ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 19
จางโม่ลี่ยืนมองถ้วยชาที่ว่างเปล่า นางไม่รู้ว่าต้องใช้โลหิตมากน้อยเท่าใดและอีกอย่างที่นางไม่รู้คือต้องผสมร่วมกับยาแก้พิษด้วยหรือเปล่า แต่ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิดสิ่งรอบกายนางกลับหยุดนิ่งคล้ายกับเวลาหยุดเดิน
“นังหนู” เสียงเรียกสั้นๆ แต่ว่าคุ้นเคยทำให้สตรีเพียงหนึ่งเดียวในห้องหันมา
“ท่านเทพแห่งชะตา” โม่ลี่เบิกตากว้างตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอชายชราตรงหน้าอีก
“ใช่…ข้าเอง ข้ามีเวลาไม่มากนัก เจ้าจงฟังให้ดี หนึ่งโลหิตของเจ้าสามารถใช้แก้พิษโดยที่ไม่ต้องผสมสมุนไพรชนิดใดลงไปใช้ประมาณครึ่งถ้วยชาเท่านั้น สองแม้ร่างกายเจ้าจะสามารถต้านพิษทุกชนิดในใต้หล้า แต่ก็ยังคงเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็เพียงแค่หนึ่งเค่อ (15 นาที) แต่จะเจ็บปวดแค่ไหนก็แล้วแต่พิษที่เจ้าได้รับมา” เทพแห่งชะตาบอกสิ่งที่นางต้องรู้
“มีอะไรจะถามข้าอีกหรือไม่” เทพแห่งชะตายังคงถามต่อ
“เหตุใดโลหิตข้าจึงเป็นสีทองเจ้าคะ หากผู้ใดล่วงรู้คาดว่าข้าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจได้”
“ฮ่าฮ่า เป็นเพราะเจ้าหลงลืมพรของข้าทั้งคิดจะปลิดชีพตน ข้าจึงต้องเตือนสติในสิ่งที่เจ้าลืมเลือนอย่างไรเล่า เจ้ามิต้องกังวลโลหิตเจ้าจะเป็นสีแดงเฉกเช่นคนทั่วไป โลหิตจะเปลี่ยนเป็นสีทองก็ต่อเมื่อเจ้ายินยอมและเต็มใจที่จะรักษาพิษให้กับคนผู้นั้น หากเจ้าถูกบังคับมันจะกลายเป็นพิษดับชีพคนผู้นั้นทันที บุรุษผู้นี้คือบุพเพของเจ้าจงรักและถนอมกันและกันให้ดี ข้าต้องไปแล้วหมดหน้าที่ข้าซะที” พูดจบก็สลายกลายเป็นควันสีขาวทุกสิ่งรอบกายกลับมาเป็นปกติ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” จางโม่ลี่เอ่ยขอบคุณฝากสายลมไปถึงเทพแห่งชะตาหวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้
หลังจากเทพแห่งชะตาจากไป จางโม่ลี่นำมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะกรีดเข้าที่ฝ่ามือบางจนเป็นแผลใหญ่ นางกำมือแน่นก่อนจะเค้นโลหิตที่เป็นสีทองอร่ามหยดลงบนถ้วยอย่างใจเย็นจนได้ปริมาณที่ต้องการ และปิดบาดแผลด้วยผ้าสะอาดเพื่อห้ามโลหิตที่กำลังไหลอยู่กลางฝ่ามือ ถือถ้วยชาอย่างถนอมเดินตรงไปหาร่างที่นอนอยู่บนเตียง ประคองศีรษะไว้ในอ้อมกอดก่อนจะจรดโลหิตสีทองในถ้วยเข้าปากหนาของสามีอย่างระมัดระวังจนหมดถ้วย
“พี่หลงตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านหลับนานไปแล้วนะ หากไม่ตื่นมาข้าจะไปมีสามีใหม่นะเจ้าคะ” โม่ลี่พยายามเรียกและขู่สามีของนางไปด้วย
“อั๊ก…อั๊ก…พรวด…จะ…เจ้า…” จ้าวหยางหลงได้ยินเสียงหวานแฝงไว้ด้วยความห่วงใย เสียงที่เขาคิดถึงเสียงที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอีกจึงพยายามลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ก่อนจะกระอักโลหิตสีดำจำนวนมากออกมาและหมดสติไปอีกรอบ
“พี่หลง!!” โม่ลี่ตกใจกับกองเลือดที่พุ่งออกจากปากสามี
จางโม่ลี่รีบประคองร่างหนาในอ้อมกอดให้กลับมานอนเช่นเดิมก่อนจะเช็ดทำความสะอาดคราบโลหิตสีดำที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและเนื้อตัวเสียใหม่ และก้าวออกไปให้ซิ่นหวาตามท่านหมอมาดูอาการโดยด่วน เพียงไม่นานท่านหมอก็มาพร้อมกับซิ่นหวา
“เชิญท่านหมอตรวจดูอาการท่านประมุขด้วยเจ้าค่ะ” โม่ลี่รีบเอ่ยชวนหมอชราด้านหน้าทันที
“ขอรับนายหญิง” หมอชราก้าวเท้าไปยังตั่งเตียงขนาดใหญ่ที่มีร่างท่านประมุขนอนนิ่งอยู่บนนั้น
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร” มือเหี่ยวย่นของหมอชราจับเข้าที่ชีพจรของชายหนุ่มเพื่อตรวจหาพิษแต่ก็ต้องเบิกตากว้างขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างข้องใจ เพราะบัดนี้ในร่างกายของท่านประมุขปราศจากพิษกร่อนวิญญาณเหลือแต่เพียงต้องบำรุงร่างกายเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะท่านหมอ” โม่ลี่ถามอย่างตกใจทั้งที่สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มมีเลือดฝาด
“มะ…ไม่มีอะไรขอรับ ร่างกายท่านประมุขตอนนี้ไม่มีพิษหลงเหลืออยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทานยาบำรุงร่างกายสักอาทิตย์ก็จะกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม” ท่านหมอตอบให้อีกฝ่ายคลายกังวลทั้งอยากรู้ว่านายหญิงแก้พิษกร่อนวิญญาณด้วยวิธีใด
“อ่อ” หมอชราอยากจะเอ่ยถามแต่ก็มิกล้าที่จะถามออกไปมีแต่เสียงอึกอักในลำคอ
“มีอะไรหรือท่านหมอ” โม่ลี่สงสัยท่าทางอึกอักของอีกฝ่ายจึงถามขึ้น
“อ่อ…นายหญิงท่านบอกได้หรือไม่ว่ารักษาประมุขด้วยวิธีใด” เมื่อได้ยินสิ่งที่นายหญิงถามเขาจึงตัดสินใจถามอีกฝ่ายทันที
“ขออภัย ตัวข้ามิอาจบอกได้ว่าใช้วิธีใดในการรักษาท่านประมุข” โม่ลี่ขอโทษอีกฝ่าย นางไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะจัดเทียบยาบำรุงต้มให้ท่านประมุขดื่มสามเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ก็จะดีขึ้นขอรับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วท่านประมุขจะรู้สึกตัวเมื่อใดเจ้าคะ” นางถามเพราะสามีสลบไปอีกรอบหลังจากกระอักโลหิตออกมา
“น่าจะประมาณอีก 2 ชั่วยาม (4 ชั่วโมง) ก็คงจะฟื้นขึ้นมาอย่าได้กังวล ข้าจะขอตัวไปต้มยาก่อนนะขอรับ” ว่าจบหมอชราก็ขอตัวออกไปทำหน้าที่ของตนแต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไปก็ได้ยินเสียงตกใจของซิ่นหวาเสียก่อน
“ว้าย!!…นายหญิง” ซิ่นหวารีบรับตัวนายหญิงของตนที่ตอนนี้เป็นลมล้มพับอยู่ในอ้อมแขนของนาง ประคองร่างผอมซูบขึ้นไปนอนเคียงข้างกับผู้เป็นนาย
“ท่านหมอมาดูอาการนายหญิงก่อนเถิด” ซิ่นหวาตะโกนเรียกท่านหมอที่เดินไม่ถึงประตู
“เฮ้อ!!…นายหญิงไม่เป็นอันใดมาก นางแค่อ่อนเพลียและทานข้าวน้อยจึงเป็นลมไปเท่านั้น ทานยาบำรุงสัก 2-3 วันก็หายดี ส่วนบาดแผลที่ฝ่ามือข้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นายหญิงมีแผลที่ฝ่ามือได้อย่างไร” หมอชราบอกอาการนายหญิงให้แก่ซิ่นหวาที่ยืนฟังอยู่ด้านข้าง และเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เมื่อครู่ก่อนนายหญิงจะออกมาข้าได้ยินเสียงของแตกจากด้านใน อาจจะถูกบาดเข้าก็ได้กระมั้ง” ซิ่นหวาขมวดคิ้วสงสัยเช่นกัน
“อืม เช่นนั้นข้าไปต้มยาก่อนละ ฝากเจ้าดูท่านประมุขและนายหญิงด้วย”
“ได้” ซิ่นหวาตอบสั้นๆ
หลังจากท่านหมอไปและนางได้จัดแจงท่านอนให้ทั้งสองในท่าสบายแล้ว จึงรีบก้าวออกจากห้องเพื่อบอกกับผู้อาวุโสและพวกพ้องในพรรคที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าเรือน และบรรดาสหายเงาของนางที่แฝงตัวอยู่โดยรอบเพื่อรอฟังข่าว
“ท่านประมุขปลอดภัยแล้ว นายหญิงขจัดพิษออกจนหมด เหลือเพียงต้องทานยาบำรุงร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ แยกย้ายกันไปทำงานของตนได้แล้ว” ซิ่นหวาตะโกนแจ้งข่าวดีให้ทุกคนรับทราบก่อนจะให้แยกย้ายกันไป
หลังจากที่ซิ่นหวาและทุกคนออกไป คนที่คิดว่าหลับกลับลืมตาตื่นขึ้นพลิกตัวตะแคงด้านข้างทองมองร่างบางที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติ ดวงตาคมดุสั่นไหวลอบสำรวจสตรีตรงหน้าที่บัดนี้ดูซูบผอมจนน่าตกใจ ทั้งรอยช้ำใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจนทำเอาใจสั่นระรัวด้วยความเสียใจที่เขาเป็นสาเหตุให้นางเป็นเช่นนี้
“ทะ…ท่าน…” ซิ่นหวาหลังจากที่แจ้งให้ทุกคนรับทราบก็เข้ามาภายในห้องเพื่ออยู่ดูแลท่านทั้งสองแต่แล้วก็ต้องชะงักเบิกตากว้างดีใจ เมื่อพบผู้เป็นนายกำลังทอดมองนางและส่งสัญญาณให้ออกไป นางจึงรีบถอยออกมาและปิดประตูให้อย่างเบามือ
“ลี่เอ๋อร์ พี่กลับมาหาเจ้าแล้ว” จ้าวหยางหลงจุมพิตเข้าที่หน้าผากนวลเนียนแต่ทว่ากลับซีดเซียวด้วยความรักและคิดถึง ในขณะที่ร่างกายต้องพิษตัวเขาเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นซ้ำยังทรมานเพราะพิษเจียนขาดใจ บางครั้งเขาได้ยินเสียงอันเศร้าสร้อยของนางเรียกหาทวงคำสัญญาจากเขาก็ให้เจ็บปวดใจนัก แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถฝืนร่างกายที่อ่อนแอตอนนั้นได้
จ้าวหยางหลงยังคงมองสตรีตรงหน้าด้วยความรักมือหนายกขึ้นไล่ผิวกายนางเบาๆ จากหน้าผากกลมนู้นลงมาเรื่อยๆ จนถึงริมฝีปากบางสวยได้รูป แต่ทว่าขณะนั้นเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ เสียงที่ทำเอาเขาต้องรีบลืมตาขึ้นมา
“หึหึ…ตัวแค่นี้ริอาจข่มขู่สามีแล้วหรือลี่เอ๋อร์ เจ้ากล้าเกินไปแล้ว” จ้าวหยางหลงรู้สึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลังจากที่เขารู้สึกถึงของเหลวที่มีกลิ่นดอกโม่ลี่ในลำคอเขาก็เริ่มรู้สึกตัวได้ยินเสียงหวานที่เอ่ยเรียก เขาพยายามที่จะลืมตามอง และประโยคที่นางใช้ข่มขู่ว่าจะหาสามีใหม่หากเขาไม่ยอมตื่น ทำเอาเขาแทบจะระเบิดโทสะเสียให้ได้
“รอให้หายดีก่อนเถอะพี่จะลงโทษเจ้าไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย ฮึ่ม!!” ว่าจบจ้าวหยางหลงก็โอบรัดนางในอ้อมกอดผล็อยหลับไปอีกครา