ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 167
ตอนที่ 167 ร่องรอยของนิกายอสูรฟ้า
เมืองหลวงของรัฐเจียง ในวันที่ 2 มีนาคม ยามเช้า
เพิ่งชวนที่เปลี่ยนหน้าให้ดูเหมือนจอมยุทธท่องยุทธภพธรรมดาทั่วไปกําลังเดินลาดตระเวนรอบเมืองตามปกติเขาถือซาลาเปาไส้เนื้อเดินไปกินไปโดยไม่ดูโดดเด่น แต่เขากําลังตรวจสอบพื้นที่รอบตัวด้วยขอบเขตการรับรู้อยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่เริ่มแผนการอพยพครั้งใหญ่ เพิ่งชวนก็จะเดินลาดตระเวนในเมืองวันละห้าครั้ง สามครั้งหลังพระอาทิตย์ขึ้นและสองครั้งหลังพระอาทิตย์ตก!ไม่ว่าจะเป็นทั้งสามนิกายใหญ่หรือเพิ่งชวนพวกเขาต่างเชื่อว่าพวกราชาอสูรไม่สนใจว่าจะมีอสูรตายไปสักกี่ตัวที่เมืองด่าน!ในคราวนี้เมื่อพวกมันรู้ว่าเมืองหลวงรัฐและเมืองของจังหวัดว่างเปล่า ไม่มีทางเลยที่พวกมันจะไม่คว้าโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้
มนุษย์อยู่ในแสงสว่างในขณะที่อสูรแฝงตัวอยู่ในความมืด!เพิ่งชวนไม่กล้าที่จะทําตัวหย่อนยาน
“โอ๊ะ?” ทันใดนั้นเองเพิ่งชวนก็หยุดฝีเท้าลงเขาสัมผัสได้ถึงพลังปีศาจที่อ่อนแอสองจุด ห่างออกไปจากจุดนั้นประมาณครึ่ง
หลังจากลาดตระเวนมาหลายวันในที่สุดข้าก็พบพวกศิษย์ของนิกายอสูรฟ้าเสียทีเพิ่งชวนกินซาลาเปาไส้เนื้อในมือจนหมดภายในสองคําหลังจากก้าวเข้าไปในตรอกเขาก็หายวับในในอากาศและโผล่ตัวออกมาอีกทีไกลหลายกิโลเมตรจากตรงจุดเดิม
บ้านธรรมดาๆที่ประตูถูกปิดอย่างแน่นหนา
มีชายหญิงสองคนนั่งอยู่ข้างใน
“บันทึกของนิกายเราบอกไว้ว่าเฟิงโหวเทพอสูรนั้นทรงพลังมากแม้พวกเราจะกดพลังอสูรไว้ เฟิงโหวเทพ อสูรก็สามารถสัมผัสได้แม้จะอยู่ไกลหลายส์”หญิงในชุดสีเหลืองกัดฟัน “ปกติพวกเราจะซ่อนอยู่บนเกาะและส่งคนจากหอการค้ามาสํารวจเมืองหลวงของรัฐเจียงแต่ว่าคราวนี้พวกเขากลับส่งศิษย์อย่างพวกเรามาสํารวจสถานการณ์เสียเอง หากเฟิงโหวเทพอสูรพบพวกเราเข้าพวกเราได้ตายแน่”
“พวกระดับสูงบอกว่าจะไม่มีเฟิงโหวเทพอสูรในรัฐเจียง”ชายร่างผอมกล่าว
“เหอะ! เขาหยวนชูน่ะมีเทพอสูรมากมายแล้วพวกเทพอสูรพวกนั้นซ่อนอยู่ไหนกันล่ะ? เจ้าคิดว่านิกายอสูรฟ้าจะเก็บข้อมูลเทพอสูรมาได้ทั้งหมด?เรื่องจริงอาจกลายเป็นเรื่องหลอกอะไรที่เป็นเรื่องหลอกอาจกลายเป็นจริงเฟิงโหวเทพอสูรอาจซ่อนอยู่ในเมองหลวงรัฐเจียงนี้ก็ได้”หญิงสาวชุด
“แล้วไง? แล้วพวกเราขัดคําสั่งได้รี?” ชายร่างผอมถาม
“เหอะ พวกมันกําลังส่งเราไปตาย พวกตาแก่ลึกลับนั่นไม่สนใจอยู่แล้วหรอก”แววตาของหญิงสาวชุดเหลีองดูเย็นชา
“รีบๆลงมือทํางานเถอะ พวกระดับสูงบอกว่าเราต้องรายงานกลับภายในสามวัน”ชายร่างผอมกล่าว “หากไม่มีข้อมูลที่มากพอจะทําให้พวกนั้นพอใจพวกเราได้ลําบากกันแน่”
หญิงสาวชุดเหลืองตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
นิกายอสูรฟ้ามีการลงโทษที่โหดร้ายมาก
เพิ่งชวนยืนอยู่บนหลังคาเขาได้ยินการสนทนาระหว่างศิษย์ทั้งสองอย่างชัดเจนเพราะอยู่ในระยะ 20 จัง เขาไม่รีบร้อนที่จะจับตัวพวกนั้นเพราะกําลังแอบฟังบทสนทนา
“ศิษย์ทั้งกลุ่มเข้ามาที่เมืองหลวงของรัฐเจียงแล้ว?เหมือนว่าจะมีมากกว่าสองคนนี้! แล้วพวกมันต้องรายงานในสามวัน?
เอี้ยด
เมื่อศิษย์นิกายอสูรฟ้าเปิดประตูออกมาและกําลังจะออกจากบ้านก็มีพลังปราณที่มองไม่เห็นกวาดผ่านพวกเขาไปและทั้งคู่ก็หมดสติในทันที
เพิ่งชวนปรากฏตัวขึ้นข้างๆพวกเขา
การควบคุมมนุษย์ธรรมดาสองคนนั้นเป็นเรื่องง่ายมากสําหรับเทพอสูร
“ได้เวลาไปแล้ว” เขาหิ้วทั้งสองคนขึ้นมาด้วยมือแต่ละข้างและจากไปอย่างเงียบๆเขาหิ้วทั้งสองคนและพุ่งไปตามหลังคาเพราะว่าเขากําลังเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง เพิ่งชวนจึงใช้พลังของฟ้าดินเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโซนิคบูมมนุษย์ธรรมดาไม่มีทางเห็นเขาเพราะเขาเดินทางด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อเช่นนั้น
ห้าวินาทีต่อมา เมิ่งชวนกลับไปที่คฤหาสน์
“น้องเมิ่ง” หยางฟางและจางหวินเฟิงยืนขึ้นและจ้องมองไปที่ศิษย์นิกายอสูรฟ้าทั้งสองคนที่เพิ่งชวนหิวมา
“ศิษย์นิกายอสูรฟ้า?” จางหวินเฟิงประหลาดใจเขาเองก็ควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของพวกเขา
การควบแน่นแก่นสารแห่งจิตนั้นเป็นเรื่องยากสําหรับเทพอสูรมหาสุริยันเมื่อพวกเขายัง “เยาว์”เพราะการที่ต้องมีแก่นสารแห่งจิตได้หยุดหลายคนไว้จากการขึ้นเป็นเฟิงโหวเทพอสูรอย่างไรก็ตามหากพลังชีวิตของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอลงเมื่ออายุมากขึ้น ก็คงมีเทพอสูรมหาสุริยันแก่ๆหลายคนที่ควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้และขึ้นเป็นเฟิงโหวเทพอสูรแล้วเพราะพวกเขาฝึกฝนมานานระดับวิชาของพวกเขามักจะสูงกว่าเฟิงโหวเทพอสูรที่พึ่งถือกําเนิดมาก!มีเทพอสูรมหาสุริยันชราหลายคนที่ควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้สําเร็จอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับจํานวนศิษย์ทั้งหมดของเขาหยวนชูแล้ว มีเพียงน้อยนิดที่ทําสําเร็จ
“ใช่ ข้าพึ่งเจอศิษย์ของนิกายอสูรฟ้าสองคนนี้ขอรับ”เพิ่งชวนกล่าว“ข้าได้ยินมาจากพวกมันว่าศิษย์ของนิกายอสูรฟ้าได้เข้ามาสู่เมืองหลวงของรัฐเจียงแล้วพวกมันต้องหาข้อมูลให้ได้มากเพียงพอในระยะเวลาสามวันก่อนจะกลับไปรายงานกับระดับสูง”
“พวกมันต้องรายงานในสามวัน?” แววตาของจางหวินเฟิงเป็นประกาย “อย่าจับสายลับนิกายอสูรฟ้ามาหมดทิ้งไว้สักสองสามคนให้หนีรอดไปได้พวกเราจะได้ลอบตามมันไป มาดกันว่าพวกเราจะหามันได้มากกว่านี้หรือเปล่า”
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า “ศิษย์พี่จาง ช่วยหาคนที่ใช้ภาพลวงตาเก่งๆและสอบปากคําพวกมันเสียหน่อย”
อันที่จริงแล้ว ด้วยพลังของแก่นสารแห่งจิตระดับสอง เขาเองก็สามารถใช้วิชาลับของแก่นสารแห่งจิตได้เล็กน้อย วิชาควบคุมสามารถควบคุมมนุษย์สองคนนี้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเขาจําเป็นต้องไปจับสายลับค นอื่นต่อและไม่มีเวลามาสอบพวกคําพวกมันที่ละคน
“ปล่อยให้ข้าเอง ข้ารู้จักวิชาลวงตาอยู่บ้าง” จางหวินเฟิงกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นชายแก่ที่ฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย
“ข้าจะไปตรวจสอบต่อขอรับ” เพิ่งชวนหายตัวไปในพริบตา
“เร็ว!”หยางฟางอทาน “อีกอย่าง เขายังลาดตระเวนได้เก่งมากอีกด้วย ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้แล้วหรือมีวิชาลับอะไรบางอย่างหรืออย่างไรกัน?”
“ที่สําคัญที่สุด เขายังหนุ่มนัก” จางหวินเฟิงกล่าวอย่างโหยหา “เทพอสูรเช่นน้องเมิ่งเป็นความหวังของเขา หยวนชูและมนุษยชาติ พวกแก่ๆอย่างพวกเราก็ใกล้จะลงโลงกันแล้ว”
หยางฟางพยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งคู่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับมหาสุริยันก็จริง แต่ร่างกายของพวกเขานั้นแก่ชรามากแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นเฟิงโหวเทพอสูรได้ ชีวิตของพวกเขาก็มีเพียงเท่านี้ กลับกัน เพิ่งชวนนั้นเป็นเหมือนกับตะวันฉาย
“หากเราเผชิญกับอันตราย เราต้องปกป้องน้องเมิ่งให้ได้แม้พวกเราจะต้องตายก็ตาม” จางหวินเฟิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่ถ่วงเวลาไว้ได้ ด้วยความเร็วของน้องเมิ่งเช่นนั้น เขาสามารถปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว” หยางฟางกล่าว
จางหวินเฟิงพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องข้างๆ ศิษย์ของนิกายอสูรฟ้าทั้งสองคนลอยเข้าไปในห้องข้างๆเช่นกัน
เพิ่งชวนเพิ่มความเร็วขึ้น เขาพุ่งไปหลายทุกครั้ง และเพิ่มความเร็วในการลาดตระเวนขึ้น
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วก็มีสายลับมากมายอยู่ในเมือง จึงเป็นเรื่องดีกว่าหากเขาเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้นคนที่เดินอยู่บนถนนหายไปในพริบตาเมื่อมีกระแสลมแรงพัดผ่านมา
แขกสองคนในร้านน้ําชากําลังกินข้าวเช้าในห้องส่วนตัว ทันใดนั้นหน้าต่างก็เปิดออกอย่างเงียบงัน ในขณะที่ทั้งสองกําลังรุนงงก็มีกระแสลมพัดผ่านมา และแขกทั้งสองคนนั้นก็หายไป!เหลือเพียงอาหารเช้าที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ
“ขอโทษที่ให้รอขอรับ! เต้าหูแห้งนั่นฝอยกับหมั่นโถวนึ่งได้แล้วขอรับ!” พนักงานเสิร์ฟตะโกนเสียงดัง เขา เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว มีจานเต้าหูแห่งนั่นฝอยและหมั่นโถวนึ่งวางอยู่บนถาดไม้ของพนักงาน เขามอง เข้าไปในห้องด้วยความตกใจ “เดี๋ยวนี้คนกินข้าวเช้แล้วชิงรึ?”เขารีบลงไปข้างล่างเพื่อรายงานให้ผู้จัดการ ทราบในทันที
ประสิทธิภาพของเมิ่งชวนนั้นสูงมาก ด้วยขอบเขตการรับรู้ของเขาจึงทําให้เขาจับสายลับได้อย่างต่อเนื่องและจากนั้นก็จะถูกส่งกลับไปที่คฤหาสน์
และก็เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนเขากลับมาที่คฤหาสน์เป็นครั้งที่ห้า
“นี่เป็นศิษย์นิกายอสูรฟ้าคนที่เก้า” เมิ่งชวนโยนนางโลมที่มีชื่อเสียงไปข้างๆ
“น้องเมิ่ง ข้าได้สอบปากคําศิษย์นิกายอสูรฟ้ามาห้าคนแล้ว” จางหวินเฟิงกล่าว “นี่เป็นคําสั่งโดยตรงจากผู้นําของนิกายอสูรฟ้า ไม่มีใครกล้าขัด พวกมันส่งศิษย์ธรรมดามาในเมือง 17 คนเพื่อตรวจสอบส่วนพวกระดับสูงนั้น พวกมันไม่เสี่ยงที่จะเข้ามา”
“ผู้นํานิกายอสูรฟ้าออกคําสั่งเองเลยหรือ?” เมิ่งชวนประหลาดใจ “ข้าได้ยินมาว่านิกายอสูรฟ้าถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดกลุ่ม หาได้ยากนักที่ผู้นํานิกายอสูรฟ้าจะออกคําสั่งเอง”