปและเห็นเย่ห่าว
เขาและเย่ห่าวเป็นคู่ต่อสู้กันสมัยก่อน ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยต่อสู้กันเองในการแข่งขันแลกเปลี่ยนของสถาบัน
สวี่คังมองเห็นได้ว่าเย่ห่าวกำลังมองเขาด้วยสายตายั่วยุ เขาจึงยิ้มเยาะและพูดกับซูหลิงเยวี่ย“ก็ได้ อย่าลืมเมตตาฉันด้วยหากเราได้พบกันบนเวที”
“ นายต่างหากที่ต้องเมตตาฉัน…”
“ ไม่ ไม่ เธอเป็นน้องสาวของอาจารย์ฉัน ฉันไม่มีวันเอาชนะเธอได้หรอก”สวี่คังตอบ
ซูหลิงเยวี่ยแยกทางกับสวี่คังหลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อย เธอไปหาเย่ห่าวและซูหยานหยิง
“ เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ?” เย่ห่าวถาม
“ ไม่เชิง เขาบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของพี่ชายฉัน” ซูหลิงเยวี่ยอธิบาย เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อใช้คำว่า“ พี่ชายฉัน” เธอไม่เคยเรียกซูผิงแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมาก่อน เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของเขา ทำให้เธอค่อยๆยอมรับและคุ้นเคยกับความจริงที่ว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ “ลูกศิษย์ของคุณซู?”
ทั้งเย่ห่าวและซูหยานหยิงต่างประหลาดใจ โดยเฉพาะเย่ห่าว เขาคิดหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างละเอียด เขาและสวี่คังแข่งขันกันมานานแล้ว เขาต้องยอมรับว่าสวี่คังนั้นแข็งแกร่งและมีความสามารถ เย่ห่าวไม่ได้เกิดมาจากตระกูลใหญ่ ดังนั้นการที่จะมีความสำเร็จแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา
เย่ห่าวไม่เคยรู้มาก่อนว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือลูกศิษย์ของซูผิง ซึ่งเขาเองก็เคยคิดว่าเป็นคู่ต่อสู้ด้วยเหมือนกัน
“สวี่คัง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
กลับไปที่นักเรียนของสถาบันแอรีส ทันทีที่สวี่คังเดินมา เพื่อนคนหนึ่งของเขาก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารู้สึกคุ้นๆกับผู้หญิงสาวที่สวี่คังคุย
“ นายไม่รู้?…ยังไงก็ตามเมื่อนายพบเธอบนเวที เก็บแรงไว้ เพราะนายจะแพ้และได้รับบาดเจ็บ”สวี่คังนั่งลง ตอบอย่างสบาย ๆ ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากความสุภาพเรียบร้อยที่เขาแสดงออกต่อหน้าซูผิง
ชื่อของเขาคือสวี่คัง
ในชื่อของเขา คังมีความหมายว่าดุร้ายหรือไม่มีวินัย
“ นายหมายถึงอะไร? นายแน่ใจเหรอว่าฉันจะแพ้เธอ?” ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเขาเล็กน้อย
สวี่คังมองชายหนุ่มด้วยหางตาของเขา “ เฮ้ ไก่น้อย อย่าถือหน่า นายเคยได้ยินเกี่ยวกับร้านขายอสูรพิกซี่ไหม? เธอคือคนที่กำลังจะคว้าแชมป์”
“ นั่นเธอเหรอ!”
คำพูดของสวี่คังทำให้ทุกคนจากสถาบันแอรีสตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดเหลือบมองซูหลิงเยวี่ย
ชายหนุ่มชื่อเล่น“ ไก่” โกรธทันที “ ฉันบอกแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าไก่! ฉันเคยเห็นวิดีโอของเธอมาก่อน เธอมีมังกรหายากใช่ไหม? แต่ฉันบอกได้เลยว่ามังกรเพิ่งถึงวัยผู้ใหญ่ ฉันคิดว่าฉันสามารถเอาชนะเธอได้!”
คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย ความสงบของพวกเขากลับคืนมาแล้ว
เธออ้างว่าเธอจะคว้าแชมป์
คุยนะคุยได้ แต่การกระทำนะยาก!
ไม่งั้น ฉันคงคว้าแชมป์ระดับโลกได้ไปแล้ว!
“ อืม”
สวี่คังหัวเราะเยาะกับปฏิกิริยาของพวกเขา เขาไม่สนใจทัศนคติของทุกคน เขาไม่มีอารมณ์ที่จะโต้เถียงกลับ ท้ายที่สุด คนที่นั่งอยู่รอบ ๆ ตัวเขาไม่ใช่แค่เพื่อน แต่ยังมีคนที่จบการศึกษาจากสถาบันแอรีสเมื่อหลายปีก่อนด้วย
สวี่คังมีประสบการณ์การฝึกฝนในร้านของซูผิง ดังนั้นเขาจึงตระหนักดีว่าขนาดและระดับของอสูรไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของพวกมัน
เขาเคยเห็นวิดีโอทั้งหมดของซูหลิงเยวี่ย เขาบอกได้ทันทีว่ามังกรจันทราเหมันต์ไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดของมัน ทุกครั้งมังกรจันทราเหมันต์จะทำการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว และคู่ต่อสู้ของเธอจะแพ้!
นอกจากนี้ใครจะบอกได้ว่ามังกรจันทราเหมันต์เป็นอสูรหลักของเธอ?
ร้านค้าของซูผิงมีมังกรเพลิงนรก มีแนวโน้มว่ามังกรจันทราเหมันต์เป็นอสูรรองของซูหลิงเยวี่ยแล้วอสูรหลักของเธอจะเป็นยังไง? แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!
“ ฉันจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะ 10 อันดับแรก!”สวี่คังยืนยันกับตัวเองอย่างใจเย็น เขาจับตาดูบนเวทีโดยไม่พูดอะไรกับเพื่อน ๆ เขาไม่สนใจว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใคร ตราบเท่าที่ไม่ใช่ซูหลิงเยวี่ยก็พอ เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในตัวซูผิงและในอสูรที่เขาฝึก
เพียงแค่คิดถึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในอสูรของเขาก็ทำให้สวี่คังตื่นเต้น
ชายหนุ่มชื่อเล่นไก่พูดไม่ออก เขารู้จักเพื่อนสนิทของเขาดี สวี่คังมีความหยิ่งยโสมาโดยตลอด เขาเคยชินกับการที่เพื่อนของเขาคุยโวแล้ว แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับสวี่คังที่จะคุยโว
“ โอ้?”
“ เป็นอย่างนั้นหรอ?”
อีกหลายคนที่นั่งอยู่ที่นี่จบการศึกษาจากสถาบันแอรีส และอยู่ในแวดวงของนักสำรวจมาเป็นเวลานาน พวกเขาทั้งหมดมองดูนักเรียนคนนี้อย่างดูถูก
พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จบางอย่างของเขาในสถาบัน … แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสถาบันเหมือนกัน
ชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นสีแดงหลายจุดบนแขนของเขาเตือนสวี่คังอย่างเย็นชา“ น้องชาย นายควรรู้ว่าการไม่คาดหวังดีที่สุดการก้าวสู่ 100 อันดับแรกก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับนายอยู่แล้ว อย่าผลักดันตัวเองมากเกินไป”
“ อืมฉันเห็นว่านักเรียนในสถาบันของเรามีความ ‘มั่นใจ’ มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีหลังจากเราจบ” อีกคนหัวเราะเบา ๆ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ ฉันว่าคนรุ่นใหม่คงเก่งกว่าคนรุ่นเรา”
“ 10 อันดับแรก…ฮ่าฮ่าฮ่า”
สวี่คังตอบกลับคำพูดเยาะเย้ยเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าพูดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่ได้กลัว คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนในดินแดนรกร้างมาเป็นเวลาหลายปี แล้วไงล่ะ? นั่นคงไม่มีประโยชน์เท่ากับการที่เขาใช้เงินเพื่อให้ซูผิงฝึกฝนอสูรของเขา!
สวี่คังจ้องมองไปยังกลุ่มตระกูลมู่
มู่เฉิน ศัตรูตัวฉกาจของเขาที่สถาบันซึ่งมักจะเป็นนักเรียนอันดับต้น ๆ นั่งอยู่ที่นั่นแทนที่จะอยู่กับคนอื่น ๆ ของสถาบันแอรีส ท้ายที่สุดแล้ว มู่เฉินมาจากตระกูลมู่ ส่วนคนที่นั่งแถวเขานั้นไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่
“ ฮึ่ม คอยดูเถอะ ฉันจะเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกหรือแม้แต่ 5 อันดับแรก มาดูกันว่าหน้าตาของนายจะเป็นยังไง?”สวี่คังกัดฟันเขาแทบอดใจรอให้การต่อสู้เริ่มไม่ไหวแล้ว เขากำลังจะสร้างชื่อเสียง!
เมื่อเขาติด 10 อันดับแรก มันคือความสำเร็จ!
กลับไปที่ที่นั่งของสมาชิกในครอบครัว
ซูผิงหาที่ว่างและนั่งลง เมื่อเทียบกับบริเวณที่นั่งของผู้เข้าร่วมแล้ว สถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวากว่า สมาชิกในครอบครัวบางคนสงบ ในขณะที่บางคนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกของพวกเขาในสถานที่ขนาดใหญ่แบบนี้
“คุณซู เราพบกันอีกแล้ว”
ในไม่ช้าคนสองคนก็มานั่งลงบนที่นั่งว่างข้างๆซูผิง “ มีใครนั่งตรงนี้ไหม?”
ซูผิงลืมตาขึ้น มันคือเฟยหยานป๋อและลูกชายของเขาเฟยเฟย เขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขามาตรงนี้ด้วยความตั้งใจ ซูผิงรู้ว่าเฟยหยานป๋อพยายามจะสนิทกับเขา ซูผิงไม่ได้คัดค้าน เฟยหยานป๋ออาจกลายมาเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ
เมื่อเขาสามารถฝึกฝนอสูรขั้นสูงในร้านของเขาได้ คนอย่างเฟยหยานป๋อที่มีอสูรขั้นสูงจะเป็นเป้าหมายหลักและแหล่งรายได้หลักของเขา
“ สวัสดีคุณซูสิ” เฟยหยานป๋อพูดกับลูกชายของเขา
เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วเฟยเฟยสุภาพมากขึ้น เฟยหยานป๋อต้องสอนบทเรียนแก่ลูกชายของเขาหลังจากที่พวกเขากลับไป
“คุณซู” แก้มของเฟยเฟยแดงระเรื่อ เขาไม่คุ้นเคยกับการทักทายในหมู่ผู้ใหญ่
ซูผิงไม่ตอบ คนอื่น ๆ อาจเรียกเชาว่าคุณซูเพียงเพราะมารยาท แต่เนื่องจากเฟยหยานป๋อเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เขาจึงปล่อยเลยตามเลย
“ ผมคิดว่านักเรียนสองคนของคุณ ทั้งคู่สามารถขึ้นสู่ 100 อันดับแรกได้” ซูผิงกล่าวอย่างสบาย ๆ
ซูผิงเปลี่ยนเรื่อง เฟยหยานป๋อยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ “ ผมไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาขึ้นสู่ 500 อันดับแรกก็ถือว่าดีพอแล้วสำหรับผม”
ด้วยความอับอายที่ซูผิงไม่ตอบกลับคำทักทายของเขา เฟยเฟยจึงหน้าแดงมากขึ้นด้วยความขุ่นเคือง เขานั่งลงและเมินหน้าไปทางอื่น
เฟยหยานป๋อรู้สึกอาย ในไม่ช้าเขาก็ซ่อนความลำบากใจและสนทนากับซูผิงต่อไป
“น้องชายซู?”
ซูผิงได้ยินเสียงหนึ่งเรียก มีคนอื่นมา?
ด้วยความประหลาดใจซูผิงกับเฟยหยานป๋อมองไปพร้อมกัน มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ ฉินซูไห่?” ซูผิงไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ แต่เนื่องจากเขามาจากตระกูลฉินจึงไม่น่าแปลก
“ ผมนั่งตรงนี้ได้ไหม?”ฉินชูไห่ถาม
“ แน่นอน”
ฉินชูไห่นั่งลงทางขวาของซูผิง“ เราไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากที่เรากล่าวอำลาที่อาณาจักรลับ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เจอคุณที่นี่”
ซูผิงหัวเราะภายใน บังเอิญอะไรกัน นี่เรียกว่าการจงใจซะมากกว่า
“และนี่คือ?” ฉินชูไห่มองไปที่เฟยหยานป๋อ
เฟยหยานป๋อก็อยากรู้เกี่ยวกับฉินชูไห่เช่นกัน เฟยหยานป๋อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเล็กน้อยจากเขา และบอกได้ว่าเขาต้องเป็นนักรบอสูรที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ