ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 20
ยามซื่อ (9.00-10.59 น.) ร่างผอมซูบบนเตียงเริ่มขยับตัวหลังจากที่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ นางจำได้ว่าหลังจากที่คุยถึงอาการของพี่หลงเสร็จก็รู้สึกโล่งใจว่าสามีนางปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าในนาทีต่อมาภาพตรงหน้ากับดำมืดไปหลังจากนั้นนางก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย
“ตื่นแล้วหรือ” หยางหลงเห็นคนตรงหน้าที่กำลังนอนขมวดคิ้วจนยับยู่ยี่เหมือนกำลังคิดสิ่งใดอยู่ โดยไม่สังเกตเห็นเขาแม้แต่น้อยพลางเอานิ้วจิ้มไปที่กลางหน้าผากมน
“อะ…พี่หลงท่านฟื้นแล้ว ฮือ…” เสียงที่อบอุ่นคุ้นเคยทำเอาโม่ลี่เบิกตากว้างด้วยความดีใจโถมตัวขึ้นกอดรั้งอีกฝ่ายแน่นอย่างลืมอายทั้งร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ไม่ร้องนะคนดี พี่กลับมาหาเจ้าแล้ว” หยางหลงสวมกอดตอบนางแน่นเอามือลูบหัวนางอย่างปลอบขวัญ
หลังจากปลอบนางครู่ใหญ่ จ้าวหยางหลงก็ผละออกจากนางมองอย่างคาดโทษที่นางมิสนใจดูแลตนเองจนล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ แม้จะโทษนางแต่ความผิดจริงๆ ก็ไม่พ้นตัวเขาเองที่ประมาทเลินเล่อจนตนเองต้องพิษได้รับบาดเจ็บทำให้นางเป็นห่วงจนมีสภาพเช่นนี้
“พี่หลงเจ็บที่ใดบ้างหรือไม่เจ้าคะ” โม่ลี่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เลยพี่ไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ใด ทั้งรู้สึกสดชื่นไม่น้อย” หยางหลงตามตามจริงหลังจากที่ตื่นมาอีกครั้งเขากับรู้สึกสดชื่นร่างกายแข็งแรง มิได้อ่อนเพลียดั่งที่ควรจะเป็นก็ให้รู้สึกสงสัย
“ดีแล้วเจ้าค่ะ” นางยังคงตอบ “หรือว่าจะเป็นผลจากโลหิตของนาง” โม่ลี่คิดในใจ เพราะสามีนางมิได้มีท่าทีอ่อนเพลียให้เห็นแม้แต่น้อย
“ลี่เอ๋อร์ต่อไปอย่างทำเช่นนี้อีก” หยางหลงที่เงียบไปก็เอ่ยกับสตรีตรงหน้าพร้อมสายตาคาดโทษ
“ทำอะไรเจ้าคะ?” โม่ลี่ถามอย่างสงสัยนางทำอันใดผิดกัน
“ยังจะถามอีกหรือ เหตุใดเจ้าถึงไม่ดูแลตนเองบ้าง” หยางหลงยังคงตอบพลางยื่นคันฉ่องให้นาง
“เอ่อ!!…” หลังจากที่ได้ฟังคำตอบนางก็รับคันฉ่องสำรวจตนเองทันทีก็ต้องตกใจ เหตุใดนางจึงมีสภาพไม่น่าดูเยี่ยงนี้
“เฮ้อ…ลี่เอ๋อร์ขอโทษเจ้าค่ะ เพราะข้ามัวแต่เป็นห่วงท่านจึงมิได้ใส่ใจดูแลตนเองให้ดี” นางก้มหน้ารู้สึกผิด
“อย่าทำเช่นนี้อีก ถึงจะเป็นห่วงพี่เช่นไรก็ควรนึกถึงตัวเองด้วยเข้าใจหรือไม่”
“จะ…จ๊อกก!!…” ยังมิทันได้เอ่ยตอบดี เสียงท้องที่ร้องออกมาทำเอานางต้องก้มหน้าด้วยความอับอาย
“ฮ่า…ฮ่า…ดูท่าเจ้าคงจะหิวมาก เจ้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิด พี่จะให้คนไปเร่งพ่อครัวจัดสำรับให้เจ้าโดยเร็ว” เสียงหัวเราะทำเอาโม่ลี่หน้าแดงก่ำด้วยความอับอายอีกรอบ
“เจ้าค่ะ” รับคำสั้นๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังห้องด้านหลังที่มีฉากกั้นสำหรับอาบน้ำ
หลังจากจางโม่ลี่ไปแล้วจ้าวหยางหลงก็ก้าวออกจากห้องเพื่อสั่งงานลูกน้อง ทั้งเรียกซิ่นหวาไปยังห้องทำงานเพื่อสอบถามเรื่องราวตลอด 20 กว่าวันที่เขานอนเจ็บอยู่บนเตียงมีสติเพียงบางขณะ ร่างหนานั่งนิ่งฟังซิ่นหวารายงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องรวมถึงเรื่องที่นางรักษาเขาจากพิษและนางคิดปลิดชีพตนตามเขาไปด้วย ก่อนจะสะบัดมือให้อีกฝ่ายออกไป
“ปัง…โครม” เสียงที่ตามมาคือโต๊ะหยกเขียวขนาดใหญ่หักสลายเป็นเศษผงด้วยฝ่ามือที่แฝงปราณเอาไว้อย่างเข้มข้น มือหนากำเข้ากันแน่นรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งใจ พลางคิดหากนางไม่สามารถรักษาเขาจนฟื้นขึ้นมาได้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้เขาจะจากไปแต่ก็ปรารถนาจะให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไม่หวังให้นางติดตามเขาไป
ครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) ต่อมาร่างซูบผอมถูกผู้เป็นประมุขโอบอุ้มมิให้เดินเองด้วยกลัวว่านางจะล้มพับไปตามแรงลมเสียก่อนที่จะถึงเรือนหลิ่งเฟินที่ตอนนี้พ่อบ้านม่านจัดเตรียมอาหารไว้คอยท่าแล้ว
“พี่หลงปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ” โม่ลี่ทุบอกประท้วงน้อยๆ
“ไม่พี่กลัวว่าหากเจ้าเดินเองพรุ่งนี้ก็คงไม่ได้กิน”
“แต่ข้าอายนะ”
“เจ้าก็ซบหน้ากับอกพี่เสียก็ไม่อายผู้อื่นแล้วลี่เอ๋อร์” หยางหลงยังคงเย้าก่อนจะรีบเร่งฝ่าเท้าไปยังจุดหมายทันที
“ขอบคุณเจ้าค่ะ อะ…ซี๊ด…” หลังจากที่สามีวางนางบนเก้าอี้เรียบร้อยก็เอ่ยขอบคุณ กลิ่นอาหารที่ปะทะเข้ากับจมูกลืมสิ่งที่จะต่อว่าอีกฝ่ายจนสิ้น ก่อนจะรีบคีบอาหารให้อีกฝ่ายก็ต้องสะดุ้งเบาๆ กับผ้าพันแผลที่ฝ่ามือ
“มือเจ้าไปโดนอะไรมาลี่เอ๋อร์” หยางหลงรีบคว้าข้อมือนางพลางเปิดผ้าพันแผลขึ้นเล็กน้อยจึงเห็นรอยกรีดเป็นทางยาวที่ฝ่ามือบาง
“เอ่อ” นางไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายเช่นไรได้แต่อึกอักในลำคอ
“ตอบ!!” หยางหลงหลังจากที่สงบอารมณ์ไปได้พักหนึ่งก็ต้องมีโทสะอีกรอบกับรอยแผลที่ปรากฏอยู่บนกลางฝ่ามือนาง จนเผลอตวาดนางอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยกลัวว่าจะเป็นบาดแผลที่นางคิดทำร้ายตนเองจนลืมว่าแผลแค่นี้ไม่สามารถทำให้คนตายได้
“ขะ..ข้า…โอ๊ย…พี่หลงปล่อยมือข้าๆ เจ็บ” โม่ลี่น้ำตาคลอพยายามดึงมือออกจากมือแกร่งที่บีบข้อมือนางแน่นจนเลือดที่คิดว่าหยุดไปแล้วทะลักออกมาอีกครา
“พี่ขอโทษเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” จ้าวหยางหลงก้มมองมือที่ตนเผลอจับไว้แน่นด้วยแรงโทสะก่อนจะรีบคลายแรงบีบออกอย่างรู้สึกผิดและโทษตนเองที่เผลอทำร้ายนางให้เลือดออกอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกระชากนางเข้ามากอดไว้แน่น ก่อนจะสั่งซิ่นหวาให้รีบไปตามหมอดูอาการนาง
“พี่ขอโทษที่เผลอรุนแรงกับเจ้า อย่าได้โกรธเคืองพี่เลยนะคนดี” หยางหลงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด หลังจากหมอทำแผลให้นางและจากไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้โกรธท่าน แต่ข้าเคยบอกท่านให้รู้จักใจเย็นลงบ้างมิใช่หรือเจ้าคะ” โม่ลี่ยังคงใจเย็นแม้นางจะรู้สึกเคืองอยู่บ้างทั้งยังเตือนสติสิ่งที่นางเคยบอกก็เขาไว้
“ตอนนั้นเจ้าอึกอักมิยอมตอบ ทั้งมีบางสิ่งทำให้พี่คิดว่าเจ้าลงมือทำร้ายตนเอง แล้วเจ้าจะตอบพี่ได้ยังว่าฝ่ามือเจ้าไปโดนอะไรมา”
“ข้าว่าที่นี่คงไม่สะดวกที่จะคุยกันเรื่องนี้” โม่ลี่มองไปรอบๆ ก่อนจะบอกชายหนุ่มให้เข้าใจ นางไม่อยากปกปิดสิ่งใด หากเขารับได้ก็ดี แต่หากเขารับไม่ได้เห็นนางเป็นปีศาจร้ายนางก็จะยอมไปแต่โดยดีมิคิดยื้อถึงแม้ว่าจะรักเขามากเพียงใดก็ตาม
“อืม พี่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเราทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที มาพี่ป้อนเจ้าเอง” หยางหลงคีบอาหารให้นางอย่างบังคับ พลางมองมือที่ปรากฏเป็นรอยเขียวช้ำก็อยากจะตัดมือของตนข้างที่ทำร้ายนางเสียให้ได้
“ข้าว่า…” ยังไม่ทันจะพูดจบจ้าวหยางหลงก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ให้พี่ป้อนเถอะคนดี มือเจ้าคงเจ็บไปอีกหลายวันรีบทานข้าวจะได้รีบทานยา” หยางหลงคะยั้นคะยอเป็นผู้ป้อนให้กับนางอย่างตั้งใจ
“เจ้าค่ะ” โม่ลี่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่จนใจ เปิดปากรับอาหารที่อีกฝ่ายป้อนเข้าปากนางเรื่อยๆ จนอิ่มในที่สุด
หลังที่ทานข้าวกันเสร็จจ้าวหยางหลงก็จูงมือน้อยมายังเรือนเจียวอ้ายเป็นเรือนนอนที่เขาสั่งคนสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อไว้เป็นห้องนอนสำหรับเขาและนางก่อนจะปิดบานประตูอย่างเบามือ
“พี่หลงที่นี่คือที่ไหนเจ้าคะ” โม่ลี่มองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยผ้าสีขาวสบายตา บรรยากาศในห้องให้ความรู้สึกสงบร่มเย็นข้าวของตกแต่งไม่ได้มากมายจนดูรกแต่ยังแฝงความเรียบหรูไว้ได้อย่างดี ดวงตาระหงรู้สึกพอใจทำให้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองอยู่รู้สึกดีไปด้วย
“เรือนนี้เพิ่งสร้างเสร็จ พี่ตั้งใจไว้เป็นเรือนนอนของเรา เจ้าชอบหรือไม่” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบอยู่ข้างหูทำให้โม่ลี่อดที่จะเขินอายมิได้
“ชอบเจ้าค่ะ” โม่ลี่ตอบและพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“เจ้าเล่าให้พี่ฟังได้หรือไม่เรื่องแผลที่มือเจ้า ไยจึงดูเป็นความลับนัก” หยางหลงจูงมือน้อยไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อง่ายต่อการสนทนา
“เรื่องที่ข้าจะเล่าให้ฟังอาจทำให้พี่หลงตกใจกลัวข้าก็จะไม่ว่า แต่ทุกอย่างที่ข้าเล่าเป็นความจริงทุกประการ แต่ทว่าข้าไม่อยากมีเรื่องปิดบังท่าน” โม่ลี่ตอบด้วยสีหน้าจริงจังและวิตกกังวลจนจ้าวหยางหลงสัมผัสได้
“ไม่ต้องกลัวอันใด เจ้าอย่าลืมสิว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสองมันเหลือเชื่อกว่าที่ผู้อื่นจะเข้า ” พลางขยับเข้าใกล้นางกุมมือจุมพิตที่ฝ่ามือนางอย่างอ่อนโยน
“บาดแผลที่ฝ่ามือนี้เกิดจากข้าได้กรีดเพื่อนำเลือดมารักษาพิษให้ท่านเจ้าค่ะ” จางโม่ลี่มองหน้าเขาที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งกลิ่นตัวและรวมถึงคุณสมบัติพิเศษของโลหิตนางจนจบ ก็ทอดมองชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งพลางครุ่นคิดบางอย่างในหัว
“เจ้าจะบอกว่าโลหิตของเจ้าสามารถรักษาพิษได้ทั้งหมดใช่หรือไม่ ทั้งร่างกายเจ้าสามารถต้านพิษแต่ก็ยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากพิษได้เช่นนั้นหรือ” หยางหลงถามอีกครั้งให้แน่ใจ
“ใช่เจ้าค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นพรที่ข้าได้รับจากท่านเทพแห่งชะตาก่อนที่จะมาที่นี่”
“อืม ดีจริงที่ท่านเทพชะตามอบพรให้เจ้า ในโลกนี้คนส่วนมากมักใช้พิษทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย พรนี้จะทำให้เจ้าปลอดภัยจากพิษต่างๆ ได้” ดวงตาประกายมีแววดีใจไม่น้อยที่ร่างกายนางสามารถต้านพิษ
“พี่หลงไม่กลัวข้าหรือ”
“ทำไมพี่ต้องคิดเช่นนั้น พี่รักเจ้ายิ่งกว่าตัวพี่เสียอีก ลี่เอ๋อร์เจ้าไม่รู้หรือสิ่งที่พี่กลัวที่สุดคือกลัวว่าจะไม่มีเจ้าอยู่ข้างกาย” หยางหลงตอบคำถามนาง
“แต่เจ้ามีความผิดติดตัวรู้หรือไม่”
“อะไรหรือเจ้าคะ”
“หากเจ้าช่วยพี่ไม่ได้ คิดจะปลิดชีพตนเองใช่หรือไม่” ดวงตาคมดุมองอย่างคาดโทษ
“ทะ…ท่านรู้”
“ใช่พี่รู้ จงจำไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ เจ้าจงดูแลตนเองให้ดีอย่าได้คิดทำเช่นนี้อีก สิ่งที่พี่ปรารถนาคืออยากเห็นเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเจ้าค่ะ”
“พี่จะทำโทษเจ้า” จ้าวหยางหลงพูด
หลังจากได้ยินเช่นนั้นจางโม่ลี่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์หูตาแพรวพราวท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยจนนางต้องแสร้งผินหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา “ตาย…ตายแน่ดอกแก้วเอ๋ย” โม่ลี่พลางคิดในใจ
“หึหึ…เจ้าดูแลรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน หลังจากนั้นเตรียมตัวเตรียมใจรับโทษของเจ้าเสียคนดี” หยางหลงเชยคางนางให้หันไปทางเขามองจ้องไปในดวงตากระจ่างที่กำลังตื่นอย่างขบขัน