Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 310
วันต่อมา นี่เป็นการคัดเลือกรอบสุดท้าย
ซูผิงต้องออกจากร้านเพื่อขับรถพาซูหลิงเยวี่ยไปที่งาน ดังนั้นเขาจึงต้องทิ้งโจแอนนาไว้เพื่อเป็น“บอส” แน่นอนเขาเพียงแค่มอบด้วยคำพูดเท่านั้น
บทบาทเดียวของเธอคือเปิดประตูรับลูกค้าที่มารับอสูรคืน ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์ นอกจากนี้เธอยังสามารถรับลูกค้าบางรายที่มาฝึกอสูรได้
ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้เป็นงานที่พนักงานควรทำ แต่แค่ปกติซูผิงจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ตั้งแต่โจแอนนาเข้ามา ซูผิงก็สามารถออกจากร้านได้บ้างเป็นครั้งคราว ร้านค้าสามารถดำเนินการต่อไปได้ อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องเข้าสนามบ่มเพาะเพื่อฝึกอสูรด้วยตัวเอง เพราะเป็นความลับหลักของร้านค้า
ในไม่ช้าซูผิงก็ขับรถพาซูหลิงเยวี่ยมาถึงสถานที่จัดงานในเมืองตอนบน
สถานที่สำหรับรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่เขตราชา
ชื่อบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เขตธรรมดา เขตราชาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจสำหรับพื้นที่เมืองตอนบน เป็นเขตที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดมันเป็นเขตที่เฟื่องฟูสุดในเมืองฐานนอกเหนือจากเขตหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของเทศบาล
ในสถานที่นี้ ที่ดินมีมูลค่ามากกว่าทองคำ มีคนร่ำรวยมากมายในเขตราชา หากคุณเดินบนถนนและสุ่มจับคนบนถนน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนรวย
ในขณะเดียวกันการควบคุมที่นี่ก็เข้มงวด กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งไว้ทั่วทุกที่ ดังนั้นการจลาจลจึงแทบไม่มี
การได้เป็นเจ้าภาพรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เศรษฐกิจของเขตราชาเพิ่มสูงขึ้น
มีถนนหลายสายแออัดมากในเขตราชา ซึ่งการจราจรติดขัดเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความจริงที่ว่าคนรวยทุกคนมีรถยนต์ บางคนมีมากกว่าหนึ่งคัน พลเมืองที่ทำงานและอาศัยอยู่ที่นี่ก็มีรสนิยมของชนชั้นกลาง และจะซื้อรถเกรดต่ำซึ่งมีราคาไม่แพงนอกจากนี้คนชนชั้นล่างในสังคมก็ยังมีแนวโน้มที่จะขับรถยนต์
พวกเขามักจะกระตือรือร้นที่จะขับรถ แม้ว่าพวกเขาจะไปซื้อของในร้านที่อยู่ห่างจากบ้านเพียงสองร้อยเมตรก็ตาม
การมีผู้เข้าร่วมและผู้ชมที่มาที่นี่ทำให้ถนนเต็มไปด้วยรถ
“ คนเยอะกว่าเมื่อวานหลายเท่า”
ซูผิงขับรถไปตามถนนที่มีรถสัญจรน้อย เขาส่ายหัวขณะมองไปยังเลนข้างๆที่รถแทบไม่ขยับ
“ มากกว่าเมื่อวาน? นายมาที่นี่เมื่อวานนี้เหรอ?”ซูหลิงเยวี่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ ฉันมาเที่ยว“
ซูผิงเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว
ในอีกเลนหนึ่งที่การจราจรติดขัด มีคนบีบแตรอย่างบ้าคลั่ง และบางคนก็ยื่นหัวออกมานอกหน้าต่างเพื่อมอง
“จะไปไหมเนี่ย?”
“ ชักช้าจังวะ ให้ตายเถอะ ผู้หญิงหยุดรถโดยไม่มีเหตุผลอีกสินะ”
“ ที่รัก ทำไมเราไม่ไปเลนนั่นล่ะ เลนนั้นรถไม่ติด!”
“ นั่นคือเลนที่กำหนดไว้สำหรับนักสำรวจและชนชั้นสูง เราจะถูกไล่ออกจากเลนนั้นทันทีที่เข้าไป และใบอนุญาตของเราจะถูกยกเลิกตลอดไป”
“จริงหรอ? ทำไมนักสำรวจถึงใช้มันได้? พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากฆ่าอสูรร้ายไม่กี่ตัว…”
“นั่น นั่น ใจเย็น ๆ ”
เขาขับไปตามเลนที่กำหนด ไม่นานซูผิงก็มาถึงสถานที่จัดงาน
เขาต้องยอมรับว่าสถานที่จัดงานในเขตเมืองตอนบนนั้นแตกต่าง นอกสถานที่จะเป็นลานขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมารวมตัวกันสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงหลายแห่งก็มีการจัดตั้งขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับหน้าจอความละเอียดสูงสำหรับผู้ที่อยู่นอกสถานที่ที่จะได้เพลิดเพลินไปกับการต่อสู้
ซูหลิงเยวี่ยคิดว่าเธอผ่านการแข่งขันมาแล้ว และน่าจะไม่ประหม่า แต่ในขณะนี้เธอก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่
เธอมองเห็นฝูงชนที่แออัดทั่วลาน ความคิดที่ว่าเธอจะขึ้นไปบนเวทีและทุกคนจะได้เห็นการต่อสู้ของเธออย่างละเอียด ทั้งหมดนั้นทำให้เธอเต็มไปด้วยความกังวล ซูผิงไม่ได้ปลอบเธอ เธอต้องเรียนรู้ที่จะปรับอารมณ์ “ทางนี้“
ซูผิงพาซูหลิงเยวี่ยไปที่ทางเดินของผู้เข้าร่วมซึ่งมีคนน้อยกว่า
นักรบอสูรขั้นสูงบางคนเฝ้าที่ทางเข้า
พวกเขาตรวจสอบข้อมูลของซูหลิงเยวี่ย อนุญาตให้ทั้งสองคนเข้าไป
“ เธอรู้กฎสำหรับวันนี้หรือเปล่า?” ซูผิงถาม
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า “ อันดับแรกคือการทดสอบเพื่อเลือก1000 อันดับแรก ที่เหลือจะถูกกำจัด หลังจากนั้นคือการแข่งขันที่แท้จริง รอบแรกเป็นการแข่งขันท้าทายคล้ายกับรอบก่อนหน้านี้” ซูผิงพยักหน้า เธอทำการบ้านมาแล้ว
“ เธอต้องระวังระหว่างการทดสอบ” ซูผิงเตือนเธอ“ นั่นเป็นที่เดียวที่ตระกูลหลิวจะใช้กลอุบายอะไรบางอย่างได้” การทดสอบจะไม่ปรากฏให้ผู้ชมเห็น จะเป็นพนักงานมืออาชีพจัดการการทดสอบ
นั่นคือเหตุผลที่การกระทำไม่ดีบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้
ทันใดนั้นซูหลิงเยวี่ยก็จำได้ว่านอกเหนือจากการมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันแล้ว เธอต้องคอยระวังการแทงข้างหลัง “ฉันเข้าใจ ฉันจะระวัง”
ซูผิงพยักหน้าให้เธอ ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ เขามอบตะเกียงที่ได้มาจากดินแดนมังกรให้เธอเพื่อปกป้องเธอจากการโจมตีทางวิญญาณ
เขามีอุปกรณ์ที่ดีกว่าสำหรับตัวเอง และไม่ต้องการตะเกียงอีกต่อไป เขาจึงเอามันให้เธอ
มีห้องทดสอบอยู่ตรงสุดทางเดิน
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่มาจากทางเดินจะต้องเข้าไปในห้องเพื่อทำการทดสอบ
ในสถานที่จัดงานสาขาต่างๆ ผู้เข้าร่วมได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อก้าวขึ้นสู่ 100 อันดับแรกในสาขาของตน อย่างไรก็ตาม ที่นี่ในห้องทดสอบ เมื่อพวกเขาได้อันดับต่ำกว่าหนึ่งพัน พวกเขาจะถูกกำจัดทันที
ดังนั้นสำหรับพวกเขาส่วนใหญ่การติด 100 อันดับแรกในสถานที่จัดงานสาขาจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าดึงดูดที่สุดของพวกเขา
“ มีแค่บุคลากรเท่านั้นถึงได้รับอนุญาต” ผู้คุมหยุดซูผิงที่ประตูด้วยท่าทีแข็งกร้าว
ซูผิงมองไปที่ห้องอย่างครุ่นคิด
ซูหลิงเยวี่ยสามารถบอกได้ว่าซูผิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอไม่ต้องการให้เขาสร้างปัญหาเพื่อเธอ เธอยิ้มปลอบโยน “ ไม่ต้องกังวลฉันจัดการได้!”
จากนั้นเธอก็ชูกำปั้น เพื่อให้กำลังใจตัวเองอย่างน่ารัก
ซูผิงเลิกคิ้ว เขาแทบจะไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้ทำตัวน่ารัก
ยังมีความหวังในตัวเธออยู่บ้าง …
“โอเค ระวังตัวด้วย มีอะไรก็เรียกมังกรเลย” ซูผิงกล่าว
คำพูดของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คุม
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า
“ ฉันจะรอเธออยู่ตรงนั้น เราจะเข้าไปข้างในหลังจากที่เธอออกมา” จากนั้นซูผิงก็ก้าวออกไป หลังจากที่เขาเดินออกไปได้สักพักซูหลิงเยวี่ยก็หายใจเข้าลึก เดินเข้าไปในห้องทดสอบ
มีทางเดินลงไปข้างล่าง แสงนั้นมืดสลัว สภาพแวดล้อมทำให้ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกกังวลมากขึ้น
เธอก้าวลงไปตามบันได มีหลายสิบคนรวมตัวกันที่นั่น พวกเขาทั้งหมดอายุไม่เยอะ แต่พวกเขาส่วนใหญ่มีอายุมากกว่าเธอสี่ถึงห้าปี ซึ่งมีอายุราวยี่สิบต้น ๆ
“ นี่คือผู้เข้าร่วมทั้งหมดเลยหรอ?”ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ด้านหลังแถว
พวกเขาทั้งหมดเข้าคิวอยู่หน้าประตู ซึ่งมีนักรบอสูรขั้นสูงยืนคุมอยู่ ทุกๆสองสามนาที เขาจะเรียกเข้าไปทีละคน
ทุกคนต่างรอคอยการทดสอบ
ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ที่ด้านหลังของแถว
ตูม!
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้า ราวกับแผ่นดินไหว
ผู้เข้าร่วมหลายคนแตกตื่น มากกว่าสิบสองคนเปิดใช้งานโล่ดวงดาวทันที
ผู้คุมที่ประตูก็เซเช่นกัน ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
“ นี่…จากการทดสอบหรือเปล่า?”
“ นั่นเสียงดังมาก พระเจ้า แม้แต่ผนังดูดซับแรงกระแทกก็ไม่สามารถลดแรงกระแทกได้?”
“ ใครกันที่อยู่ในนั้น?”
“ สัตว์ประหลาดชัดๆ…”
“ ฉันคิดว่าเป็น…คนจากตระกูลฉิน” ผู้เข้าร่วมหลายคนพูดคุยกันเสียงเบา
ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ด้านหลัง เธอรู้สึกกลัวและกดดัน เหนือสิ่งอื่นใด ซูผิงได้ประกาศว่าจะให้เธอเป็นแชมป์ ในทางเทคนิค ทุกคนในปัจจุบันคือคู่ต่อสู้ของเธอ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เธอรู้สึกเหมือนลูกแกะที่ยืนอยู่กลางฝูงหมาป่า ทุกคนรอบตัวเธอมีระดับสูงกว่าเธอ
“ฉันดุดัน ฉันดุดัน ฉันเกรี้ยวกราด…” ซูหลิงเยวี่ยพึมพำกับตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจ
“ เธอพูดอะไร?” ชายหนุ่มร่างใหญ่ถามซูหลิงเยวี่ย เธอตกใจและรีบโบกมือทันที “ ไม่มีอะไร ฉันไม่ได้พูดอะไร” ในไม่ช้าคนที่อยู่ด้านหน้าเธอก็ทำการทดสอบเสร็จ มันถึงตาของเธอแล้ว ข้างหลังเธอมีคนรออีกหลายสิบคน
ผู้คุมตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของซูหลิงเยวี่ย จากนั้นก็พูดอย่างเฉยเมยว่า“ เข้าไปเลย”
ด้วยความกล้าหาญ ซูหลิงเยวี่ยจึงเดินเข้าไป
ตอนนี้ นอกสนามต่อสู้มีสายเคเบิลขนาดใหญ่มากมาย คนงานกว่าสิบและอุปกรณ์ที่ซับซ้อน ตรงกลางของสนามมีอสูรหุ่นยนต์ การสร้างอสูณต่อสู้เป็นความคิดที่มีมาช้านานแล้ว เทียบกับอสูรต่อสู้แบบดั้งเดิม อสูรต่อสู้แบบหุ่นยนต์สามารถเพิ่มความสามารถพวกเขาได้ภายในเวลาอันสั้นโดยไม่คำนึงถึงสายเลือด
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลพิเศษบางประการ อสูรหุ่นยนต์ไม่ได้รับความนิยม พวกมันถูกใช้งานทางทหารและในการทดลองพิเศษเท่านั้น
อสูรหุ่นยนต์ตัวนี้มีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อน อสูรหุ่นยนต์สามารถคำนวณความเร็ว แรงและระดับพลังงานของคู่ต่อสู้ได้
ด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์ อสูรหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถรวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับศัตรูได้
ในการสำรวจระหว่างดวงดาว บางครั้งอสูรจักรกลเต็มรูปแบบจะถูกใช้เป็นทหารหุ่นยนต์โดยเฉพาะสำหรับการสำรวจในสถานที่อันตราย นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหลิงเยวี่ยเคยเห็นอสูรหุ่นยนต์ เธอเคยเห็นในหนังสือเรียน แต่เนื่องจากพวกมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ เธอจึงไม่เคยให้ความสนใจมากนัก
“ เอาเลย เรียกอสูรของเธอออกมาและทนให้ได้หนึ่งนาที เธอสามารถยอมแพ้ก่อนเวลาได้ แต่นั่นหมายถึงการสละสิทธิ์” ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำสวมหมวกทรงสูงกล่าว ทางเดินที่มีแสงสีฟ้าค่อยๆเปิดขึ้น ซูหลิงเยวี่ยหายใจเข้าลึก และก้าวเข้าไปเธอเรียกมังกรจันทราเหมันต์และอสูรเพลิงมายาออกมา
ผู้คุมในปัจจุบันประหลาดใจเมื่อมังกรจันทราเหมันต์ออกมา พวกเขารู้ว่าหญิงสาวจะต้องผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน
“เริ่มได้!” ชายคนหนึ่งประกาศ สายเคเบิลทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับอสูรหุ่นยนต์เพื่อถ่ายโอนพลังงานถูกปลดออก อสูรหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นสายไฟสายฟ้าระดับ 7 ซึ่งเป็นอสูรหายากสองธาตุ มันเป็นหนึ่งในอสูรที่แข็งแกร่งมากในบรรดาอสูรระดับเจ็ดทั้งหมด
ซูหลิงเยวี่ยไม่ลังเล เธอบอกให้มังกรจันทราเหมันต์โจมตีทันที
สิบวินาทีต่อมาการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง
ซูหลิงเยวี่ยไม่ยอมหยุดจนคนงานต้องมาหยุด
นั่นไม่ใช่การพูดเล่น หากพวกเขาไม่หยุดเธอ อสูรหุ่นยนต์ที่มีราคาสูงจะต้องหมดสภาพแน่ๆ