จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 147
บทที่ 147: เข้าสู่มหาวิทยาลัย (1)
เจียงหยุนหมิงนั้นพึงพอใจในตัวของโม่ฝานอย่างมาก แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างจะกังวลในตัวของโม่ฝานอย่างมาก สถานะของเด็กคนนี้ยากลำบาก ยิ่งถ้าหากว่าเด็กที่ยากจนสามารถปลุกธาตุอัญเชิญขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงขยะเท่านั้น ถ้าหากนักเรียนจำเป็นจะต้องดูแลนักเรียนเช่นนี้จำนวนมาก มันก็จะต้องใช้ทรัพยากรที่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน มันจึงไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะค้นหานักเรียนธาตุอัญเชิญเช่นนี้เข้าสู่โรงเรียน… อีกทั้งนักเรียนธาตุนี้หลายคนไม่สนใจที่จะเข้าเรียนในสาขาธาตุอัญเชิญอีกด้วย เพราะมันเป็นแขนงที่จำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมาก!
แต่สำหรับนักเวทระดับมัชฌิมนั้นจะเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป
นักเวทระดับมัชฌิมนั้นมีความแข็งแกร่งในตนเองและสามารถหาเงินด้วยตนเองได้ พวกเขาจะมีความสามารถในการเผาผลาญเงินทองของตนเองเมื่อต้องเรียกอสูรเวทออกมา ด้วยวิธีเหล่านี้มันจะทำให้นักเวทผู้นั้นเดินทางไปสู่ความแข็งแกร่งได้อย่างไม่ติดขัดมากนัก
“เธอมาจากเมืองบ่องั้นเหรอ?” อธิการบดีเซียวถอดแว่นตาออกพร้อมกับจ้องมองโม่ฝานอย่างชัดๆ
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเด็กคนนี้มาจากเมืองบ่อก็เมื่อเขาตัดสินใจรับเด็กคนนี้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้…
คนทั่วโลกนั้นรู้ถึงภัยพิบัติในเมืองบ่อเป็นอย่างดี เช่นนี้พวกเขาจึงดูแลคนที่มาจากเมืองนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มหาวิทยาลัยเมิ่งจู่นั้นได้รับนักเรียนคนหนึ่งจากเมืองบ่อเข้ามาด้วยเช่นกันในระหว่างการเปิดรับสมัครครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบจากนักเรียนทั้งหมดที่เข้ามา คนผู้นั้นไม่ได้ถือว่าโดดเด่นอะไรมากมายนัก…
“ครับ” โม่ฝานพยักหน้า
“ไม่เลวเลย ฉันไม่เห็นร่องรอยของความอ่อนแอในร่างกายของเธอแม้แต่น้อย” เซียวกล่าวด้วยรอยยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ
โม่ฝานยักไหล่เล็กน้อยพร้อมถามกลับ “ผมสามารถพักอยู่หอในได้ไหม?”
“ได้สิ แน่นอน!”
ซินเซียนั้นก็ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงแล้วและโม่เซี่ยจิงก็วุ่นวายอยู่กับงานของเขา เช่นนี้โม่ฝานจึงควรจะพักอยู่ที่นี่และจัดการกับการศึกษาพร้อมการฝึกฝนเวทของตนเอง
โม่ฝานนั้นไม่ได้มีกระเป๋าเดินทางอะไรมากนัก เช่นนี้เขาจึงรีบออกไปเพื่อทำการลงทะเบียนเข้าพักทันที
หลังจากโม่ฝานเดินออกไปแล้ว ผู้อำนวยการสาขาธาตุอัญเชิญเจียงหยุนหมิงส่งยิ้มให้กับอธิการบดีเซียวพร้อมเดินเข้าไปหา
“นักเรียนคนนี้น่าสนใจอย่างมาก ขอให้คุณดูแลเขาอย่างดีที่สุด” เซียวกล่าวออกมาพร้อมยิ้มกว้าง
เจียงหยุนหมิงนั้นไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของคำกล่าวนั้น อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาจะได้เอ่ยปากถามกลับ อธิการบดีเซียวได้เดินจากไปพร้อมทิ้งพวกเขาทั้งหมดไว้ด้านหลัง
“พลังของอธิการนั้นแข็งแกร่งมาก บางทีเขาอาจจะรู้ว่านักเรียนคนนี้มีอะไรซ่อนอยู่… เขาอาจจะมองเห็น!” ผู้คุมสอบหญิงกล่าวขึ้นมาในขณะที่ยืนมองแผ่นหลังของอธิการบดีเซียวผู้กำลังเดินจากไป
“ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกมากงั้นเหรอ? โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่คิดแบบนั้น มันเป็นเพราะอธิการของเรานั้นใจดีซะมากกว่า เขาแค่เป็นห่วงผู้ที่รอดชีวิตจากภัยพิบัตเท่านั้นแหละ…” ผู้คุมสอบหัวล้านกล่าวออกมาอย่างเฉยชา
——
การเริ่มต้นเปิดภาคเรียนในวันแรกคือวันที่หนึ่งกันยายน ซึ่งมหาวิทยาลัยทุกแห่งได้เปิดเรียนวันแรกในวันนี้เป็นปกติ!
โม่ฝานใช้ชีวิตอยู่ในหอพักมาร่วมสองเดือนแล้ว ในตอนนี้เขาเริ่มจะปรับตัวเข้ากับมหาวิทยาลัยเมิงจู่ได้แล้ว อีกทั้งเขายังรู้เรื่องราวภายในสถานศึกษานี้เป็นอย่างดี
ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองวิทยาเขต ซึ่งในเขตแรกนั้นมีไว้สำหรับนักศึกษาปีหนึ่งและนักเวทระดับปฐมภูมิ แต่ในส่วนของวิทยาเขตหลักนั้นเป็นของนักเวทระดับมัชฌิมเท่านั้น
ในวิทยาลัยเขตหลักนั้นเป็นแก่นที่แท้จริงของขุมหลังแห่งมหาวิทยาลัยเมิงจู่ นักเวทที่โดดเด่นจากทั่วประเทศรวมตัวกันอยู่ในกลุ่มนี้อย่างคับคั่ง ซึ่งในขณะเดียวกันมันเป็นเขตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างโหดร้ายที่สุดอีกด้วย!
ในส่วนของวิทยาเขตแรกนั้นจะเป็นกลุ่มของนักเรียนใหม่และนักเรียนเก่าที่ไม่สามารถเข้าสู่ระดับมัชฌิมได้…
—
โม่ฝานตื่นขึ้นมาล้างหน้าและแปรงฟันในตอนเช้าตรู่ เขาพบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาในห้อง
ใบหน้าของเขาเรียวยาวราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย ผมหยักศกเล็กน้อยพร้อมรูปร่างที่สูงโปร่งอยู่ในชุดกีฬาที่แสนเรียบง่าย โม่ฝานยืนมองเพื่อนร่วมห้องของเขาคนแรกพร้อมด้วยฟองจากยาสีฟันที่ท่วมปากของเขาอยู่ ในหัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งทันทีเมื่อได้พบหน้า ‘บ้าเอ้ย ผู้ชายคนนี้เกือบจะหล่อเท่าฉันแล้ว!’
“โอ้ ฉันคิดว่าฉันเป็นคนแรกที่มาที่นี่ซะอีก! ฉันขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันชื่อว่าจ้าวหม่าหยัน อ่าฉันเป็นนักเวทธาตุแสง…” เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและดูเป็นมิตรอย่างมาก
“อือ ฉันชื่อโม่ฝาน…”
“นายควรจะแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อน ฉันจะไปจัดการกับที่พักของฉันสักหน่อย… อืม ค่อนข้างจะสกปรกเลยแฮะ” จ้าวหม่าหยันเลือกเตียงตรงข้ามกับโม่ฝานซึ่งมันติดกับระเบียง วิวตรงนี้ค่อนข้างจะยอดเยี่ยม มันสามารถมองทะลุออกไปด้านนอกได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการมองสาวๆในมหาวิทยาลัยอีกด้วย
หลังจากที่โม่ฝานแปรงฟันเสร็จแล้ว จ้าวหม่าหยันจึงเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยกับเขา
“นายคือธาตุอัญเชิญงั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่พี่สาวดูแลหอพักได้กล่าวไว้ตอนต้นก็คงจะถูกต้อง หอพักของพวกเรานั้นเป็นแบบผสมผสาน มีนักเวทหลายธาตุรวมกันอยู่ที่นี่” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมาอย่างหดหู่เล็กน้อย
ในห้องพักหนึ่งสามารถรองรับนักเรียนได้หกคน ซึ่งความจริงแล้วทางหอพักควรจะจัดนักเรียนธาตุเดียวกันมาอยู่ร่วมกัน ด้วยวิธีนี้จะทำให้นักเวทเหล่านี้สามารถคุ้นเคยกันได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในหอพักห้องหนึ่งนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีนักเรียนธาตุเดียวกันทั้งหมด เช่นนี้บางห้องจึงจำเป็นจะต้องมีธาตุอื่นมาผสมปะปนไปบ้าง
“เอาล่ะ พี่ชายโม่ฝาน ฉันมีนัดกินข้าวกับรุ่นพี่หญิง ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน” จ้าวหม่าหยันสะบัดผมเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป
—
ไม่นานหลังจากที่จ้าวหม่าหยันเดินออกไป มีอีกสองคนเดินเข้ามาภายในห้อง
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้นั่นตื่นกลัวคนแปลกหน้าหรือไม่ พวกเขาจัดการตนเองอย่างรวดเร็ว สองคนนี้ไม่ได้คิดที่จะทักทายโม่ฝานที่นั่งอยู่ก่อนหน้า พวกเขาทั้งสองเริ่มแกะของและจัดการที่ทางของตนเองทันทีที่เข้ามาถึง
ยามบ่ายคล้อยลงมา ชายร่างสูงผมแดงเดินเข้ามาภายในห้อง ชายผู้นี้แสดงตัวออกมาทันทีว่าเขาคือนักเวทธาตุไฟ เขาไม่ได้ระมัดระวังใดๆพร้อมกับเดินไปมาในห้องอย่างตรวจตรา
“เตียงนี้เป็นของใคร?” ชายผมแดงชี้นิ้วไปยังเตียงที่เขาต้องการ
“ของฉัน” โม่ฝานเดินมาจากระเบียงพร้อมตอบกลับ
“นายธาตุอะไร?” ชายผมแดงถามกลับ
“อัญเชิญ”
“โอ้! โอ้… งั้นเหรอ” ชายผมแดงอุทานออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับนักเวทธาตุอัญเชิญ
เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนก่อนหน้านี้นั้นที่ไม่เคยสนใจโม่ฝาน ก็ยังจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วเตียงนี้ล่ะธาตุอะไร?” ชายผมแดงชี้ไปที่เตียงของจ้าวหม่าหยัน
“ธาตุแสง” โม่ฝานตอบกลับอย่างระมัดระวัง
ชายผมแดงเดินไปที่เตียงนั้นทันทีพร้อมกับวางกระเป๋าใบใหญ่บนหลังลง เขาโยนสิ่งต่างๆที่เป็นของจ้าวหม่าหยันออกไปทันที พร้อมกับเหยียดปากเย้ยหยันและกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “ในตอนนี้มันเป็นเตียงของนักเวทธาตุไฟแล้ว ฉันขอแนะนำตัวเองแล้วกัน ฉันชื่อลู่หยุนเฉิง”
โม่ฝานยืนมองสิ่งของที่กำลังถูกโยนออกไปอย่างโง่งม…
ลู่หยุนเฉิงนี่ดูจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสอย่างมาก เขาสามารถหยิบของของคนอื่นและโยนมันออกไปอย่างหน้าตาเฉย…
—
หลังจากที่โม่ฝานทานข้าวเย็นเสร็จสิ้นแล้ว เขาได้รับข้อความใหม่ให้ไปยังห้องเรียนของตนเอง ในตอนนี้มีงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับนักเรียน…
หลังจากที่เดินมาถึงห้องเรียนนั้น โม่ฝานจินตนาการถึงกลุ่มหญิงสาวที่สวยงามและอ่อนโยน เพื่อนร่วมชั้นของเขาจะต้องสุดยอดมากแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินมาถึงสถานที่แห่งนี้หัวใจของเขาได้แต่ก่นด่าสาปแช่ง …ไม่มีใครอยู่ตรงนี้สักคน!
“ฉันมาเร็วเกินไปงั้นเหรอ?” โม่ฝานพึมพำออกมาในขณะที่กำลังยืนงงอยู่ในห้องเรียนสุดกว้างขวางนี้
เวลาที่นัดหมายได้มาถึงแล้วในตอนนี้ แต่ในห้องนี้ยังมีเพียงโม่ฝานเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โม่ฝานรู้สึกกังวลอย่างมาก หรือว่าเขาจะเข้าผิดห้อง?
ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องนี้ โม่ฝานพบผู้อำนวยการสาขาธาตุอัญเชิญเจียงหมิงหยุนเดินเข้ามา…
เจียงหมิงหยุนกำลังจะอ้าปากเพื่อกล่าวอะไรสักอย่างกับโม่ฝาน แต่ทันใดนั้นมีเด็กนักเรียนอีกหกคนวิ่งเข้ามาภายในห้องนี้อย่างรวดเร็ว
การกระทำของพวกเขาทั้งหมดนั้นบ่งบอกได้ว่าทุกคนอยู่ในห้องพักเดียวกัน!
เจียงหมิงหยุนมองไปรอบๆ เขาจ้องมองเด็กทั้งเจ็ดคนและเริ่มกล่าว “เอาล่ะทุกคน เหมือนว่าจะมากันครบแล้ว ฉันคิดว่า…”
ตู้ม!!! คางของโม่ฝานเกือบกระแทกกับพื้นในขณะที่เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างฉับพลัน
เยี่ยมไปเลย ทุกคนอยู่ที่นี่งั้นเหรอ??
นักเรียนใหม่ของธาตุอัญเชิญมีเจ็ดคนงั้นเหรอ???
เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเล่นกันแล้ว!
••••••••••••••••••••