จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 148
บทที่ 148: เข้าสู่มหาวิทยาลัย (2)
“สาขาธาตุอัญเชิญนั้นแตกต่างจากสาขาอื่นโดยสิ้นเชิง อีกทั้งวิธีการเรียนการสอนของเขาก็ยังต่างจากพวกเขามากอีกด้วย โดยทั่วไปแล้วมันจะเป็นการฝึกฝนการควบคุมอสูรอัญเชิญของพวกเธอทั้งสิ้น นี่จะเป็นบทเรียนสำคัญของสาขาเรา ถ้าหากว่าพวกเธอรู้สึกเบื่อกับการที่จะเรียนแบบนี้ พวกเธอสามารถไปนั่งฟังบรรยายในสาขาอื่นๆได้” เจียงหมิงหยุนกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย
โม่ฝานได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าของเขาแสดงถึงความประหลาดใจออกมาทันที แต่ก็พยักหน้ารับทราบอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการที่จะไปนั่งในชั้นเรียนอื่นเช่นกัน เพราะเขาคือนักเวทที่ครอบครองธาตุทั้งสี่!
“ในสาขาอัญเชิญของเรานั้นมีสิทธิพิเศษมอบให้กับนักเรียนธาตุอัญเชิญ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญกับพวกเธออย่างมาก สองคนแรกที่มีความสามารถมากที่สุดในสาขาจะได้รับโลหิตอสูรเพื่อไว้สำหรับปรับแต่งอสูรอัญเชิญของตนเอง” เจียงหมิงหยุนกล่าวต่อ
ในขณะที่มีการกล่าวถึงโลหิตอสูร นักเรียนธาตุอัญเชิญทั้งหกคนรู้สึกตื่นเต้นและแสดงถึงความหื่นกระหายที่จะครอบครองทันที
“หืม อะไรคือโลหิตอสูรงั้นเหรอ?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบากับเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ยืนถัดไปจากเขา
“นายไม่รู้จักงั้นเหรอ???” ชายตัวเล็กมองไปที่โม่ฝานอย่างขัดใจ พร้อมกับส่งสายไปราวกับว่าจะบอก ‘พี่ชายนี่คุณปลุกผิดธาตุงั้นเหรอ?’
“โลหิตอสูรนั้นจะช่วยให้อสูรอัญเชิญของคุณผ่านการชำละล้าง ด้วยการกระทำเช่นนี้จะทำให้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งนี้จะช่วยให้มันแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเร็วมากกว่าการฝึกฝนด้วยตัวของพวกเธอเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังช่วยพัฒนาอสูรระดับต่ำให้ไปสู่อีกขั้นได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก” เจียงหมิงหยุนอธิบายออกมา
โม่ฝานพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจทันที
“สิทธิพิเศษนี้คืออะไรกันที่คุณพูดถึง? แล้วคุณจะแจกจ่ายโลหิตอสูรนี้อย่างไรกัน? จะให้พวกเราเรียกอสูรอัญเชิญของตนเองออกมาและทดสอบว่าใครแข็งแกร่งที่สุดงั้นเหรอ? เช่นนี้คือการตัดสินหาผู้ชนะใช่ไหม?” เด็กชายผมเงาที่นั่งอยู่ด้านข้างถัดไปกล่าวขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“ไฮ่ต้าหู่.. กฏนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อีกไม่นานเธอจะรู้เองว่าขั้นตอนของมันทำงานอย่างไร สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนให้ความสนใจอย่างล้นหลามหรืออาจจะทำให้พวกเธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็ย่อมได้” เจียงหมิงหยุนกล่าวออกมาอย่างลึกลับ รอยยิ้มของเขาแผงไปด้วยความซับซ้อนและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการนี้
สำหรับโม่ฝานนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก เขาอยากจะรู้ว่าอะไรคือโครงการต้อนรับนักเรียนใหม่แห่งธาตุอัญเชิญนี้!
เขาต้องการโลหิตอสูรนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าหมาป่าเวทของเขาจะแข็งแกร่งอยู่แล้วแต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับโม่ฝาน ถ้าหากว่ามีหนทางใดที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันได้ มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน!
เหตุผลหลักที่เขายอมเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือกอบโกยทรัพยากรให้มากที่สุด!
ซึ่งทรัพยากรเวทมนตร์จำนวนมากตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจ ถ้าหากนักเรียนที่ยากจนเช่นโม่ฝานไม่สามารถต่อสู้กับการแย่งชิงทรัพยากรในโรงเรียนเช่นนี้ได้ แล้วเขาจะสามารถไปสู้กับผู้อื่นด้านนอกได้อย่างไร?
——
โม่ฝานกลับไปที่หอพักของเขาพร้อมกับครุ่นคิดถึงเรื่องโครงการต้อนรับนักเวทใหม่ตลอดเวลา…
เขานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับไตร่ตรองปัญหาในหัวอย่างหนัก ในขณะนั้นจ้าวหม่าหยันที่อยู่ตรงข้ามกับเขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีของโม่ฝาน “พี่ชายโม่ฝาน… ฉันได้ยินมาว่านักเวทธาตุอัญเชิญระดับมัชฌิมนั้นกำลังประสบปัญหาใหญ่”
“ปัญหาใหญ่งั้นเหรอ? นายหมายถึงอะไรกัน?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“อ่า ฉันได้ยินมันมาจากรุ่นพี่หญิงน่ะ… เห็นว่ามันคือโครงการต้อนรับนักเรียนใหม่” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมา
“ฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน บอกฉันบ้างสิว่านายรู้อะไรบ้าง” สายตาของโม่ฝานเปล่งประกายออกมาทันที เขาไม่คิดว่าจ้าวหม่าหยันจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้น่ะ ในปีก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเมิงจู่จัดการแข่งขันอสูรอัญเชิญเพื่อเป็นการต้อนรับนักเรียนธาตุอัญเชิญ ในสนามต่อสู้จะมีอสูรเวทถูกขังไว้ในกรง จากนั้นนักเรียนจะต้องเข้าไปด้านในเพื่อต่อสู้กับมันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตนเองให้ประจักษ์ต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนคนอื่นๆ” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมาพร้อมกับนั่งแคะเล็บอย่างสบายใจ
“ต่อสู้กับอสูรงั้นเหรอ?” ดวงตาของโม่ฝานค่อยๆเบิกโพลงออกช้าๆ
‘สถานที่แห่งนี้น่ะน่าสนใจไว้มากกว่าที่คิดแฮะ หลังจากเปิดการเรียนการสอนแล้วพวกเขายังคิดที่จะจัดการต่อสู้กับอสูรให้อีกงั้นเหรอ ตื่นเต้นชะมัด!’
“อสูรประเภทไหนงั้นเหรอ” โม่ฝานถามต่อ
“ใครบอกล่ะว่ามันเป็นอสูรเวท?” จ้าวหม่าหยันยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ “นายจะต้องต่อสู้กับอสูร ซึ่งมันเป็นอสูรที่พวกเขาอัญเชิญมาน่ะ”
ขากรรไกรของโม่ฝานอ้าปากค้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
บุคคลอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้องก็รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วยเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจ
“บ้าเอ้ย นี่มันไม่ใช่สาขาธาตุอัญเชิญงั้นเหรอ?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายไม่สามารถโทษใครได้นอกจากตัวเอง เพราะพวกนายเป็นธาตุที่ไม่เหมือนใคร… ฉันล่ะรู้สึกอิจฉาจริงๆ นายจะได้แสดงความสามารถพร้อมกับอสูรอัญเชิญของตนเองต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน!” จ้างหม่าหยันหัวเราะออกมา
โม่ฝานส่ายหัวเบาๆอย่างสมเพชตนเอง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเจียงหมิงหยุนนั้นพูดถึงอะไรกันแน่
สถานที่แห่งนี้แสร้งเป็นจัดพิธีต้อนรับนักเรียนใหม่เท่านั้น อีกทั้งพวกเขายังใช้อสูรเวทในการนี้อีกด้วย ‘พวกเขาคิดจะใช้วิธีนี้เพื่อตรวจสอบพลังของนักเรียนพร้อมด้วยอสูรอัญเชิญของเขา!’
เมื่อเขาได้ยินว่าจะได้ต่อสู้กับอสูรร้ายอีกครั้ง โม่ฝานรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างมาก ในเวลานี้โม่ฝานไม่ได้ต่อสู้กับอสูรเวทมาเนิ่นนานแล้ว อย่างไรก็ตามใครเล่าจะรู้ว่าเขากำลังจะได้สัมผัสมันอีกครั้ง!
‘เรื่องนี้มัน… มันไร้สาระจริงๆ!’
พิธีต้อนรับที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ ทำให้โม่ฝานรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่น้อย
นักเรียนที่เข้ามาเรียนภายในมหาวิทยาลัยเมิงจู่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นนักเวทที่มีความสามารถในการต่อสู้ทั้งสิ้น พวกเขาไม่เกรงกลัวเมื่อต้องพบเจอกับอสูรเวทแต่อย่างใด แม้ว่าหมาป่าเวทของเขาจะไม่ได้อ่อนแอ แต่มันไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับนักเรียนเหล่านี้แน่นอน…
อีกทั้งมันยังไม่ได้รับการขัดเกลาด้วยโลหิตอสูรอีกด้วย…
“นายต้องพึ่งพาโชคแล้วหละในตอนนี้ ฮ่าฮ่า ดึกมาแล้ว ฉันขอตัวไปนอนก่อน” จ้าวหม่าหยันตบบ่าของโม่ฝานเบาๆด้วยใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้าย จากนั้นเขาจึงเดินไปที่เตียงของตนเอง
โม่ฝานเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา จ้าวหม่าหยันหันหน้ากลับพร้อมกับก้าวขาขึ้นเตียงของตนเอง โม่ฝานรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขามองจ้าวหม่าหยันที่กำลังนอนลงบนเตียงพร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า “เกิดอะไรกับนักเวทธาตุไฟคนนั้นงั้นเหรอ?”
“เขาอาจจะขอเปลี่ยนห้องไปแล้วล่ะมั้ง แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอก” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจอะไรนัก
โม่ฝานหันหน้าไปหาคนอื่นๆในห้อง พวกเขาทั้งหมดแสดงถึงความประหลาดใจบนหน้า สีหน้าของพวกเขาหวาดกลัวจ้าวหม่าหยันอย่างมากและไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
จากการแสดงออกของเพื่อนร่วมห้องในตอนนี้ โม่ฝานรู้สึกว่าจ้าวหม่าหยันนั้นไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถจัดการลงได้อย่างง่ายดาย ความแปลกประหลาดมันมีมากเกินไปในเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนว่าจ้าวหม่าหยันจะมีความสามารถซ่อนไว้มากพอสมควร!
โม่ฝานไม่ได้ถามอะไรต่อ ในตอนนี้สมองของเขาจำเป็นจะต้องคิดเรื่องใหญ่ที่กำลังจะเกิดมากกว่า ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้
นักเวทธาตุอัญเชิญอีกหกคนนั้นก็ดูไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถจัดการลงได้โดยง่ายด้วยเช่นกัน เขาจะทำอย่างไรเพื่อเอาชนะบุคคลเหล่านั้นและฉกฉวยเอาโลหิตอสูรมาครอบครอง?
นอกจากตัวเขาที่น่าสงสาร… หมาป่าน้อยของเขายิ่งดูน่าสงสารมากกว่า !!!
••••••••••••••••••••