Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 313
“ เฟยหยานป๋อ อาจารย์กิตติมศักดิ์ที่สถาบันดาบคลั่ง”
“ นี่คือฉินชูไห่”
เนื่องจากเขานั่งอยู่ตรงกลาง ซูผิงจึงต้องแนะนำพวกเขาสั้น ๆ
ฉินชูไห่?
เฟยหยานป๋อขมวดคิ้ว เขาพยายามนึกชื่อที่ฟังดูคุ้นเคยนี่
ครู่ต่อมาเฟยหยานป๋อก็กระโดดขึ้นยืนด้วยท่าทางตกใจ จ้องชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามคนนี้ “ คุณคือฉินชูไห่’ราชาแห่งดาบ’ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ของตระกูลฉินใช่ไหมครับ?! “
ฉินชูไห่รู้สึกประหลาดใจที่คนที่นั่งอยู่กับซูผิงคนนี้ดูขี้ตกใจมาก
แต่ฉินชูไห่ไม่ถือสา เขาตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น“ก็ใช่ครับ”
ขาของเฟยหยานป๋อสั่น ด้วยความประหลาดใจ เขาได้พบกับ “ราชาแห่งดาบ” แสนโด่งดัง!
ที่เมืองฐานหลงเจียง จำนวนของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์มีไม่เยอะ ผู้ที่ทรงพลังในบรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะได้รับความสนใจอย่างมากจากสาธารณชน และฉินชูไห่ก็คือคนๆนั้น!
ราชาแห่งดาบ ฉินชูไห่
เขาสร้างชื่อตั้งแต่ยังเด็ก กลายเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งๆที่อายุแค่วัยกลางคน!
ด้วยดาบเดียว เขาสามารถสังหารอสูรร้ายระดับเก้าได้เจ็ดตัว ดังนั้นเขาจึงได้ชื่อว่า“ราชาแห่งดาบ”!
เขากวาดล้างดินแดนรกร้างระดับ B นอกเมืองฐาน เขาเอาชนะอสูรร้ายที่นั่น เปลี่ยนสถานที่นั้นให้เป็นพื้นที่ระดับ D ว่ากันว่าหลังจากผ่านไปกว่าทศวรรษ ดินยังคงมีสีแดงเลือดอยู่เลย!
บุคคลที่ร้ายกาจและทรงพลังคนนี้กำลังนั่งอยู่ที่นี่ พูดคุยอย่างเป็นมิตร!
เฟยหยานป๋อรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริง นี่เหมือนความฝัน
เฟยเฟยนั่งอยู่ข้างหลัง เขาหันกลับมามองหลังจากที่พ่อของเขากรีดร้องด้วยความประหลาดใจ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์? เฟยเฟยรู้สึกงุนงง ซูผิงไม่รู้ว่าเฟยหยานป๋อจะตื่นเต้นขนาดนี้ เขาดึงเสื้อของเฟยหยานป๋อ ส่งสัญญาณให้เขานั่งลงก่อน
เฟยหยานป๋อได้สติและตระหนักว่าเขาลืมตัว เขาหน้าแดง นั่งลงอย่างอายๆ จากนั้นเขารู้สึกว่าเขาควรจะยืนขึ้น นี่คือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ เขาจะนั่งอย่างเท่าเทียมได้ยังไง?
มีโลกที่แตกต่างกันระหว่างระดับแปดและระดับเก้า ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าฉินชูไห่เป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากแม้แต่ในบรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์
เฟยหยานป๋อรู้สึกไม่มั่นคง เขานั่งลงบนเก้าอี้และขอโทษ“ ขอโทษครับ ผมตื่นเต้นเกินไป คุณฉิน ผมชื่อเฟยหยานป๋อจากสถาบันดาบคลั่ง ผมได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะมาก!”
แม้ว่าซูผิงจะแนะนำเขา แต่เฟยหยานป๋อก็คิดว่าการแนะนำตัวเองนั้นดูเหมาะสมกว่า
ฉินชูไห่ตระหนักว่าเฟยหยานป๋อ และซูผิงดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักกันธรรมดาเท่านั้น
ในกรณีนั้นเขาไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเฟยหยานป๋อมากนัก
“ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ต้องตื่นเต้น ผมไม่ต้องการให้คนอื่นจำผมได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ “
เฟยหยานป๋อเขินอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของเขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
“แน่นอน…ผมเข้าใจ คุณฉิน คุณรู้จักคุณซู?”
“ใช่ ผมรู้จัก”
ฉินชูไห่ถามซูผิงด้วยรอยยิ้ม“ น้องชายซู ช่วงนี้คุณมีเวลาว่างบ้างไหม? ช่วยแวะมาที่ตระกูลฉินบ้างได้ไหม?”
เฟยหยานป๋อกลืนน้ำลาย
ฉินชูไห่พยายามดึงซูผิงไปที่ตระกูลของพวกเขาด้วยหรอ?
ไฟแห่งความตื่นเต้นเริ่มลุกไหม้ในดวงตาของเฟยหยานป๋อ ขณะที่เขาจ้องมองซูผิง ถ้าซูผิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉิน เขาจะทำอะไรก็ได้ในเมืองฐานหลงเจียง!
ซูผิงส่ายหัว “ ช่วงนี้ผมยุ่งกับร้านมาก ผมขอเลื่อนไปก่อนนะ บางที ถ้าผมว่าง ผมอาจไป”
เฟยหยานป๋อเบิกตากว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
ซูผิงปฏิเสธข้อเสนอของฉินชูไห่ หรือว่าเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร? ยุ่ง ? นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะคำนึงถึงร้านค้าเส็งเคร็งนั่น!
นายจะไม่ต้องการเงิน หากนายมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉิน!
นอกจากนี้การได้รับคำเชิญจากราชาแห่งดาบถือเป็นเกียรติอย่างมาก หลังจากที่นายเข้าร่วมตระกูลฉิน นายจะมีสถานะที่สูงส่ง การหาเลี้ยงชีพหรืออาชีพจะมั่นคงหากมีอำนาจ การเข้าร่วมตระกูลฉินจะต้องดีกว่าการทำธุรกิจคนเดียว! หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถตอบตกลงแทนซูผิงได้ เฟยหยานป๋อก็คงจะทำไปแล้ว
เขากำลังฆ่าฉัน!
ฉินชูไห่รู้สึกผิดหวัง แน่นอน เขาคิดอยู่แล้วว่าซูผิงจะไม่เข้าร่วมตระกูลฉินง่ายๆ เขารู้ว่าซูผิงมีภูมิหลังที่ทรงพลัง ไม่เช่นนั้นซูผิงคงไม่เติบโตมาเป็นอสูรกิตติมศักดิ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย!
เท่าที่ฉินชูไห่สามารถบอกได้คือซูผิงมีศักยภาพมากกว่าเขา เพราะเขาเพิ่งกลายเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ตอนอายุสามสิบ ส่วนปรมาจารย์ดาบเป็นตอนอายุยี่สิบกว่า
แต่ซูผิงอายุยังไม่ถึงยี่สิบดี และเขาก็มีพลังพอ ๆ กับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
นี่คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เฉพาะคนที่ “ได้รับพร” และคนที่ “ถูกเลือก” เท่านั้นถึงทำได้ …
ผู้คนจะพูดว่าคนหนุ่มสาวเป็นคนหุนหันพลันแล่น ฉินชูไห่ก็มีช่วงเวลาเช่นนั้น เขาได้รับข่าวจากผู้อาวุโสในตระกูลว่าซูผิงดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าไปท้าทายตระกูลโจวด้วยตัวเอง …
แต่หากไม่มีรายละเอียดยืนยัน เขาก็ยังไม่แน่ใจ
แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลโจว แต่หลังจากที่ได้เห็นความสามารถของซูผิงในอาณาจักรลับ ฉินชูไห่ก็ถือว่าซูผิงเท่าเทียมกันแล้ว เขาหายใจเข้าลึก ตอบด้วยรอยยิ้ม“ งั้นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง น้องชายซู คุณจะเป็นที่ต้อนรับของตระกูลฉินเสมอ”
ซูผิงพยักหน้า เขารู้ว่าฉินชูไห่บอกเป็นนัยๆ
“แน่นอน”
ทั้งสองคุยกันเสร็จแล้ว เฟยหยานป๋อรู้สึกว่าเขาเพิ่งบอกลาเงินก้อนใหญ่ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก
การเข้าร่วมตระกูลฉินเป็นโอกาสที่หลายคนปรารถนา อย่างไรก็ตามซูผิงกลับปฏิเสธมัน
พวกอัจฉริยะมักหยิ่งผยองแบบนี้?
เฟยหยานป๋อยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของซูผิง เฟยหยานป๋อจึงตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาไม่มีวันเข้าใจความประหลาดของซูผิง
“ น้องชายซู สนใจนี่ไหม?”
ฉินชูไห่หยิบบัตรออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้ซูผิง
นั่นคือบัตรที่ทำจากทองคำล้วน ๆ และมีคำบางคำเขียนอยู่
ซูผิงคิดว่าฉินซูไห่กำลังจะติดสินบนเขาด้วยบัตรธนาคาร แต่เขาก็รับมาและสังเกตว่าเขาคิดผิด นี่คือบัตรเชิญ!
“ ลีกสูงสุด?” ซูผิงรู้สึกสับสน
บัตรสีทองเป็นคำเชิญให้เข้าสู่ลีกสูงสุด ด้วยบัตรใบนี้เขาสามารถเข้าสู่ลีกสูงสุดได้โดยตรง
เฟยหยานป๋อเห็นบัตรนั่น และอีกครั้งเขาตกใจ
เขารู้จักบัตรสีทองเป็นอย่างดี เขาไม่เคยเห็นกับตา แต่เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรใบนี้ บัตรใบนี้เป็นเอกสิทธิ์สำหรับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
ด้วยบัตรใบนี้ผู้เข้าร่วมสามารถข้ามการคัดเลือกหลัก และเข้าร่วมการแข่งขันรอบหลังได้โดยตรง!
ลีกสูงสุดเปิดให้สำหรับนักรบอสูรต่อสู้ระดับเจ็ดถึงเก้า ผู้ที่อ่อนแอที่สุดคือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์! ข้อจำกัดด้านอายุไม่เข้มงวด ทุกคนที่อายุน้อยกว่า 60 ปีสามารถเข้าร่วมได้!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลีกสูงสุดจะมีผู้เข้าร่วมมากมาย ไม่น้อยไปกว่าลีกนักรบ อย่างไรก็ตามผู้ที่สามารถต่อสู้จนถึงที่สุดได้ต้องเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
ด้วยความสามารถของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ ผู้เข้าร่วมต้องผ่านเข้าได้ไม่เยอะ
การให้บัตรนี่กับซูผิง เพียงพอที่จะบอกได้ว่าซูผิงเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
ก่อนหน้านี้เฟยหยานป๋อยังคงสงสัย ซูผิงได้แสดงให้เห็นถึงทักษะและความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ แต่เขามักพบว่ามันไม่น่าเชื่อว่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะอายุน้อย แต่ในที่สุดเขาก็ได้เห็นข้อพิสูจน์!
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อายุน้อยกว่าฉินชูไห่!
อายุน้อยกว่านักรบอสูรที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ อีกมากมาย!
ทันใดนั้นเฟยหยานป๋อก็เข้าใจว่าเหตุใดซูผิงจึงมั่นใจมากพอที่จะปฏิเสธข้อเสนอของฉินชูไห่
ความสามารถเช่นนี้ มันแทบไม่มีให้เห็นมากว่าศตวรรษ ต่อให้ทอดมากจากทั่วโลก อันที่จริงมันสมเหตุสมผลที่ซูผิงจะปฏิเสธตระกูลฉิน เฟยหยานป๋อค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปบนเก้าอี้ รักษาระยะห่างจากซูผิง ถ้าก่อนหน้านี้เขาชื่นชมซูผิง ตอนนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัว
เขารู้สึกโชคดีที่เขาไม่โง่ถึงขนาดหาทางแก้แค้นหลังจากการแข่งขันแลกเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องบอกลาโลกไปแล้ว