ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 24
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งหลังจากที่ทานข้าวร่วมกับสามีทั้งคู่ก็พากันออกมาเดินย่อยในสวน จางโม่ลี่ยังคงชื่นชมบรรยากาศสดใสเช่นเคยมิได้สนใจสิ่งรอบกาย ผิดกับจ้าวหยางหลงที่ทอดมองสตรีด้านข้างด้วยความรักพลางสำรวจนางอย่างละเอียดพักนี้รู้สึกนางจะอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมนักแต่ความงามของนางมิได้ลดไปเลยแม้แต่น้อย แต่นางกลับงามยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
“ลี่เอ๋อร์หากเป็นไปได้เจ้าอยากพบครอบครัวของเจ้าหรือไม่” จ้าวหยางหลงลองเชิงถามนางเพื่อการตัดสินใจของตน
“หากเป็นไปได้ข้าก็อยากพบพวกเขาสักครั้ง ข้ามีคำถามมากมายอยากถามพวกเขาให้กระจ่าง” จางโม่ลี่ตอบอย่างจริงใจแฝงความรู้สึกเศร้าเสียใจ หากร่างนี้เป็นร่างจริงของนางๆ ก็อยากจะรู้ว่าเห็นใดพวกเขาถึงทิ้งนางไป
“ลี่เอ๋อร์เจ้าอย่าได้คิดมาก ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นเช่นที่เจ้าคิด บางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น” หยางหลงจับสัมผัสความรู้สึกของนางได้จึงเอ่ยปลอบนางอย่างอ่อนโยนมือหนาลูบศีรษะนางเบาๆ
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มรับคำให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“ลี่เอ๋อร์เจ้าควรเรียกพี่ว่าท่านพี่ได้แล้ว และแทนตัวเองว่าน้องหรือลี่เอ๋อร์เพราะเจ้าและพี่เป็นสามีภรรยากันแล้วเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่” โม่ลี่ตอบรับอย่างเขินอาย จ้าวหยางหลงได้ยินเช่นนั้นก็จุมพิตที่หน้าผากมนเป็นรางวัลให้ภรรยาตัวน้อยทันทีก่อนจะผละออกจากร่างบาง
“เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อน ยามอู่ (11.00-12.59 น.) พี่จะมาทานข้าวด้วย” ว่าจบก็จุมพิตที่แก้มนางอีกคราก่อนจะมุ่งไปยังห้องทำงานตน
“พี่ซิ่นหวาข้าอยากกินเฉ่าเหมย (สตรอเบอร์รี่) จวี๋จื่อ (ส้ม)”
“รอสักครู่นะเจ้าคะ” ซิ่นหวารีบไปยังครัวทันทีเพื่อสั่งงานทันทีโดยให้คนยกตามมาภายหลัง เกือบเดือนแล้วนางรู้สึกว่านายหญิงเปลี่ยนไปจากร่างที่เคยผอมบางดูอวบอิ่มขึ้นอีกทั้งยังบ่นอยากกินผลไม้เกือบทุกเวลา โดยเฉพาะเฉ่าเหมย คิดได้ดังนั้นนางก็รีบใช้วิชาตัวเบาเพื่อเร่งกลับไปดูแลนายหญิง
จางโม่ลี่ก็ลุกขึ้นเพื่อชมดอกไม้ในสวนเหมือนทุกวัน ทว่าขณะที่กำลังลุกขึ้นยืนได้เพียงไม่นานนางกลับรู้สึกหน้ามืดดวงตาพร่ามัว แต่ก่อนจะหมดสตินางเห็นใบหน้าของซิ่นหวาที่เข้ามาประคองนางด้วยความตกใจตามด้วยเสียงตะโกนโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์แล้วภาพตรงหน้าก็ดับวูบไป
ในขณะที่จ้าวหยางหลงแยกออกมาได้สองเค่อ (30 นาที) ตอนนี้เขากำลังจัดการธุระตรงหน้าอย่างเร่งรีบก่อนจะสั่งลูกน้องให้เอาเทียบเชิญส่งไปยังสกุลหง แต่ทว่าเงาสายหนึ่งกลับปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าคิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นเงยหน้ามองผู้ที่มารบกวน
“รายงานท่านประมุขตอนนี้นายหญิงเป็นลมยังไม่ได้สติขอรับ” เงาที่คอยคุ้มครองนายหญิงพลิ้วกายออกมารายงานท่านประมุข
“ปัง!!…แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน” เสียงทุบโต๊ะและเสียงโมโหดุดันดังขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่านางเป็นลมไม่ได้สติ
“ตอนนี้ซิ่นหวาพานายหญิงกลับเรือนเจียวอ้ายกำลังให้ท่านมะ…” ยังไม่ทันที่จะรายงานจบท่านประมุขก็หายตัวไปดั่งสายลมทิ้งให้ผู้ที่เข้ามารายงานอ้าปากพะงาบๆ ดั่งปลาสำลักน้ำไว้เบื้องหลัง
“ปึง!!..” เสียงประตูเปิดออกจนคนด้านในสะดุ้งด้วยความตกใจ จ้าวหยางหลงรีบสาวเท้าเข้าหาสตรีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ซิ่นหวาเป็นฝ่ายถอยให้ผู้เป็นนายเข้ามาดูอาการนายหญิงอย่างใกล้ชิด ภาพที่ปรากฏสู่สายตาช่างบีบรัดความรู้สึก ยามนี้ใบหน้าที่เคยมีสีเลือดฝาดกับดูซีดเซียวจนน่ากลัว มือหนาบรรจบลูบใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอมก่อนจะตวัดสายตาคมมองหมอชราที่นั่งขมวดคิ้วมือเหี่ยวย่นยังคงจับชีพจรนาง
“จะจับอีกนานหรือไม่ แล้วเหตุใดนางจึงเป็นลมหมดสติไปเช่นนี้” เสียงเข้มดุขุ่นเคืองไม่พอใจเรียกสติหมอชราที่ยังคงจับชีพจรนางไม่ละมือเสียที
“ระ…เรียนท่านประมุข” หมอชรารู้สึกกดดันจนเหงื่อตก ทำไมจะไม่รู้ว่าท่านประมุขทั้งห่วงหวงนายหญิงยิ่งกว่าอะไรดี “แต่ข้าเป็นหมออีกทั้งแก่ใกล้ตายอยู่แล้วช่วยลดความหวงลงหน่อยได้หรือไม่” หมอชราได้แต่คิดในใจ
“ชักช้าเสียจริง สรุปนางเป็นอะไร” ถามเสียงเข้มปนไม่พอใจกับท่าทีอึกอักของอีกฝ่าย
“เป็นข่าวดีขอรับ นายหญิงตั้งครรภ์จากที่ตรวจสอบคาดว่าอายุครรภ์ได้ 3 สัปดาห์ขอรับ” หลังจากที่หมอชราพูดจบ เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
จ้าวหยางหลงรู้สึกคล้ายกับโลกทั้งใบหยุดชะงักตั้งแต่หมอชราบอกกับเขาว่านางตั้งครรภ์ สายตาที่เข้มดุเปลี่ยนไปเป็นประกายอ่อนโยนแสดงความรักเต็มเปี่ยม ใบหน้าแดงก่ำเมื่อหันไปมองสตรีที่นอนอยู่บนเตียงสลับกับหน้าท้องแบนราบที่กำลังถือกำเนิดบุตรที่เกิดจากความรักของเขาและนาง ความรู้สึกบีบรัดก่อนหน้านี้คลายลงแทนที่ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำโครมครามดังออกมาจากอกด้านซ้ายจนได้ยินชัดเจน ทุกคนในห้องไม่กล้าที่จะขยับเพียงผู้เป็นนายยังคงนั่งนิ่ง
“ไม่ผิดแน่ใช่หรือไม่” จ้าวหยางหลงถามเพื่อความแน่ใจทั้งที่ใบหน้าไม่ละสายตาไปจากนาง
“ไม่ผิดขอรับเพียงแต่” หมอชรายืนยันหนักแน่นและกำลังจะบอกบางอย่างแต่ก็ถูกขัดเสียก่อน
“แต่อะไร” จ้าวหยางหลงหันมองหมอชราทันที
“เพียงแต่หลังจากตรวจอาการของนายหญิงแล้วกับพบว่ามีชีพจรเต้นอยู่สองสายและอีกสายหนึ่งข้าน้อยไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ หากเดาไม่ผิดคาดว่านายหญิงจะตั้งครรภ์แฝดขอรับ” หมอชรารีบรัดรวบให้จบเขาอยากจะออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ฝะ…แฝดรึ ดี…ดียิ่ง…ฮ่าฮ่า…” จ้าวหยางหลงระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างดีใจรอยยิ้มถึงดวงตามีประกายความสุขและตื่นเต้นปิดไม่มิด
“แล้วข้าต้องทำสิ่งใดบ้างท่านหมอ” จ้าวหยางหลงถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเขากำลังเป็นพ่อของลูกน้อยทั้งสองหรือมากกว่านั้นที่กำลังจะเกิดมา
“เรียนท่านประมุขช่วงนี้ต้องดูแลนายหญิงอย่างใกล้ชิดเพราะครรภ์ยังอ่อนอีกทั้งเป็นครรภ์แฝดต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะบางรายมักมีอาการแพ้ท้องเช่นหน้ามืดและอาเจียนที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ควรมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ เพราะสตรียามมีครรภ์มักจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ นายหญิงอาจอยากทานอะไรแปลกไปจากเดิมเสียหน่อย ที่สำคัญควรงดเอ่อ…” หมอชราอึกอักไม่กล้าบอกใบหน้าแดงซ่าน
“งดอะไรรึ เหตุใดต้องอึกอักเช่นนั้น” จ้าวหยางหลงฟังหมอชราอย่างตั้งใจจนกระทั่งตอนท้ายที่หมอกับอึกอักมิกล้าเอ่ย
“พวกเจ้าออกไปให้หมด” เขาสั่งทุกคนให้ออกไปจากห้องเพื่อเปิดโอกาสให้หมอชราพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่ควรรับรู้
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทุกคนขานรับและออกจากห้องทันทีตามคำสั่งท่านประมุข
“พูดออกมาอย่าได้ชักช้า ก่อนที่ข้าจะเริ่มทนไม่ไหว” จ้าวหยางหลงสั่งเสียงเข้ม
“งดเรื่องนั้นสักระยะขอรับ” หมอชราตัดสินใจพูดทันทีหลังจากได้รับคำขู่
จ้าวหยางหลงได้ฟังเช่นนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีเล็กน้อย แสร้งกระแอมกระไอกลบเกลื่อนความอายของตน พลางลอบมองร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจข่มความอายถามบางอย่างที่เขาต้องการรู้กับหมอชรา หลังจากที่ได้รับคำตอบก็ถึงกับยิ้มอย่างพึงพอใจ “ไม่เป็นไรแค่นี้เขาทนได้” จ้าวหยางหลงคิดในใจ
“พ่อบ้านม่าน ซิ่นหวาเข้ามา”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ผู้ที่รออยู่ด้านนอกรีบเข้ามาตามเสียงเรียก
“พวกเจ้าติดตามท่านหมอไปดูแลเรื่องยาบำรุงต่างๆ อาหารการกินและการดูแลสตรีตั้งครรภ์จากท่านหมอให้ละเอียด ไปได้แล้วอย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้าเด็ดขาด”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” กล่าวจบทั้งสามก็ก้าวออกไปจากเรือนเจียวอ้ายโดยไม่ลืมปิดประตู และสั่งห้ามทุกคนรบกวนท่านประมุขและนายหญิงเด็ดขาด
จ้าวหยางหลงถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงกอดนางอย่างหวงแหนพลางลูบหน้าท้องนางอย่างทะนุถนอม เมื่อลูบจนพอใจก็ประทับจุมพิตลงบนหน้าผาก ดวงตาทอดมองร่างบางที่ดูอวบอิ่มด้วยความรัก
“พี่รักเจ้าลี่เอ๋อร์ พวกเจ้าด้วยเช่นกันอย่าได้ดื้อซนจนแม่เจ้าต้องเจ็บปวดรู้หรือไม่” จ้าวหยางหลงบอกกับร่างที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติทั้งยังเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่กำลังถือกำเนิด พลางลูบท้องนางแผ่วเบาเพื่อบอกเลือดเนื้อเชื้อไขที่กำลังนอนอยู่ในนั้น ก่อนจะหลับตามนางไปโดยไม่รู้เลยว่าสตรีที่เขาคิดว่านอนไม่ได้สตินั้นรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาคุยกับเท่าหมอแล้ว
หลังจากได้ยินเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนด้านข้าง ดวงตาที่เคยปิดสนิทเปิดขึ้นนัยน์ตาหวานมีน้ำตาเอ่อคลอไปด้วยความดีใจตื่นเต้นยามที่รู้ว่าตนกำลังเป็นแม่คนความรู้สึกเป็นเช่นนี้เองหรือมันช่างวิเศษนัก
พลางหันมองผู้เป็นสามีนางได้ยินทุกคำพูดที่เขาเอ่ยกับนางและลูกยามที่ตนแสร้งหลับอยู่บนเตียง เสียงที่เต็มไปด้วยความรักและหนักแน่นทำเอาน้ำตาที่คลอหยดลงข้างแก้มด้วยความตื้นตันใจกับความรักและอบอุ่นที่เขามอบให้
นางลูบท้องตนเองอย่างแผ่วเบา “แม่และพ่อจะรักและดูแลพวกเจ้าให้ดีที่สุด เราจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สุด แม่จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้ายครอบครัวของเราเด็ดขาดแม่สัญญา” โม่ลี่สัญญากับตนเองนางจะต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อปกป้องลูกน้อยและรักษาครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกที่นางมีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุดและดีตลอดไป