Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 311
“สัตว์ประหลาดอีกคน!”คนงานบางคนพึมพำ
คนอื่น ๆ จ้องไปที่เสือไฟสายฟ้าที่ถูกแช่แข็งด้วยรอยยิ้มขมขื่น การต่อสู้สิ้นสุดลงก่อนที่จะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ ตามเซ็นเซอร์ของ เสือไฟสายฟ้าความสามารถในการแช่แข็ง … อยู่ที่ระดับ 8.6!
หมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอ?
มันบอกเป็นนัยว่าลมหายใจของมังกรสามารถตรึงอสูรร้ายที่ระดับแปดขั้นกลางได้!
สำหรับผู้เข้าร่วมทั้งหมดระดับเจ็ดคือขีดจำกัดต่ำสุดสำหรับการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ระดับแปดจะถือเป็นมาตรฐานสำหรับชนชั้นสูงอย่างแท้จริง!
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เข้าร่วมของลีกนักรบต้องไม่สูงกว่าระดับหก เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่อยู่ในระดับหกที่จะแสดงพลังเท่ากับระดับแปด โดยปกติแล้วเฉพาะผู้ที่มาจากตระกูลชื่อดังที่มีทั้งความมั่งคั่ง ทรัพยากรและสมบัติลับเท่านั้นที่สามารถทำได้
“ คุณผ่านการทดสอบแล้ว!” ชายที่สวมสูทสีดำและหมวกทรงสูงกล่าวกับซูหลิงเยวี่ยซึ่งยังคงยืนอยู่ด้วยความงุนงง เขาพูดไม่ออกเล็กน้อยที่พบว่าผู้หญิงคนนี้ดูสับสนมาก
“ โอ้….”
ในที่สุดซูหลิงเยวี่ยก็รู้ว่าเธอควรทำอะไร เธอเหลือบมองเสือไฟสายฟ้าที่ถูกแช่แข็ง เธอเรียกมังกรจันทราเหมันต์กลับไปยังพื้นที่สัญญาและอุ้มอสูรเพลิงมายาไว้บนไหล่ เธอก้าวออกมาจากทางเดิน
“ คือ หนูจะติด 1000 อันดับแรกได้ไหมคะ? ถ้าไม่หนูจะได้ลองอีกครั้ง…” ซูหลิงเยวี่ยกระซิบถามคำถามของเธอกับผู้ชายคนนั้น
เธอรู้วาสเธอทำได้ดีจากปฏิกิริยาของผู้คุมเหล่านั้น ในขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักดีถึงความรับผิดชอบที่เธอต้องแบกรับ เธอไม่สามารถทำผิดพลาดได้!
หนังตาของชายหมวกทรงสูงกระตุก หากไม่ใช่เพราะสีหน้าจริงจังและกังวลของเธอ เขาคงคิดว่าผู้หญิงที่สวยและบอบบางคนนี้กำลังอวด
“ หากเป้าหมายของคุณคือการเข้าสู่ 1000 อันดับแรก คุณทำเกินพอแล้ว”
ชายหมวกทรงสูงชี้ไปที่อุปกรณ์แสดงอันดับ เขาบอกให้ผู้คุมคนอื่นแสดงอันดับปัจจุบันของซูหลิงเยวี่ย
อันดับที่ 18
นั่นนับว่าดี แม้ว่าจะมีอีกหลายคนที่รอการทดสอบ แต่เธอก็ไม่น่าจะหลุดจาก 1000 อันดับแรก
ซูหลิงเยวี่ยไม่คาดหวังว่าเธอจะทำได้ดีขนาดนี้ ในขณะที่มีความสุข เธอก็เริ่มกังวล มีคน 17 คนที่อยู่หน้าเธอ และทุกคนสามารถเอาชนะ เสือไฟสายฟ้าตัวนั้นได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เป็นอย่างนั้นเหรอ?
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกว่าประสาทสัมผัสของเธอกำลังมึนงง
ด้วยการพึ่งพาตัวเองเพียงอย่างเดียว เธอจะไม่สามารถป้องกันตัวเองจากเสือไฟสายฟ้าตัวนี้ได้ด้วยซ้ำ หากไม่มีมังกรจันทราเหมันต์ที่ซูผิงมอบให้ เธอก็น่าจะแพไปแล้ว ในการแข่งขันกับสัตว์ประหลาดและอัจฉริยะเหล่านั้นเธอจะต้องตายแน่ๆ
เมื่อเห็นคะแนนของเธอ ซูหลิงเยวี่ยก็เดินผ่านทางเดินอีกทางตามคำแนะนำของผู้คุม
“ นั่นคือผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นแชมป์คนต่อไปใช่ไหม?”
“ ใช่จริงด้วย”
“ เธอต้องแน่ใจเพราะอะไรบางอย่าง ฉันเชื่อว่ารอบสุดท้ายของปีนี้จะต้องตื่นเต้นแน่นอน”
“ ฉันยังไม่แน่ใจ เธอยังทำได้ไม่ดีเท่าคนจากตระกูลฉิน”
“ฉันก็ว่างั้น” หลังจากที่ซูหลิงเยวี่ยจากไป ผู้คุมหลายคนก็เริ่มพูดคุยกัน พวกเขาจำซูหลิงเยวี่ยได้ทันทีที่เธอมาถึง แน่นอน เธอกลายเป็นคนดังไปแล้วเนื่องจากความสามารถ และมังกรทรงพลังที่เธอใช้ในการแข่งขันก่อนหน้า
“ เสร็จแล้ว”
ซูหลิงเยวี่ยเห็นซูผิงรออยู่ไม่ไกล เธอรีบไปหาเขา
ซูผิงมองเธอ “ เจ็บตรงไหนไหม? มีใครเล่นสกปรก ๆ หรือเปล่า?”
“ ไม่”ซูหลิงเยวี่ยส่ายหัวและบอกเขาเกี่ยวกับการทดสอบ
ซูผิงพยักหน้าหลังจากซูหลิงเยวี่ยอธิบายเสร็จ เขาเข้าใจว่าการทดสอบของเธอเสร็จเร็วเกินไปจนบอกไม่ได้ว่ามีคนเล่นสกปรกหรือเปล่า
“ ตระกูลหลิวรู้ว่าควรต้องทำตัวยังไง” ซูผิงส่ายหัว เขาพาเธอไปด้านใน
เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของที่นั่งผู้ชมเต็มแล้ว ทั้งสถานที่คึกคักไปด้วยเสียงคุย จากทางเข้าหลายทาง มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ สถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าสถานที่จัดงานสาขามาก และที่นั่งของผู้ชมก็แบ่งออกเป็น 16 ส่วน
แต่ละส่วนสามารถรองรับผู้คนได้หลายหมื่นคน สำหรับคนทั่วไปที่นั่งด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งสูงที่สุด พวกเขาจะต้องใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อดูการแข่งขัน ไม่งั้นพวกเขาจะมองอะไรไม่ชัด นอกเหนือจากอสูรที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
ซูผิงและซูหลิงเยวี่ยไปที่บริเวณที่ใกล้เวทีที่สุด เธอเป็นผู้เข้าร่วม
นั่นเป็นพื้นที่รอเพียงที่เดียวเพราะมีเพียงหนึ่งพันคนเท่านั้นที่จะเข้าร่วมการแข่งขันรอบต่อไป
พื้นที่อื่น ๆ ใกล้เวทีเป็นที่นั่ง VIP ราคาแพง ผู้ที่นั่งอยู่ที่นั่นมีฐานะร่ำรวย หรือมาจากตระกูลใหญ่ ๆ
ในขณะนี้หกถึงเจ็ดร้อยคนนั่งในบริเวณที่นั่งของผู้เข้าร่วม ซูผิงมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของเขา เขายังเห็นนักเรียนสองคนจากสถาบันดาบคลั่ง คือลั่วเฟิงเทียนและยู่เว่ยหาน ซูผิงบอกให้ซูหลิงเยวี่ยหาที่นั่งในขณะที่เขาไปที่พื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัว ผู้เข้าร่วมแต่ละคนได้รับอนุญาตให้นำสมาชิกในครอบครัวมาสองคน
“คุณซู อาจารย์ของผม”
มีคนวิ่งมาหาซูผิง
ซูผิงจำได้ว่าเป็นสวี่คังที่เขาเคยสอนสองครั้ง
“ ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ใช่อาจารย์ของคุณ”
“อาจารย์หนึ่งวัน คืออาจารย์ตลอดไป…”
“ หยุดเลย กลับไปเตรียมตัวได้แล้ว” ซูผิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนทนากับเขา เขาไม่เคยยอมรับว่าเขาเป็นอาจารย์ของสวี่คัง นายโทรหาฉันตอนที่ต้องการ!
“ครับ!” สวี่คังกำหมัดและตอบด้วยความเคารพ
ซูผิงกลอกตาใส่เขา
ซูหลิงเยวี่ยที่ยืนข้างๆเกิดสนใจสวี่คัง ซูผิงรับลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขามาจากไหน? ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน?
ทั้งสามคนดึงดูดความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซูผิงไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาขอให้พวกเขาโชคดี แล้วเดินไปเขตที่นั่งสำหรับสมาชิกครอบครัว
“ เธอเป็นน้องสาวของอาจารย์ฉันใช่ไหม?”
หลังจากที่ซูผิงจากไปสวี่คังก็หันกลับมา จ้องมองซูหลิงเยวี่ยด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้งี่เง่าอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น เขาทำการบ้านมาแล้ว
ซูหลิงมองผู้ชายคนนี้ขึ้นและลง “ ฉันชื่อซูหลิงเยวี่ย” เธอพยักหน้า
“ผมรู้จัก เธอเป็นนักเรียนชั้นนำในปีที่ 1 ที่สถาบันฟีนิกส์ใช่ไหม? ไม่น่าแปลกใจที่เธอเป็นน้องสาวของอาจารย์ฉัน เธอเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์!”สวี่คังยกนิ้วให้เธอ
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกชอบคำชมนี้ “ นายมาจากสถาบันอะไรหรอ?” เธอถาม
“สถาบันแอรีส”สวี่คังตอบอย่างสบาย ๆ “สถาบันแอรีส?”ซูหลิงเยวี่ยไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นศิษย์ของซูผิงมาจากสถาบันแอรีส?!
“สถาบันแอรีสยากที่จะเข้าไปได้ ฉันไม่ได้คะแนนสูงพอที่จะเข้าเรียน นายต้องเก่งมากแน่ๆ”ซูหลิงเยวี่ยพูด เธอดีใจที่สวี่คังยกย่องเธอ แต่เธอก็รู้ขีดจำกัดของเธอดี นอกจากนี้เนื่องจากสวี่คังสามารถขึ้นสู่ 1000 อันดับแรกได้ แสดงว่าเขาต้องเป็นนักเรียนดีเด่น
“ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร… แต่เมื่อเทียบกับอาจารย์ ฉันก็ไม่เก่งอะไรเลย”
ผ่านไปครึ่งประโยคสวี่คังตระหนักว่าคำพูดของเขาฟังดูหยิ่งยโส เขาเปลี่ยนคำตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆทันที