ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 23
3 วันต่อมาจ้าวหยางหลงทอดมองภรรยาตัวน้อยที่กำลังหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลียภายใต้อ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดนางอย่างทะนุถนอม เขาเพิ่งปล่อยให้นางได้พักผ่อนเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน (1 ชั่วโมง) รอยยิ้มแห่งความสุขประดับเต็มดวงหน้าบทลงโทษ 3 วันที่เขาคิดไว้ดูแล้วน่าจะน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามีงานต้องสะสางเขาคงจะกักตัวนางต่ออีกสัก 3-4 วัน
ภายใต้ร่างบอบบางใครเล่าจะรู้ว่านางช่างเหมือนจิ้งจอกสาวในคราบเทพเซียนสวยงดงาม นางเป็นศิษย์หัวไวสอนเพียงไม่นานนางก็จดจำได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งนางนั้นช่างอ่อนหวานและเร่าร้อนในคราวเดียวกัน จนเขาเผลอจับนางกินเสียทุกครายามที่สัมผัสกายนาง
ยามเฉิน (07.00-8.59 น.) ของวันที่ 3 บานประตูที่เคยปิดสนิทกำลังเปิดออกด้วยมือของท่านประมุขที่ยามนี้ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนทุกครา แต่หากไม่สังเกตให้ดีจะไม่เห็นว่านัยน์ตาคมมีประกายความสุขล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“ซิ่นหวาไม่ต้องรบกวนนาง ปล่อยให้นายหญิงของเจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ เมื่อตื่นแล้วให้คนไปตามข้า พ่อบ้านม่านจัดเตรียมยาและอาหารบำรุงร่างกายไว้ให้พร้อม” จ้าวหยางหลงสั่งทันทีโดยไม่ลืมหันไปกำชับให้เตรียมของบำรุงร่างกายไว้ให้นาง
“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสองตอบรับสั้นๆ และออกไปทำหน้าที่ตนเองทันที
จ้าวหยางหลงก้าวไปยังห้องทำงานของตนเพื่อสะสางงาน และสำรวจบัญชีของกิจการทั้งหลายที่เขามีครอบครองอยู่ทั่วทุกแคว้นไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยม หอค้าข่าว หอโคมเขียวที่ที่ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง สำนักคุ้มภัย ทุกกิจการมีไว้เพื่อสืบข่าวความลับสำคัญของแต่ละแคว้น โดยเลือกรับงานเฉพาะเช่นกำจัดขุนนางเลว กลุ่มโจรที่ออกปล้นชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าจากกองคาราวาน แต่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
“อืม…” เสียงขยับตัวบนเตียงเรียกให้ซิ่นหวาที่นั่งรอปรนนิบัตินายหญิงลุกขึ้นประคองร่างที่อยู่บนเตียง
“พี่ซิ่นหวานี่ยามใดแล้ว” โม่ลี่เอ่ยถามพลางยกมือบังแสงที่ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามา
“ต้นยามอู่ (11.00-12.59 น.) แล้วเจ้าค่ะ”
“ตายจริง เหตุใดไม่ปลุกข้าเจ้าคะ” โม่ลี่อุทานอย่างตกใจ
“ท่านประมุขอยากให้นายหญิงพักผ่อนสั่งห้ามรบกวน ท่านประมุขตอนนี้อยู่ในห้องทำงานเจ้าค่ะ” ซิ่นหวาเอ่ยตอบพลางมองใบหน้าที่แดงก่ำของนายหญิงก็ให้ยิ้มอย่างสมใจ อดนึกถึงคุณชายน้อยคุณหนูน้อยที่อาจถือกำเนิดขึ้นในครรภ์ของนายหญิงตอนนี้แล้วก็เป็นได้
“พี่ซิ่นหวาข้าอยากอาบน้ำ” โม่ลี่รู้สึกเขินอายกับรอยยิ้มคนตรงหน้านัก
“ข้าเตรียมน้ำอาบให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดี”
“อืม” โม่ลี่รับคำสั้นๆ ก็เข้าไปอาบน้ำเพียงคนเดียวโดยไม่ยอมให้ซิ่นหวาตามเข้าไปปฏิบัติดั่งเก่า หากให้เข้าไปนางก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด พี่หลงก็ช่างประทับตราสีกุหลาบเกือบทั่วร่างยังดีที่รอยพวกนี้อยู่ในร่มผ้า มิฉะนั้นนางไม่อยากจะคิดเลย
หลังจากใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เข้าปลายอู่ (ราว 12.30 น.) หลังจากเดินออกมาจากฉากกั้นก็เห็นร่างของผู้เป็นสามียืนรออยู่ สองสายตาประสานแต่เป็นนางที่ต้องแสร้งหลบสายตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นด้วยความอาย ก่อนจะก้าวไปหาเขาอย่างรักษาระยะห่างเพียงช่วงแขนด้วยกลัวว่าเขาจะจับนางกินเหมือน 3 วันที่ผ่านมา
“หึหึ…อาบน้ำเสร็จแล้วรึพี่กำลังจะเข้าไปตามเจ้าอยู่พอดี เฮ้อ…ช่างน่าเสียดาย” จ้าวหยางหลงเห็นดังนั้นก็ตั้งใจหยอกเย้าเมื่อเห็นใบหน้านางมีรอยแดงจางๆ อีกทั้งยังกล้าหลบตาเขาอีก
“ท่านนี่ช่าง…” นางหันขวับทันทีที่ได้ยินคำเย้านั้นก็ให้สบเขากับตาคมที่กำลังมองนางอย่างหวานเชื่อม
“พี่ทำไมรึ” เขาก็ยังแกล้งนางต่อ
“เฮ้อ…พี่หลงลี่เอ๋อร์หิวแล้วเจ้าค่ะ” นางคร้านจะต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าเพราะไม่แคล้วจะเป็นนางที่พ่ายแพ้ให้แก่เขา
“พี่ให้พ่อบ้านจัดเตรียมสำรับไว้รอเจ้าเรียบร้อยแล้วไปกันเถิด” เมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้นเขาก็อยากจะขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ พลางขยับกายเข้าใกล้นางเพื่อไปยังศาลาในสวนดอกไม้ที่มีสำรับจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
กาลเวลาผ่านผันไป 6 เดือนทั้งสองใช้ชีวิตคู่ดั่งเงาของกันและกันท่ามกลางความสุขและเรียบง่าย นางแวะไปหาท่านตาท่านยายในหมู่บ้านอวี้ฟงเดือนละครั้ง เพราะท่านทั้งสองไม่ยอมตามใจนาง ท้ายที่สุดเมื่อ 2 เดือนก่อนจ้าวหยางหลงเข้าไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมจนท่านทั้งสองตอบรับและย้ายกันมาอยู่ที่เรือนอีกฟากหนึ่งที่เขาสั่งให้คนทำไว้ให้คนทั้งสองตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามา
หากวันใดพี่หลงติดงานนางมักจะมาพูดคุยกับท่านตาท่านยายเสมอ หรือไม่ก็เข้าครัวเพื่อทำอาหารให้พี่หลงได้ทาน โดยไม่ลืมที่จะทำให้ท่านตาท่านยายและคนในพรรคทั้งที่ลับและที่แจ้งได้ทานกันถ้วนหน้า หัวหน้าพ่อครัวจะเป็นผู้จดสูตรอาหารและขั้นตอนการปรุงอย่างละเอียดเพื่อที่จะทำให้ท่านประมุขและนายหญิงได้ทานในครั้งหน้า
“พี่ซิ่นหวาข้าอยากกินผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) เหลียงอู้ (ชมพู่) เฉ่าเหมย (สตรอเบอร์รี่)” ร่างบางที่นั่งเพลิดเพลินอยู่ในศาลาริมน้ำพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“นายหญิงรอสักครู่นะเจ้าคะ” ซิ่นหวารับคำแล้วรีบไปยังครัวเพื่อนำผลไม้ที่ระยะนี้นายหญิงโปรดปรานทานอยู่ทุกวัน
“มาแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากหายไปราว 2 จิบชา (6 นาที) เสียงของซิ่นหวาก็ดังขึ้น
“น่ากินจัง พี่ซิ่นหวามาทานกับข้าดีหรือไม่” โม่ลี่เอ่ยชักชวนอีกฝ่าย
“เชิญนายหญิงเถิดเจ้าค่ะ” ซิ่นหวาปฏิเสธดั่งเช่นเคย
จางโม่ลี่พยักหน้ารับแต่ก็ยังยื่นผลไม้ให้หญิงสาวที่คอยปฏิบัตินางเช่นเคยเหมือนทุกครา สตรีอีกนางมองมือที่มีผลไม้ยื่นมาให้ตนทั้งสายตาบังคับก็ได้แต่จนใจรับผลไม้นั้นเข้าปากอย่างเสียมิได้ เพียงไม่น้อยผลไม้ในจานก็หมดลงก็นั่งชมบรรยากาศเบื้องหน้าอย่างสบายใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยถามสตรีตรงหน้า
“จริงสิ พี่ซิ่นหวาวันนี้พี่หลงไปไหนหรือเจ้าคะ”
“เห็นว่ามีงานต้องรีบสะสางเจ้าค่ะ”
“อันตรายหรือไม่”
“นายหญิงโปรดวางใจไม่อันตรายอันใดเลยเจ้าค่ะ ท่านประมุขเพียงแค่ไปดูกิจการเท่านั้น”
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็วางใจ” โม่ลี่ยิ้มเบาใจพลางนั่งชมบรรยากาศรอบด้านอย่างเพลิดเพลิน
หอค้าข่าวในแคว้นเฟิง
จ้าวหยางหลงหลังจากลงมาจากหุบเข้าทมิฬก็มุ่งไปยังหอค้าข่าวทันที เพื่อรอฟังรายงานจากคนที่ให้ไปสืบประวัติเรื่องราวสตรีในรูปภาพว่าเป็นมารดาของสตรีอันเป็นที่รักจริงอย่างที่เขาคาดไว้หรือไม่
“ว่ามา”
“เรียนท่านประมุขหลังจากที่ข้าตามสืบเรื่องราวย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ได้ความว่าสตรีในภาพอาจเป็นมารดาที่แท้จริงของนายหญิงขอรับ เพียงแต่ท่านประมุขจะต้องเป็นคนพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตนเองถึงจะรู้แน่ชัดขอรับ”
“อืม…อย่างไรจงเล่ามาให้ละเอียด” ดวงตาคมนิ่งแฝงแรงกดดันแผ่ออกมาน้อย
“บุตรีคนเล็กของตระกูลหงมีปานแดงรูปโม่ลี่ฮวาอยู่ที่ฝั่งซ้ายด้านหลังไหล่ของนางขอรับ”
“อืม…เป็นนาง” เขาหลับตาลงคิดถึงผิวกายนางหลังจากที่เขาสำรวจทุกตารางนิ้วก็พบกับปานสีแดงรูปโม่ลี่ฮวาจริง จ้าวหยางหลงครางรับเบาๆ กับตนเอง
“เล่าต่อว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในวันนั้น แล้วนางหายไปที่ใด” จ้าวหยางหลงพูดต่อ
“นายหญิงเมื่อก่อนออกเดินทางร่อนเร่ไปทั่วขอรับ ส่วนมากมักจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ อำพรางตัวเป็นเด็กชายเนื้อตัวมอมแมม จนท้ายที่สุดมาอยู่ในหมู่บ้านอวี้ฟงอาศัยอยู่กับท่านตาและท่านยายตระกูลจางขอรับ” โดยเงากำลังเล่าเหตุการณ์ที่ตามสืบมาอย่างละเอียดไม่ตกหล่น เขาใช้เวลาในการติดตามเรื่องนายหญิงในวัยเยาว์อย่างยากลำบากเสียยิ่งกว่าสืบเรื่องของตระกูลหงเสียอีก
“แล้วใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“เป็นสกุลหงสายรองขอรับ หลังจากผู้นำคนก่อนได้แบ่งทรัพย์สินให้แต่ละฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน แต่หงฮุ่ยหวงเกิดความไม่พอใจจึงได้ว่าจ้างกลุ่มคนมีฝีมือลอบทำร้ายบิดามารดาและนายหญิงโดยให้ทำเป็นอุบัติเหตุฆ่าชิงทรัพย์ขอรับ”
จ้าวหยางหลงสะบัดมือเงาก็หายตัวไป พลางครุ่นคิดเรื่องราวของนางอย่างเงียบๆ เขาควรจะทำเช่นไรดี เพราะคนทั้งคู่มิได้ตั้งใจทอดทิ้งนางให้ต้องตกระกำลำบากแต่เป็นเพราะความจำเป็น ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ยังไม่ลดละพยายามจะตามหานางให้พบ หรือเขาจะส่งเทียบเชิญคนตระกูลหงมาที่นี่ดี