ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 14
ตอนที่ 14 ความตายและการคืนชีพ
ฟังคําพูดของเขาจบ ก็ต้องยอมรับว่าผมสนใจอย่างยิ่ง
อย่างแรกคืออีกฝ่ายเป็นเผ่าปีศาจ แม้ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับอสูรยังไง แต่ในเมื่อเขาใช้เวทมนตร์สายมืดได้ งั้นมันก็เข้าใกล้เป้าหมายในการค้นหาเวทมนตร์สายมืดของผม
แต่ว่า ความเสี่ยงในนั้นก็ยังมีอยู่
อีกฝ่ายรู้ว่าผมเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย ก็แปลว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าผมมาก
และตามข้อมูลที่ผมอ่านจากหนังสือ เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายไปจากแผ่นดินใหญ่เมื่อนานมาแล้ว แม้ไม่รู้ว่าในขุมนรกเป็นยังไง แต่อีกฝ่ายก็ไม่จําเป็นที่จะต้องชักชวนผมอย่างกระตือรือร้นแบบนี้
อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นเผ่าปีศาจ ก็แปลว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าผม
“ดูแล้วเจ้าคงตัดสินใจไม่ได้สินะ เจ้าลองคิดดูสิ หากข้าต้องการฆ่าเจ้าจริงๆ ในสถานการณ์ตอนนี้เจ้าจะหนีไปที่ใดได้ ข้าฆ่าเจ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเจ้าหรอก”
ขณะที่เขาพูดแบบนี้ จู่ๆ ฉายาของอีกฝ่ายก็สว่างวาบเล็กน้อย แล้วแสดงออกมา
ออร์แลนโด
ก็อบลินมืด
นักฆ่าเผ่าปีศาจเลเวล 65
ชั่วร้าย มีเหตุผล ผู้สังเกตการณ์ นักฆ่า เผ่าปีศาจ วิหารแห่งความมืด ผู้ถือครองเวทต้องห้าม ?? ?? ??
ดูท่าศัตรูบางคนก็คงมีวิธียับยั้ง “เนตรแห่งเฟคต้า” ของผมเช่นกัน ไม่งั้นอีกฝ่ายจะปิดบังข้อมูลของตัวเองได้ยังไง
ขณะที่เขาพูดเมื่อกี้ เขาคงผ่อนความระแวงลงอย่างชัดเจน ดังนั้นผมจึงเห็นฉายาและข้อมูลของเขา
“ก็ได้ ฉันจะไปดูกับนายแต่แล้วฉันจะออกมายังไง”
“ออกมาหรือ อ้อ ใช่แล้ว เจ้ายังใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์อยู่ก็ถูก แบบนั้นก็ดี วางใจเถอะ พวกข้าย่อมมีวิธีให้เจ้าออกมาแน่ เจ้ารู้ไหม แค่เห็นเอลฟ์หิมะโง่ๆ นั่นกลิ้งเกลือกอยู่ที่นี่มาหกร้อยกว่าปี ข้าก็รู้สึกปวดหัวแล้ว”
“ใครว่าข้าเป็นเอลฟ์หิมะโง่ๆ!”
เสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากข้างบน เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นมิสสโนว์มันสเตอร์ร่างโปร่งแสงกําลังลอยกลางอากาศเหนือพวกเราพลางมองเราอย่างโกรธเคือง
“คุณกลับมาได้ไง!”
ผมชี้เธอพลางตะโกน
“อ่า ฮ่าๆ คือว่า…เพราะที่จริงข้าตายไปแล้ว…”
“ฮะ…”
“เรื่องนั้นน่ะ แม้กายเนื้อของข้าจะถูกผนึกในน้ำแข็ง แต่เพราะไม่มีพลังงานมาเป็นเวลานาน ร่างกายจึงพังทลายอย่างสมบูรณ์ เมื่อครู่ข้าแค่ออกไปก็..”
ถึงอีกฝ่ายยิ้มพลางพูดแบบนี้ออกมา แต่ว่า…
“ขอโทษที.บางทีที่พวกผมปลดผนึกคงเป็นสิ่งที่ผิด…”
“เปล่าหรอกๆ ข้าก็นึกตอนจบแบบนี้ได้ลางๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าดูสิ ข้าก็กลับมาอีกครั้งแบบกลายเป็นวิญญาณแล้วนี่ พวกเขาเริ่มจะปิดผนึกแล้วนะ อีกไม่นานก็คงปิดลง ดังนั้นเจ้า…”
“ผมยังไปไม่ได้”
ผมรีบเปิดเครื่องมือสื่อสาร เมื่อลองดู ก็เห็นชื่อของอาร์ย่าอยู่ในสถานะสีเขียว
เยี่ยมเลย ดูแล้วคงจะติดต่อได้
“อาร์ย่า เธอช่วยบอกพวกเขาให้บิดที่นี่ทันที ฉันเจอทางออกอื่นแล้ว คงต้องใช้เวลาสักพักถึงออกไปได้ ช่วยทีนะ!”
ชั่วพริบตาที่กดส่ง ชื่อของอีกฝ่ายก็มีดลง ไม่รู้ว่าส่งไปทันหรือเปล่า
“ดูท่าคงผนึกไปแล้ว”
ผมส่ายหน้าพลางพูด
“งั้นหรือ..ฮ่าๆๆ ขอโทษด้วย ดูท่าเจ้า…”
“ผมไม่มีวันตาย”
ผมฉีกยิ้ม แล้วชี้ไปทางก็อบลินมืด
“เขาจะพาพวกเราออกไปที่ทางออกอีกทาง ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่จะทําอย่างไรกับวิญญาณเอลฟ์หิมะคนนี้ล่ะ”
“คืนชีพเธอสิ อย่าบอกนะว่าพวกนายไม่มีคาถาคืนชีพ”
“เรื่องนั้น”
ท่าทางของอีกฝ่ายดูอึดอัด
“การคืนชีพจําเป็นต้องมีศพที่เพิ่งตายไม่นานถึงจะทําได้ แม้หาได้ในนรก แต่ข้าคิดว่าศพปีศาจที่เต็มไปด้วยพลังงานความมืดคงไม่อาจรับวิญญาณของเอลฟ์หิมะได้หรอก”
“สรุปแล้ว ขอแค่มีศพไร้วิญญาณก็ทําได้แล้วใช่ไหม”
“อืม ทางที่ดีที่สุดคือเป็นศพของเอลฟ์ไม่ก็มนุษย์”
“งั้นก็ได้”
ผมฉีกยิ้ม แล้วกางปีกอันเดดออกมา
“ฟีล…เจ้าเป็น…อันเดดหรือ”
มิสสโนว์มันสเตอร์มองผมอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็บินเข้ามา มองปีกอันเดดของผม แล้วร้องอย่างตกใจ
“ข้าคิดว่าอันเดดบนแผ่นดินใหญ่ตายไปหมดแล้วซะอีก นึกไม่ถึงว่าข้าจะยังได้เห็น เท่จริงๆ!”
“ผมคิดว่าคุณจะว่าอะไรซะอีก…คุณเป็นเอลฟ์แล้วบอกว่าอันเดดเท่จะไม่เป็นไรจริงเหรอ”
“ไม่เป็นไรสิ อย่างไรตอนนี้ข้าก็เป็นวิญญาณแล้วนี่”
อีกฝ่ายยิ้มพลางพูด จากนั้นก็หมุนวนรอบตัวผมสองสามรอบ
ยัยนี้ใช้สมองได้ไม่ดีหรือเป็นคนมองโลกแง่ดีกันแน่ ยัยนี่ถูกเรียกว่านักบุญหญิงไม่ใช่เหรอ แบบนี้จะไม่เป็นไรจริงเหรอ โดยทั่วไปเวลานี้เธอควรออกมาประณามว่าทําไมผมถึงชอบพลังชั่วร้ายสิ ถ้าผมกลายเป็นวิญญาณแล้วต้องตกต่ำขนาดนี้ผมคงรับไม่ได้แน่!
คุณไม่ได้ใช้สมองเลยใช่ไหม ที่จริงคุณเป็นคนที่มใช่ไหม!
“เอาละ ออร์…ไม่สิ พี่ก็อบลินมีดจะไปขุมนรกตอนไหนก็ได้ใช่ไหม”
“อืม ใช่แล้ว ชื่อของข้าคือออร์แลนโด”
“โอเคๆ”
ผมรู้ว่าคุณชื่อออร์แลนโด ผมยังเกือบพูดชื่อของคุณออกมาอยู่เลย
“แล้วคุณรู้จักคาถาที่ทําให้วิญญาณผนวกกับศพใช่ไหม”
“รู้นั้นย่อมรู้ เดี๋ยวก่อน เจ้ากําลังบอกข้าว่าเจ้าพกศพสดใหม่ติดตัวมาด้วยหรือ”
“เรื่องนั้นน่ะ…ก็ใช่”
เมื่อเห็นสายตาชื่นชมที่อีกฝ่ายมองมา ผมก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจผิดบางอย่าง
แต่ความเข้าใจผิดแบบนี้กลับไม่ใช่ปัญหาอะไรสําหรับผม ผมจึงเมินเฉยไป
“เอาละ งั้นคุณโปรดช่วยที แบบนี้ผมจะได้พาสโนว์มันสเตอร์ไปด้วยได้”
พูดจบ ผมก็นําศพของเออร์วินออกมาจากแหวนเก็บของ ใช่แล้ว มันคือศพเด็กสาวไร้เดียงสาในการแข่งขันชั้นปี และตอนนี้บนศพก็ไม่มีฉายาใดๆ มีเพียงคําว่า “ศพของเออร์วิน” ที่อยู่ในรายการไอเทมเท่านั้น
ลองคิดดูแล้วก็ถูก ผมลืมพิจารณาเรื่องวิญญาณไป ถ้าผมใช้คาถาคืนชีพศพนี้ขึ้นมา ก็คงเป็นแค่การคืนชีพอันเดดเท่านั้นละมั้ง
ถึงแม้จะเป็นเด็กสาวก็เถอะ
ผมได้แต่รู้สึกถึงความคิดที่ไม่สอดคล้องกันมากมายผุดขึ้นในสมอง อย่างเช่นการที่เด็กสาวไม่มีสติมารับใช้ผมอะไรแบบนี้
แต่ผมก็สลัดความคิดพวกนั้นไปทันที
ล้อเล่นอะไรนะ ผมไม่ได้โรคจิตถึงขั้นลงมือกับศพแบบนั้นนะ!
“เจ้ามองศพแล้วคิดอะไรอยู่”
วิญญาณมิสสโนว์มันสเตอร์ถามขึ้นอย่างฉับพลัน
“เปล่า…คือ…ผมแค่นึกถึงเรื่องตอนที่ได้ศพมาเท่านั้น ออร์แลนโด ศพนี้ใช้ได้ไหม”
“ต้องยอมรับว่าเจ้าร้ายกาจทีเดียว”
อีกฝ่ายตรวจสอบศพเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น
“แม้ภายในจะมีธาตุสายมืดไม่น้อย แต่การบรรจุวิญญาณของเอลฟ์หิมะกลับไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้มาเริ่มกันเลยไหม”
เขาไม่เพียงพูดประโยคนี้กับผม แต่ยังพูดกับมิสสโนว์มันสเตอร์ด้วย
สโนว์มันสเตอร์มองดูศพนั้นแล้วมองผม
“ถึงข้าจะไม่หวังอะไรกับการมีชีวิตต่อไปแล้ว แต่สัญชาตญาณข้าบอกว่าฟิลเป็นคนที่น่าสนใจทีเดียว! งั้นข้าก็ตกลง!”
เฮ้ๆๆ นี่มันเหตุผลประหลาดอะไรเนี่ย!
“ดี งั้นเชิญเจ้าลอยมาข้างๆ ศพนี้ แล้วเราจะเริ่มทันที”
ออร์แลนโดพยักหน้าแล้วพูด
“แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน แม้วิญญาณของเจ้าจะเข้าไปในร่างกายนี้แล้ว เจ้าจะไม่ใช่เอลฟ์หรือมนุษย์อีกต่อไป แต่จะเป็นอันเดด เจ้าตกลงที่จะทําเช่นนี้ไหม”
“แน่นอน!”
สโนว์มันสเตอร์ยิ้มพลางพูด
“ข้าไม่ได้สนใจอยู่แล้ว!”
คุณแค่ไม่อยากคิดหรือคุณเป็นคนโง่กันแน่!