ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 168
ตอนที่ 168 สารจากนิกาย
“ระบบการฝึกฝนของพวกอสูรฟ้านั้นสร้างขึ้นมาโดยอสูรเพื่อพวกคนทรยศ มันมีข้อบกพร่องมากมายหลาย อย่าง” จางหวินเฟิงกล่าว “และเพราะวิธีการฝึกที่แตกต่างกัน จึงทําให้มีเจ็ดกลุ่มหลักในนิกายอสูรฟ้า ปกติแล้วก ลุ่มทั้งเจ็ดนั้นจะไม่ข้องเกี่ยวกันและจัดการอยู่ในเขตแดนของตน แต่ว่าในคราวนี้ผู้นํานิกายอสูรฟ้าเป็นคนออกคํา สั่งมาเอง ไม่ใช่แค่หนึ่งกลุ่มแต่เป็นทั้งเจ็ดกลุ่ม นิกายอสูรฟ้ากําลังเริ่มการสืบข้อมูลไปทั่วโลก”
เพิ่งชวนพยักหน้า “ข้าจะค้นหาต่อไป”
“ข้าจะรายงานสิ่งที่เราพบจากการสอบสวนหลังจากที่เราจับสายลับได้มากกว่านี้” จางหวินเฟิงพยักหน้า
เขาหยวนชูต้องการข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อจะได้ตัดสินให้แม่นยํามากยิ่งขึ้น
ฟบ
เพียงพริบตา เพิ่งชวนก็หายวับไป
เพิ่งชวนท่องไปทั่วเมืองด้วยความเร็วอันน่าทึ่งและพบศิษย์ของนิกายอสูรฟ้าไปแล้วทั้งหมด 11 คน
“ข้าจะไปหาแถวพื้นที่สําคัญต่อ” เพิ่งชวนมองดูพื้นที่ตรงหน้าเขา พื้นที่กว่าหลายที่ถูกครอบครองโดยสถาบันแห่งเดียว สาขาย่อยเขาหยวน
ศิษย์นอกของเขาหยวนที่อยู่ในหลายๆรัฐจะฝึกอยู่ในโรงเรียนเช่นนี้ หากศิษย์นิกายนอกต้องการจะสืบทอดมรดกของเทพอสูรหรือใช้แต้มเพื่อแลกกับสมบัติ พวกเขาจะต้องมาที่สาขาย่อยเพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นไปบนเขาหยวนชู เขาหยวนชูไม่ได้เตรียมนกสําหรับขึ้นเขาสําหรับศิษย์นิกายนอกทุกคนห รอก
เขาหยวนชูสาขารัฐเจียงนั้นมีเทพอสูรเพื่อคอยแนะนําศิษย์นิกายนอก เทพอสูรเหล่านี้อยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี
ฟื้ว
เพิ่งชวนสํารวจเขาหยวนชูสาขารัฐเจียงอยู่สามครั้งก่อนจะกลับออกไป เขาพบกับศิษย์นิกายอสูรฟ้าสองคนที่ลอบเข้าไปคนหนึ่งปลอมเป็นคนส่งของ ในขณะที่อีกคนปลอมเป็นคนทําความสะอาด
ยังเหลือศิษย์นิกายอสรฟ้าอีกสี่คนที่เขายังหาไม่เจอ เพิ่งชวนยังไปสํารวจที่ราชสํานักและที่พักตระกลเทพอสูรต่อ
ตระกูลเซี่ยว
เพิ่งชวนมองไปที่คฤหาสน์เก่าแก่ตรงหน้าเขา
ตระกูลเทพอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐเจียงเป็นตระกูลราชั้นเทพอสูร ตระกูลเซี่ยวลูกหลานรุ่นใหม่พวกเขามีความสามารถมากศิษย์พี่หญิงเซี่ยวหยุนเยว่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเซี่ยวตระกูลเก่าแก่เช่นนี้มักจะมีเทพอสูรคอยป้องกันอยู่ตลอดเวลา
ฟบ
เพียงพริบตา เพิ่งชวนก็ขึ้นไปอยู่บนหลังคา เขาสามารถสํารวจดูบ้านของตระกูลเซี่ยวได้ทั้งหมดจากตําแหน่งนั้นในตอนนี้มีเทพอสูรเพียงสองคนที่อยู่ในตระกูลเซียว คนหนึ่งเป็นเทพอสูรมหาสุริยันอีกคนเป็นเทพอสูรแดนอมตะ
“มีสายลับจริงๆด้วย เพิ่งชวนพบพลังอสูร
ในสวนหนึ่งของตระกูลเซียว มีเด็กสาวกําลังดูดอกไม้บาน ในเดือนมีนาคมดอกไม้ในรัฐเจียงจะบานไปทั่วดอกไม้เต็มไปด้วยสีสันนานาชนิด
มีสาวใช้เจ็ดคนกําลังรับใช้เด็กสาวอยู่
“ดูสิ ใบของต้นนี้สีเหมือนหยดเลือดกับน้ําหมึกที่ลอยอยู่กลางอากาศเลย” เด็กสาวพูดอย่างตื่นเต้น “รีบเตรียมหมึกให้ข้าเร็ว ข้าอยากจะวาดภาพนี้”
ฟิว
ลมกรรโชกแรงพัดผ่านไป และเด็กสาวเซี่ยวก็ต้องตกใจเมื่อได้พบว่าหนึ่งในสาวใช้ของตนหายไปกับตา
“ลู่หลิว” เธออุทาน
“ใครกัน?”
“ใครกล้าบุกเข้ามาในตระกูลเซี่ยวของเรา?” คนรอบๆส่งเสียงร้องในทันที
เพิ่งชวนแบกสาวใช่ไปด้วยมือเดียว แต่เขาพุ่งออกไปไกลได้หนึ่งแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อหันไปด้านหลัง เขาสัมผัสได้ว่าเทพอสูรมหาสุริยันของตระกูลเซี่ยวตามหลังมาเขาจึงหยุดฝีเท้า
“เจ้าคือ?” เทพอสูรวัยกลางที่รุดเข้ามามองหน้าเพิ่งชวนด้วยความงุนงง เพราะเขาเปลี่ยนหน้าตาไปจึงทําให้เทพอสูรคนนั้นไม่สามารถจดจําเขาได้
เพิ่งชวนหยิบตราออกมา
“คารวะศิษย์พี่” เทพอสูรวัยกลางคนคนนั้นคารวะเมิ่งชวนเมื่อได้เห็นตรานั้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย คนที่มีตราแบบนี้จะสามารถออกคําสั่งแก่เทพอสูรของรัฐเจียงทั้งหมดได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่ามีสามคนที่ มีตรานี้ เพิ่งชวนและหยางฟางเป็นเพียงรองผู้บัญชาการเท่านั้นส่วนจางหวินเฟิงนั้นเป็นผู้บัญชาการหลัก
“จับสายลับ” เมิ่งชวนปล่อยพลังปราณเข้าไปในตัวของสาวใช้ ร่างของสาวใช้เปลี่ยนไปสูงขึ้นกว่าเดิมหนึ่งช่นหน้าของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และในคราวนี้เธอปล่อยพลังอสูรออกมาด้วย
“ขอบคุณศิษย์พี่มากขอรับ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสายลับกล้าลอบเข้ามาในตระกูลเซี่ยวของเรา”เทพอสูรวัยกลางคนกล่าวอย่างสุภาพ
เพิ่งชวนพยักหน้าและหายไปในพริบตา
“ศิษย์พี่คนนี้เป็นใครกันแน่? เทพอสูรวัยกลางคนงุนงง หรือว่าเขาเปลี่ยนหน้าตากัน? ในสถานการณ์แบบนี้ขนาดข้าก็ยังไม่รู้ตัวตนของเทพอสูรที่คอยป้องกันรัฐเจียงอยู่เลย ถึงอย่างนั้นก็ดีแล้วนั่นหมายความว่าพวกอสูรจะได้ไม่รู้ว่าเทพอสูรที่คอยปกป้องเมืองหลวงขอรัฐเจียงคือใคร
จากนั้น เทพอสูรคนนั้นก็กลับไปอย่างเงียบๆ และด้วยคําสั่งของเขา เรื่องที่สาวใช้หายตัวไปก็ถูกเก็บเงียบเอาไว้
“ข้าสํารวจมาทั้งเมืองแล้ว แต่ยังไม่พบศิษย์ที่เหลืออีกสองคน” เพิ่งชวนครุ่นคิดหาที่ที่เป็นไปได้ใช่แล้วพวกศิษย์นิกายอสูรฟ้าไม่อยู่ที่เดียวไปตลอดหรอก
เพิ่งชวนค้นหาต่อไป
“พ่อค้าหาบเร่ส่งอาหาร?’ เมิ่งชวนยืนอยู่บนถนนและมองไปที่พ่อค้าหาบเร่ที่กําลังเข็นรถเข็น เขาดันรถเข็นที่เต็มไปด้วยอาหารเข้าไปประตูข้างๆของคฤหาสน์ มันเป็นที่พักของตระกูลเทพอสูร
พ่อค้าหาบเร่คนนี้เป็นศิษย์นิกายอสูรฟ้าในระดับไร้ตําหนิ
ฟบ
เพิ่งชวนขึ้นไปบนหลังคาทันที เขาอยู่ห่างจากถนนกรวดประมาณ 10 จัง ที่ที่พ่อค้าคนนั้นเข็นรถเข้ามา มีคนรับใช้ของตระกูลพาเขาเข้าไป
“อย่ามองมากล่ะ หากเจ้าทําให้แขกคนสําคัญในคฤหาสน์ขุ่นเคืองขึ้นมา เจ้าไม่รอดแน่” คนรับใช้
“ขอรับๆๆ” พ่อค้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ในขณะที่เขายืนอยู่บนหลังคาซึ่งห่างออกไปประมาณสิบจิ้ง เพิ่งชวนก็มีความคิดดีๆขึ้นมา เขาทิ้งตราประทับวิญญาณไว้ที่พ่อค้าคนนั้นด้วยวิชาลับที่ได้มาจากเขาหยวน
อันที่จริงแล้ว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงตราประทับปราณที่ทิ้งเอาไว้แม้จะหางออกไปร้อยลี้ แต่ว่าตราประทับปราณนั้นถูกรับรู้ได้ง่าย อสูรฟ้าและราชาอสูรสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดายแต่ว่าตราประทับวิญญาณนั้นถูกสัมผัสได้ยากกว่ามาก หากจะสัมผัสถึงตราประทับนั้นได้จะต้องมีแก่นสารแห่งจิตก่อนและเมื่อแก่นสารแห่งจิตเขามาถึงระดับจิตแล้ว นั่นจึงทําให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงตราประทับวิญญาณแม้จะอยู่ไกลจากเขา 300 ล้ํา
ได้เวลาหาสายลับคนสุดท้ายแล้วเพิ่งชวนจากไปอย่างเงียบๆ
เขาหาอยู่อีกพักหนึ่งและในที่สุดก็พบกับสายลับคนสุดท้าย
“อยู่บนเรือจริงๆด้วย เพิ่งชวนที่อยู่บนฝั่งมองไปที่คนพายเรือที่ดูถ่อมตนกําลังนั่งอยู่บนเรือพร้อมกับผู้โดยสาร
เขาติดตราประทับวิญญาณไว้ที่ชายคนนั้น ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะยี่สิบจิ้ง เขาสามารถประทับตรานั้นลงบนเป้าหมายได้
“เราพบศิษย์นิกายอสูรฟ้าทั้ง 17 คนในเวลาสองชั่วยาม การสํารวจของน้องเมิ่งช่างน่าประทับใจเสียจริง” หยางเฟิงกล่าวยิ้มๆ“แต่ว่าน้องเมิ่ง เจ้ายังต้องเฝ้าดูศิษย์อีกสองคนนั้นให้ดี เมื่อพวกมันออกไปจากเมืองแล้วเราจะตามไปในทันที
“อย่าประมาท” จางหวินเฟิงกล่าว “นิกายอสูรฟ้าอาจส่งศิษย์มาอีกกลุ่ม อาจมีอสูรแอบลอบเข้ามาด้วยก็ได้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะเข้าไปสํารวจเมืองทุกๆหนึ่งชั่วยาม” เมิ่งชวนกล่าว
“ขอบคุณมากน้องเมิ่ง” จางหวินเฟิงกล่าว
“พวกเราต้องระมัดระวังตัวมากอยู่แล้วในสถานการณ์เช่นนี้” เพิ่งชวนระมัดระวังมากเมื่อต้องรับมือกับอสูร
ในคืนนั้น ที่สวน
มีนกสูงหนึ่งจิ้งบินลงมาและคายท่อไม่ไผ่ออกมา ในขณะนั้นเองมันก็พูดภาษามนุษย์ว่า “พี่จางนี่เป็นสารลับที่สํานักส่งมาเมื่อชั่วยามครึ่งก่อนหน้านี้ข้าบินมาด้วยความเร็วสูงสุดเลยล่ะ”
“ขอบใจ” จางหวินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นักนั้นพยักหน้าและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที นกอสูรพวกนี้ที่ถูกมนุษย์ควบคุมนั้นเชื่อว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์จึงภักดีต่อมนุษย์มาก
จางหวินเฟิงหยิบสารลับออกจากกระบอกไม้ไผ่ เมื่อเปิดดูเขาก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยและยื่นให้เพิ่งชวนและหยางฟาง“พวกเจ้าทั้งคู่ดูนี่สิ”
“หม?” หยางฟางรับไว้และเพิ่งชวนก็อ่านสารนั้น
เนื้อหาของสารนั้นธรรมดามาก
อสูรจะโจมตีเมืองหลวงรัฐทุกเมืองในโลกนี้ นิกายอสูรฟ้าจะส่งอสูรฟ้าระดับสี่ 11 คนมาร่วมการบุกครั้งนี้พวกเขาจะร่วมมือกับราชาอสูรระดับสี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์ พวกมันจะเล็งโจมตีเมืองหลวงของราชวงศ์โจวและราชวงศ์ทรายดําเป็นหลัก