ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 ข้าบริแอน มีชีวิตอีกครั้งแล้ว
มุมมอง : บริแอน สโนว์มันสเตอร์
“อ้า!”
วันนี้ช่างประหลาดจริงๆ นอกจากได้ยินเสียงประหลาด ยังได้ยินเสียงกรีดร้องด้วย
เป็นเพราะข้าอยู่คนเดียวนานเกินไป จนเริ่มเกิดภาพหลอนหรือ
คิดแบบนี้ข้าก็หยิบถ้วยชาขึ้นกําลังจะดื่มต่อไป กลับได้ยินเสียงดังสนั่น จนทั่วทั้งพื้นสั่นไหว!
พระเจ้า วันนี้เกิดเรื่องอะไรกันแน่
ข้ามองรอบๆ ก็เห็นหมอกสีขาวพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศที่ริมชายฝั่ง
หรือว่ามีบางสิ่งตกลงมา มันคือมังกรบกจากเขาวงกตด้านบนหรือ
ข้าหยิบธนูที่ไม่ได้ใช้มานาน แล้ววิ่งไปยังจุดที่มีหมอกควัน
“อย่างนี้นี่เอง ผ่านไปหกร้อยหกสิบห้าปีแล้วหรือ ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานจริงๆ”
ฟังพวกเขาพูดจบ ข้าก็ยิ้มพลางตอบ
แต่ว่า ในใจข้ากลับสั่นระรัว
หกร้อยหกสิบห้าปีแล้วนึกไม่ถึงว่าตอนแรกที่คิดจะแสดงฝีมือปิดผนึกรอยร้าวแห่งน้ำแข็งนั้นกลับกลายเป็นบิดผนึกตัวเองมาหกร้อยกว่าปีเชียว
ข้านี่โง่จริงๆ สมองถึงสั่งการให้ทําแบบนั้นได้
แต่สองคนนี้ดูคล้ายกับข้าเลย ถึงขั้นไปท้าทายน้ำแข็งไฟโลกันตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของรอยร้าวแห่งน้ำแข็ง หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์
หกร้อยกว่าปีแม้ร่างกายของข้าจะถูกผนึกในน้ำแข็ง แต่ก็คงทําได้แค่รักษาสภาพไว้ละมั้ง ถ้าการผนึกถูกเปิดออก มันก็คง..
ช่างเถอะ มันคงเป็นโชคชะตา
ข้าดื่มชาอีกหนึ่ง แล้วมองสองคนที่จ้องกันไปมาอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าจิตใจไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้น
จริงด้วย การอยู่กับคนอื่นมันดีกว่าจริงๆ
“อ้า!”
แสงสีขาวสว่างวาบ หลังจากเห็นภาพข้างนอกข้าก็รู้ว่าพวกเราบินออกมาจากตราผนึกแล้ว
หลังจากล้มลงอย่างรุนแรง ข้าก็ค่อยๆ รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่มีแค่ร่างกายถึงจะรู้สึกได้
“ออกมาแล้ว…”
เด็กสาวที่ชื่อว่าอาร์ย่าพูดแบบนี้
ข้าพยักหน้า แล้วมองรอบๆ ก็เห็นดวงตานับสิบคู่ที่จ้องมองพวกเรา
“องค์หญิงสโนว์ไวท์กลับมาแล้ว”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“จริงๆ เลย ข้าไม่ชอบชื่อนี้แท้ๆ…”
ข้ายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ เด็กสาวที่รูปร่างใกล้เคียงกับอาร์ย่าก็วิ่งมาตรงหน้าข้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จ้องข้าพลางถาม
“ฟีลล่ะ! ฟีลไม่กลับมาหรือ!”
ดูการแต่งตัวของนาง คงเป็นคนในราชวงศ์ แต่ทําไมนางถึง…เอ๋ หรือว่าฟิลนั่น
ขณะที่ข้ากําลังคิดเช่นนี้ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มอ่อนแอขึ้นอย่างช้าๆ
ข้ามองดูแขน บนนั้นปรากฏริ้วรอยขึ้นอย่างช้าๆ ธาตุสายน้ำแข็งอันเล็กน้อยก็กําลังออกไปจากร่างกายของข้า จนทําให้ร่างกายข้าเริ่มเสื่อมสลาย
ไม่เกินความคาดหมายจริงๆ แต่ความเร็วในการเสื่อมสลายก็เร็วไปนะ ข้าคิดว่าอย่างน้อยจะมีสักสองสามชั่วโมงให้ข้าได้มองดูโลกใบนี้สักหน่อย
“องค์หญิงสโนว์ไวท์…”
อีกฝ่ายชี้มาที่มือข้าด้วยความตกใจ
“อย่าเรียกข้าว่าองค์หญิงสโนว์ไวท์ ข้าชื่อว่าบริแอน สโนว์มันสเตอร์!”
“อ่า…ก็ได้”
เด็กสาวคนนั้นชะงัก แล้วก็ตอบสนอง
“งั้น…มิสสโนว์มันสเตอร์….ท่าน… ถูกฟิลช่วยออกมาหรือ”
“ใช่แล้ว ต้องขอบคุณเจ้านั่น ที่ทําให้ข้าได้ออกมาดูหน้าตาของอาณาจักรเอสก่อนตาย”
ข้ายืนขึ้นช้าๆ แต่ข้อต่อทุกส่วนบนร่างกายกลับ
“แต่สภาพร่างกายของข้าดูเหมือนจะแย่กว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก”
“ฝ่าบาทสโนว์มันสเตอร์ ได้โปรดอดทนอีกหน่อย ภาชนะเวทมนตร์ใกล้จะมาแล้ว ขอเพียงเข้าไปในนั้น…”
ผู้เฒ่าคนนั้นเร่งฝีเท้าเข้ามาพูดกับข้า
หน้าตาของเขาเหมือนกับเคยพบเมื่อนานมาแล้ว แต่มนุษย์ที่มีชีวิตถึงหกร้อยกว่าปีคงไม่มีหรอก
คงเป็นลูกหลานของเขา
“ไม่ต้อง!”
ข้าตะโกนคัดค้าน
“ข้าอยู่ในตราผนึกมาหกร้อยกว่าปีจนจะเป็นบ้าแล้ว! เจ้ายังอยากให้ข้าใช้ชีวิตต่อไปในโลงศพที่พวกเจ้าคิดค้นขึ้นมาอีกหรือ! เจ้าล้อข้าเล่นหรือ!”
“คือ…ขอเพียงพักในนั้นสักครู่ พวกเราจะทําการดัดแปลงร่างกายของท่าน จากนั้น…”
“ดัดแปลงหรือ”
ข้าแสยะยิ้ม แล้วมองเขา
“คนสมัยนี้รักตัวกลัวตายกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ เมื่อครู่ข้ายังนึกตัวตนของเจ้าไม่ออก แต่ในเมื่อเจ้าพูดถึงการดัดแปลงร่างกาย ข้าจึงนึกได้ว่าเจ้าคือใคร เจ้าคือบีฟอร์ดอว์นใช่ไหม”
“เอ่อ…สมกับเป็นเอลฟ์หิมะที่เลิศเลอในบรรดาเผ่าพันธุ์เอลฟ์ นึกไม่ถึงว่านานเพียงนี้ ท่านจะยังจําข้าได้”
บีฟอร์ดอว์นยิ้มขึ้น จากนั้นก็พูดต่อไป
“แต่ที่จริง การดัดแปลงร่างกายมนุษย์เป็นเทคโนโลยีแรกสุดของเอลฟ์อย่างพวกท่านเลยนี่ พวกท่านที่มีชีวิตถึงพันปีก็ยังไม่พอใจ…”
“เอาละ เจ้าโต้เถียงกับข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรข้าก็จะไม่ใช้โลงน้ำแข็งนั้นแน่”
เสียงของสิ่งของอันหนักอึ้งที่ถูกเคลื่อนดังออกมา เมื่อข้าหันหน้ามองไป
“ข้าแค่บอกว่าเป็นโลงน้ำแข็งเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นโลงนี้จริงๆ”
โลกน้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์ถูกเข็นออกมา การออกแบบนี้
เป็นรูปแบบที่พรรคพวกของข้าชื่นชอบ และข้างนอกนั้นสุกใสส่วนข้างในเป็นโพรง
ที่จริงสิ่งนี้สร้างเสร็จมานานแล้วนี่ ส่วนการปรับปรุงทุกปีก็เพื่อแค่ให้มันดูสวยงามยิ่งขึ้นเท่านั้น
จริงๆ เลย ไอ้บ้าพวกนั้นเอาเวลาไปสร้างสิ่งของที่เป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ได้หรือ
“มันเป็นถึงผลงานชิ้นเอกอันล่าสุดของเอลฟ์อย่างพวกท่านเขียว ข้าก็คิดว่าท่านจะชอบซะอีก”
“หึ!”
ข้าส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบจี้ออกมาจากอกเสื้อ
“ข้าไม่อยากกลายเป็นสิ่งที่อาศัยชิ้นส่วนน่าขยะแขยงกับชีวิตของคนอื่นเพื่อมีชีวิตต่อไป ถึงแม้จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะข้าก็ไม่เสียใจ!”
พูดจบ ข้าก็กดปุ่มบนสร้อยคอ
แสงสีเทาสว่างวาบ ร่างกายของข้าก็แหลกสลายในชั่วพริบตา! ด้วยตัวกลางของสร้อย ข้าก็กลายเป็นวิญญาณลอยไปในอากาศ
“ย้ายวิญญาณหรือ สิ่งนั้นอยู่ที่ตัวท่านนี่เอง มิน่าทุกคนตามหาอยู่หลายร้อยปีก็หาไม่พบ ที่แท้ก็อยู่กับท่านนี่เอง!”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็ชิงไปได้นานแล้วสิ เอาละ ไม่ต้องพูดมาก ข้าไปก่อน”
แล้วข้าก็หมุนตัวไปอีกด้าน
“มิส ชื่อของเจ้าคือ…”
“ข้าหรือ ข้าชื่อสโนว์ อะฟังกัส”
“อย่างนั้นหรือ”
ข้าฉีกยิ้ม
“ฟีลเป็นคนน่าสนใจทีเดียว ข้าจะปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นให้ข้ายืมตัวเขาก่อนแล้วกัน”
“เอ๋”
ปล่อยให้สโนว์ทําสีหน้ากลัดกลุ้ม แล้วข้าก็บินไปยังรอยร้าวแห่งน้ำแข็ง
“ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจหนีออกไปจากแท่นบูชานี้ได้ แต่ว่า ข้าก็ไม่ได้คิดหนีอยู่แล้ว พวกเราไปเจอกันในนรกเถอะ”
“พระเจ้า…”
ข้ามองดูแขนที่มีสีผิวเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย ก็ร้องอย่างตกใจ
“ที่แท้ข้าก็กลายเป็นอันเดดแล้ว ประสาทสัมผัสก็อ่อนแอลงด้วย มันไม่ใช่เรื่องดีสําหรับนักธนูเลย”
จากนั้นข้าก็หมุนตัวมองไปยังก้อนน้ำแข็งด้านข้าง
“เอ๋ นั่นมันหน้าข้าไม่ใช่หรือ เป็นไปได้อย่างไร”
“กายเนื้อเป็นเพียงภาชนะ วิญญาณสิถึงเป็นแก่นแท้ของชีวิต เจ้าไม่เคยได้ยินคําพูดนี้หรือ”
ก็อบลินตอบเช่นนี้ แล้วพินิจมองข้า
“อืม เอลฟ์ก็เป็นสิ่งดี ความสอดคล้องของวิญญาณก็ดี ถึงขนาดปรับตัวได้ในทันที ใช่แล้ว เจ้ามีสิ่งของประหลาดที่เคลื่อนย้ายวิญญาณได้ด้วย หากไม่สําเร็จสิถึงแปลก”
“งั้นหรือ…”
ข้ามองดูสร้อยคอในมือ แล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“รับไว้”
ข้านําสร้อยคอโยนให้ฟีล
“เฮ้ๆๆ อย่าโยนของล้ำค่าส่งเดชส”
“ข้าให้เจ้า เอาไว้ใช้รักษาชีวิต ขอบคุณข้าซะเถอะ”
“รักษาชีวิต…”
ฟีลถือสร้อยคอมองดู แล้วชะงักสักครู่
“งั้นผมจะเก็บไว้อย่างดี”
“อืม”
ข้ายิ้มพลางพยักหน้า
ไม่เข้าใจจริงๆ ฟิลนี้เป็นคนดีหรือคนชั่วกันแน่นะ
หากเป็นคนดี ทําไมถึงพกศพสดใหม่ไว้กับตัว ทั้งยังพูดคุยกับก็อบลินมืดอย่างออกรสอีกด้วย
แต่ว่า หากเป็นคนชั่วเป็นไปไม่ได้ เจ้านี่ไม่ใช่คนชั่วแน่ๆ หากเป็นคนชั่ว คนโง่เช่นเขาคงถูกคนอื่นฆ่าตายไปนานแล้ว
ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย
“งั้นต่อไปเราจะไปไหน หุบเหว หรือขุมนรก”
ข้าถามต่อไป
“ก็ต้องเป็น…”
อีกฝ่ายฉีกยิ้ม
“เดินไปแล้วค่อยคิดไง!”
ฮ่าๆ เขาเป็นคนชั่วหรือคนดีกลับไม่สําคัญสักนิด สิ่งสําคัญคือ เจ้านี่ น่าสนใจจริงๆ