จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 250
บทที่ 250: มหาวิทยาลัยจักรพรรดิ
โม่ฝานนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปอย่างแท้จริงเมื่อเขามาถึงเมืองจักรพรรดิแล้ว เขาเดินไปรอบๆเมืองเพื่อสํารวจก่อนเป็นอันดับแรก!
ในฐานะของลูกผู้ชายโม่ผ่านย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอะไรง่ายๆถ้าหากว่าสิ่งตอบแทนนั้นไม่คุ้มค่ามากพอขณะนี้เขายืนอยู่บนสันเขาสูงเขายืนมองกําแพงเมืองขนาดใหญ่พร้อมกับทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตาลมหายใจของเขาผ่อนคลายพร้อมกับยืนอยู่อย่างสงบโม่ผ่านรู้สึกว่าขุนเขาตรงหน้านั้นกว้างใหญ่สูงส่งมากกว่าเขาหลายเท่า!
“กําแพงเมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิองค์แรงจิ๋นซีฮ่องเต้ ในคราวแรกมันใช้เพื่อที่จะปกป้องชาวเมืองจากอสูรเวทอย่างไรก็ตามหลังจากที่ประเทศจีนได้ขยายอณาเขตออกไปกําแพงป้องกันที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้กลายเป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กน้อยของเมืองเท่านั้น ท้ายที่สุดมันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแน่นอนว่ากําแพงเมืองจีนนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานเรื่องราวมากมายตั้งแต่โบราณกาลที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ลึกลับซ่อนอยู่..”อาจารย์เฉียวอวฮัวกําลังบอกเล่าประวัติศาสตร์ของกําแพงเมืองจีนนี้แก่นักเรียนของเขาอย่างออกรส
นักเรียนคนอื่นๆดูเรื่อยเฉื่อยราวกับเบื่อหน่ายเรื่องราวเหล่านี้เต็มที่ไม่มีใครสนใจอยากจะฟังเรื่องโบราณพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าใบหน้าของโม่ฝานนั้นแตกต่างจากเด็กเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงมีคําถามมากมายปรากฏขึ้นภายในศีรษะของเขาโม่ผ่านไม่สามารถปิดกั้นปากของตนเองได้จึงเริ่มกล่าวหยอกล้อสิ่งที่อาจารย์เฉียวอวฮัวเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้“เวทมนตร์เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในเวลานั้นงั้นเหรอ? แล้วเช่นนี้นักเวทธาตุดินที่ทรงพลังจะสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาเช่นนี้ได้อย่างไรล่ะเมื่อในอดีตน่ะ?”
“เด็กอย่างเธอจะไปรู้อะไรล่ะ? กษัตริย์ฉินซีหวางนั้นไม่เพียงแต่เป็นราชนผู้ยิ่งใหญ่และเป็นนักยุทธศาสตร์อีกทั้งเขายังเป็นนักเวทธาตุดินที่เก่งกาจและยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราทั้งราชวังและกําแพงเมืองจีนแห่งนี้จําเป็นจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาตร์ตลอดไป! ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ยิ่งเหล่านี้ก็จะ ยิ่งล้ําค่ามากขึ้นเธอคิดว่าวัสดุที่ใช้สร้างกําแพงเมืองจีนนี้สร้างมาจากอะไรงั้นเหรอ? เฮอะ ด้วยระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามโจมตีมันตลอดระยะเวลาสิบวันโดยไม่พักผ่อนแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทําอะไรมันได้แม้แต่พื้นผิวเล็กๆ!” เฉียวอร์ฮัวกล่าวออกมาอย่างมีอารมณ์
โม่ฝานไม่ได้โต้เถียงอะไรกลับไป ถ้าหากว่าเขาลงมือใช้หมัดเพลิงกับกําแพงเมืองจีนตอนนี้แล้วมันเกิดพังทลายขึ้นมาจริงๆมันจะไม่กลายเป็นว่าเขาคือผู้ทําลายประวัติศาสตร์ของประเทศงั้นเหรอ?แล้วเขาจะสามารถแบกรับค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ได้หรือไม่?
“โอ้ งั้นเหรอ สรุปว่าจิ๋นซีฮ่องเต้คนนั้นคือบรรพบุรุษของธาตุดินสินะ…” โม่ผ่านกล่าวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“เฮอะ สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะย่างกรายเข้าไปได้ เธอคิดว่าหลุมศพของเขาถูกสร้างขึ้นจากความยากลําบากของผู้คนงั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดได้ไปพบกันที่ดินแดนแห่งสวรรค์พลัดพรากหรอก!” เฉียวอวฮัวกล่าวต่อ
ดินแดนแห่งสวรรค์พลัดพราก… มันคงจะเป็นสุสานที่อยู่ถัดไปจากเมืองหลวงโบราณในเมืองซีอานมีนักล่าหลายคนเข้าไปที่นั่นเพื่อค้นหาประวัติศาสตร์และอุปกรณ์เวทมนตร์โบราณที่คนรุ่นก่อนได้ทิ้งเอาไว้แต่ทว่าสิ่ง แปลกประหลาดภายในนั้นทําให้นักเวทจํานวนมากหายสาปสูญและไม่สามารถจัดการกับเรื่องราวภายในสถานที่แห่งนั้นได้จบในคราวเดียว
“ในวันพรุ่งนี้เราจะไปกันที่เมืองวิเศษต้องห้าม สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยสมบัติโบราณมากมายแม้กระทั่งทุกวันนี้ยังรอคอยการถูกค้นพบอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่พวกมันก็ยังคงน่าสนใจอยู่เสมอ”เฉียวอวฮัวกล่าวต่อ
นักเรียนทั้งหมดเดินออกไปพร้อมกับอาวุโสเฉียวอวฮัว สีหน้าของทุกคนล้วนแต่เบื่อหน่ายกับการเยี่ยมชมเมืองโบราณต่างๆอย่างมาก ทั้งหมดไร้ซึ่งความสนใจในสิ่งเหล่านี้โดยสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตามกิจกรรมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเข้าร่วมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงถ้าหากว่าใครที่ต้องการจะเป็นนักเวทที่เก่งกาจล่ะก็… คงจะ เบื่อหน่ายกับการวิ่งวุ่นและเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้ทั้งวันอย่างน่าเบื่อหน่ายแน่นอน!
ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตาม ทั้งในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ ก็จะมีประวัติศาสตร์มากมายที่รอการค้นพบแม้แต่ในโลกเวทมนตร์แห่งนี้ด้วยเช่นกัน มันก็ยังมีประวัติศาสตร์ที่เป็นศูนย์ยึดเหนี่ยวซึ่งไม่อาจละทิ้งไปได้
หลังจากที่เดินไปรอบๆเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ โม่ฝานอดคิดไม่ได้ว่าอาวุโสคนนั้นจะให้เขาเขียนเรียงความอะไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่น่าเบื่อพวกนี้หรือไม่…
ช่างโชคดีที่อาวุโสคนนี้ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น เขาเพียงต้องการจะบอกนักเรียนต่างๆให้รับรูไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้น ประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้นไม่เคยเรียบง่าย กําแพงยิ่งใหญ่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากชีวิตของมนุษย์มากมายที่ตายตกไประหว่างการสร้าง คนรุ่นใหม่จําเป็นจะต้องแข็งแกร่งเพื่อสานต่อประวัติศาสตร์เหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ให้ถูกทําลายลงการป้องกันอสูรเวทจากนอกกําแพงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มันได้ทําหน้าที่ของมัน แล้วอย่างสมบูรณ์เหลือเพียงแค่นักเวทรุ่นใหม่ที่จะต้องต่อสู้กับอสูรเวทเหล่านี้ต่อไป!
หลังจากที่เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นภายในเมืองบ่อ หัวใจที่ต้องการปกป้องมนุษยชาติของโม่ฝานได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ เขามองดูประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเหล่านี้แหละสรุปได้ว่าโลกใบเก่าของเขานั้นมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่แก่งแย่งชิงดีและฆ่าฟันกันเองตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามในโลกเวทมนตร์แห่งนี้มนุษย์มักจะคอยปกป้องกันเสมอ น้อยนักที่จะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันในโลกนี้มีเพียงสงครามระหว่างนักเวทกับอสูรเวทซะส่วนใหญ่…
แม้ว่าประวัติศาสตร์ของพวกเขาจะดูคล้ายคลึงกันอย่างมากอีกทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆก็ยังคล้ายกัน แต่ทว่าประวัติศาสตร์ต่างๆนั้นกลับกลายเป็นโลกคู่ขนานสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นโครงสร้างของโลกใบนี้
ภายในโลกเวทมนตร์แห่งนี้สงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรเวทนั้นไม่เคยได้หยุดพัก ใช่.. กําแพงเมืองจีนแห่งนี้จิ๋นซีฮ่องเต้สร้างมันขึ้นเพื่อปกป้องเขตแดนของมนุษย์ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของอสูรกายมากมายด้านนอก
สถาบันต่างๆล้วนแต่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะไม่หยุดยั้งในการสร้างนักเวทรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องประเทศของตน
ในบางที่นักเรียนจํานวนมากนั้นไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นนักเวท แต่ทว่าสิ่งนั้นแตกต่างจากโม่ผ่านโดยสิ้นเชิง เขาได้ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่ในบ้านเกิดของตนเองมาแล้วประสบการณ์ที่เขาได้รับนั้นเจ็บปวด หยั่งรากลึกลงในจิตใจ หลังจากได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแล้วเขารู้ได้ทันทีว่าไม่ควรจะให้อสูรเวทเหล่านั้นย่างกรายเข้ามาในเขตแดนของมนุษย์เป็นอันขาด
การสร้างกําแพงเมืองจีนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ โม่ผ่านคาดเดาได้ว่าเมื่อในอดีตจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายระหว่างมนุษย์กับอสูรเวทอย่างแน่นอน มันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นซึ่งคงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวจนเขาไม่อาจคาดเดาได้
หลังจากที่เดินทางผ่านประวัติศาสตร์มากมายของประเทศจีน พวกเขาทั้งหมดได้มาถึงมหาวิทยาลัยจักรพรรดิเสียที
โม่ฝานยืนมองสถานที่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกว่าคําชมมากมายที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิได้รับและชื่อเสียงล้นพ้นของมันนั้นสมคําร่ําลืออย่างแท้จริง
นี่คือมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศจีน มันแข็งแกร่งและยังคงยืนอยู่บนสุดของทุกสถาบันมาโดยตลอดโดยไม่มีใครสามารถล้มล้างได้
ในแต่ละปีสถาบันเวทมนตร์ต่างๆล้วนมีการแลกเปลี่ยนกันซึ่งเป็นเรื่องปกติอย่างมากที่นักเรียนจากสถาบันต่างๆจะได้ไปแลกเปลี่ยนกับสถานที่อื่นๆ อีกทั้งสถาบันเมิงจู่นั้นเป็นอันดับหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้อันดับเหล่านี้ ไม่ใช่ชื่อเสียงที่มีไว้ประดับเพียงเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่เป็นรองใครการอยู่ในสถาบันเมิงจู่ สามารถทําให้นักเรียนเหล่านี้สามารถเดินยืดอกไปที่ใดก็ได้โดยไม่ตรงเกรงกลัวผู้ใด พวกเขาไม่จําเป็นที่จะก้มหัวให้กับใครทั้งนั้น
แต่อย่างไรก็ตามในความคิดของคู่ฮั่นเขารู้สึกว่าสถาบันของตนเองอับโชคอย่างแท้จริงสถาบันทั้งหมดกว่าเก้าร้อยแปดสิบห้าแห่งและสถานที่ใกล้เคียงกับสถาบันเมิงจู่กว่าสี่สิบแห่งนั้นไร้ประโยชน์ทันทีเมื่อได้คําสั่งให้มาแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิซึ่งเป็นสถาบันอันดับหนึ่งของประเทศคณะกรรมการแห่งสถาบันเพิ่งจู่เมื่อ ได้รู้ว่าจะต้องแลกเปลี่ยนนักเรียนกับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิทุกคนล้วนตกอยู่ในสภาวะโกรธจัดอย่างสุดบรรยาย
สถาบันเมิงจู่นั้นก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมเช่นกันในประเทศแต่ทว่าอย่างไรก็ตามมันยังคงต้องพ่ายแพ้ให้แก่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิอยู่ดีอีกทั้งประวัติศาสตร์ต่างๆของพวกเขายังไม่อาจเทียบเคียงกับอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย!
ในสถานที่แห่งนี้แม้แต่นักเรียนธรรมดาทั่วไปยังมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับศิษย์ในตระกูลใหญ่อัจฉริยะ มากมายสามารถโจมตีคุณให้ราบคาบภายในสิบกระบวนท่าเท่านั้นถ้าหากว่าคุณไม่ได้เกิดมาพร้อมกับตระกูลใหญ่และเต็มไปด้วยพรสวรรค์แต่มายืนอยู่ในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ คุณจะรู้สึกอับอายจนอยากจะแทรกธรณีหนีหายไปเลยทีเดียว!
แน่นอนว่าคณะผู้บริหารของสถาบันเพิ่งจู่รู้สึกกดดันกับเหตุการณ์เช่นนี้อย่างมาก การเป็นอันดับหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางที่พวกเขาจะพูดว่าเกรงกลัวต่อมหาวิทยาลัยจักรพรรดิอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงลงความเห็นกันว่าจะต้องส่งนักเรียนที่โดดเด่นมากที่สุดเพื่อไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิพวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะลบคําสบประมาททั้งหมดทิ้งไปเพื่อสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสองสถาบันแห่งนี้
รายชื่อแรกที่ถูกเขียนลงไปบนกระดาษคือ โม่ผ่าน! อธิการบดีเซี่ยวเขียนชื่อนี้ด้วยมือของเขาเอง!!
โม่ฝานนั้นมีความสามารถที่จะต่อกรกับกลุ่มวาติกันได้อย่างยอดเยี่ยม เขากล้าที่จะกดดันฝ่ายตรงข้ามจนตายตกไปได้อย่างเลือดเย็น ถ้าหากว่าต้องพบเจอกับการกดขี่ข่มเหงจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิโม่ผ่านจะต้องจัดการได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรเด็กเหล่านั้นคงไม่เก่งไปมากกว่าวาติกันแน่การส่งเด็กคนนี้ไปจะเป็นชื่อเสียงให้กับสถาบันอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นอธิการบดีเซียวก็ยังใส่ชื่อของนักเรียนคนอื่นที่ค่อนข้างจะสนิทกับโม่ฝานด้วยเช่นกัน
คนแรกคือจ้าวหม่าหยันซึ่งเป็นรูมเมทของโม่ฝานในก่อนหน้านี้
อีกคนหนึ่งก็คือมู่หนิวเจียวซึ่งพวกเขาแชร์บ้านพักกันอยู่ในขณะนี้
ส่วนอีกคนคือซ่เซียว ซึ่งอาจจะเป็นรูมเมทในอนาคต… เอ่อ แต่ว่าเธอคนนี้ดูเหมือนจะมีอารมณ์รุนแรงลืมไปก่อนแล้วกัน…
ยังมีจางปิงเฉียวที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในสาขาธาตุอัญเชิญของเขาอีกด้วย
พร้อมด้วยหลัวซ่งและเงินหมิงเฉวียนที่สามารถจัดการกับอสูรเงาได้
และเขายังส่งนักเวทธาตรักษาที่เก่งกาจอย่างเช่นไปถึงถึงและนักเรียนคนสุดท้ายชื่อว่าเปียงเหลิง
เนื่องจากการคัดเลือกในคราวนี้ไม่ใช่การเอานักเรียนที่อยู่ในวิทยาเขตหลักปีแก่มาร่วมแต่นักเรียนเหล่านี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กันแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ถูกจัดอันดับแต่ทว่าทั้งกลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่โม่ผ่านคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้ว
ถ้าหากนับรวมโม่ฝานด้วยนักเรียนที่เข้ารวมโครงการนี้มีทั้งหมดเก้าคนด้วยกัน
อู่ฮั่นเป็นผู้นําทีมนักเรียนในครั้งนี้และมีเฉียวอฮัวในการเป็นผู้ให้ความรู้ต่างๆแก่เด็กๆ
ถ้าหากโม่ฝานลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นักเรียนทั้งหมดที่รวมกลุ่มกับเขาตอนนี้ล้วนแต่เป็นคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดียกเว้นนักเรียนที่ชื่อเปียงเหลิง… เอ่อ ส่วนคนที่คุ้นเคยนั้นก็ไม่ใช่ว่ารู้จักกันอย่างขาวสะอาดพวกเขาล้วนแต่เคยหมายจะเอาชีวิตกันมาแล้วทั้งนั้น!!!
l