จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 136
บทที่ 136: รับผิดชอบ
เสียงของกระจกที่แตกเมื่อครู่ทำให้จิตใจของถังหยู่ฟื้นคืนสติมานิดหน่อย
เธอรีบผลักโม่ฝานออกทันทีพร้อมกับพุ่งตัวชิดกับขอบประตูด้านข้าง ร่างกายของเธอสั่นเทาราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
เมื่อโม่ฝานได้เห็นภาพเช่นนั้นภายในใจของเขารู้สึกสับสน แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้ เขาเพียงถอนหายใจออกมา ครึ่งหนึ่งรู้สึกผิดหวัง… ส่วนอีกครึ่งหนึ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมาก!
—
บนถนนเส้นทางที่กำลังโค้งรับกับภูเขาไปเรื่อยๆ ภายในหัวใจของคนขับรถนั้นแตกสลาย เขากำลังพบกับบททดสอบที่หนักหน่วง หนุ่มสาวคู่นี้กำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่กันแน่!
เขาจ้องมองไปที่โม่ฝานผ่านกระจกข้าง ซึ่งถังหยู่ได้ผละออกจากเขาแล้ว ดวงตาของคนขับรถมองออกไปนอกกระจกราวกับว่าเขาไม่รู้ว่ามีเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นเพียงไม่นานนัก โม่ฝานรู้สึกได้กลิ่นหอมๆถัดมาจากที่นั่งของเขา เบาะด้านข้างจมลงอย่างรวดเร็ว ฉับพลันเขาหันมาเพื่อตรวจสอบทันทีและพบว่าถังหยู่เมื่อครู่ผู้ซึ่งร่างกายสั่นเทากลายเป็นลูกแมวน้อย แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับกลายเป็นนางแมวป่าอีกครั้ง เธอกระโจนเข้าใส่โม่ฝานอีกครั้งพร้อมกับเริ่มจูบเขาอย่างดุเดือด แขนและขาของทั้งคู่กอดรัดกันอย่างแน่นหนาราวกับว่าไม่ยอมให้อะไรมาแยกออกจากกันได้
โม่ฝานนั้นไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกับเธออย่างไร ทันใดนั้นราวกับว่าเธอได้สติและผลักเขาออกอีกครั้งพร้อมกับถอยร่นไปด้านหลังอย่างฉับพลัน
เมื่อเห็นอารมณ์ของเธอที่ขึ้นๆลงๆอย่างกระทันหัน โม่ฝานรู้สึกเสียสติอย่างมากเมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้
‘สวรรค์ ฆ่าฉันที! หยุดเธอที่กำลังทรมานเด็กชายผู้บริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างฉันสักที!’
‘ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ คุณกล้าที่จะให้ความสุขสมเช่นนี้กับฉันก่อนแต่จากนั้นกลับเดินทิ้งกันไปอย่างไร้เยื่อใย ในตอนแรกฉันน่ะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอย่างเหมาะสมแล้ว แต่ในตอนนี้ฉันกำลังสับสน…เฮ้อ!’
บนถนนที่คดเคี้ยวนี้มันน่าเกรงกลัวเสียยิ่งกว่านั่งอยู่ในดงของเหล่าอสูรเวทเสียอีก โม่ฝานรู้สึกว่าเขาถูกยั่วยุจากเหล่าแม่มดชั่วร้ายตลอดเวลา เขานั้นยังเด็กและเป็นเพียงหนุ่มรูปงามที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ
ท้ายที่สุดทั้งสองคนได้เข้ามาในเมือง จากนั้นจึงได้ซื้อยาเพื่อระงับอาการนี้อย่างรวดเร็ว คนรักในฝันของเขาได้แต่เดินอย่างเร่งรีบด้วยความอับอาย เธอทิ้งโม่ฝานไว้ด้านหลังให้ยืนงงอยู่ตรงนั้นอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเขายังไม่คุ้ยเคยกับเมืองนี้อีกด้วยแต่ในสภาวะเช่นนี้เขาต้องรู้สึกอย่างไรต่อ?
ท้ายที่สุดเขารู้สึกฟื้นคืนสติกลับมาได้ เขามีความคิดที่จะเดินเล่นรอบๆเหมืองกวางโจวก่อนสักหน่อย อย่างไรก็ตามเขาได้รับข้อความผ่านโทรศัพท์…
“ถ้าเธอกล้าบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ฉันจะตัดของเธอแล้วโยนให้เป็ดกินซะ!”
“ผมจะรับผิดชอบ…” เขาตอบกลับข้อความนั้น
“ด้วยสถานะของผู้พิพากษา ฉันสามารถสังหารมนุษย์ได้สองครั้ง เธออยากจะให้ฉันใช้หนึ่งในนั้นกับเธองั้นเหรอ?” โม่ฝานอ่านข้อความด้วยแผ่นหลังที่สั่นสะท้าน เขารับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายออกมาจากข้อความนั้นอย่างขนลุก
“ผมมีเป็นคนซื่อสัตย์อยู่แล้ว… อ่า ในตอนนี้เนื่องจากเราอยู่ในเมืองนี้ด้วยกัน ผมถามได้ไหมว่าทำไมคุณจึงมาอยู่ที่กวางโจวนี้? ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ แล้วตอนเมืองบ่อประสบภัยพิบัติคุณก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย เราไปกินกาแฟด้วยกันสักหน่อยดีไหมล่ะ?”
—
ในอพาร์ตเม้นทางตะวันตกของกวางโจว ถังหยู่ถือโทรศัพท์ของตนไว้อย่างมั่นเหมาะด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ในข้อความสุดท้ายที่เธอได้รับทำให้เธอรู้สึกว่าเธอคงจะทำตัวแปลกประหลาดกับเขาไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากหัวเราะออกมาเล็กน้อย
‘เฮอะ! นักเวทระดับมัชฌิมที่ยังไม่สามารถใช้คาถาได้ด้วยตนเองนั้นจะมารับผิดชอบฉันได้อย่างไรกัน? ในตอนนี้แม้แต่นักเวทระดับสูงก็ยังคงต้องต่อแถวเพื่อรอฉันชายตามองเสียด้วยซ้ำ!’
——
หลังจากที่เดินเล่นทั่วกวางโจวแล้ว โม่ฝานขึ้นรถบัสเพื่อไปยังนครเซี่ยงไฮ้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่อาจเรียกได้ว่าจะเป็นชานเมืองของนครเซี่ยงไฮ้ได้เลย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็มักจะใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง อีกทั้งยังต้องต่อรถไฟใต้ดินอีกประมานหนึ่งชั่วโมงเพื่อกลับบ้าน!
แผนเดิมของโม่ฝานนั้นคือต้องการจะนั่งสมาธิฝึกฝนอยู่ที่บ้านเป็นเวลาสองเดือนและจากนั้นเขาจะรอดูว่าความสามารถของการเป็นนักเวทระดับมัชฌิมจะทำให้มหาวิทยาลัยหมิงจู่จะรับเขาเข้าเรียนหรือไม่!
‘กลับไปที่บ้านก่อนแล้วกัน จากนั้นค่อยคิดมันอีกที’
ซึ่งความสำคัญในตอนนี้มากที่สุดคือการควบคุมเส้นทางดวงดาวก่อน ถ้าหากเขาต้องใช้คัมภีร์เส้นทางดวงดาวเพื่อช่วยเหลือในการร่ายเวทตลอดเวลา เขาจะยิ่งชักช้าไม่ทันการ อีกทั้งถ้าหากเขายังใช้หนังสือพวกนั้นต่อไป ดวงดาวทั้งหมดจะไม่ยอมรับเขาในฐานะพ่ออีกต่อไป!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยจำเป็นจะต้องใช้ทักษาควบคุมดวงดาวด้วยตนเอง ในตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกฝนและเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในอีกแง่มุมเขาจำเป็นจะต้องโชว์สิ่งที่ไม่เหมือนกับใคร อีกทั้งคนอย่างเขานั้นชอบที่จะแสดงออกอย่างโฉ่งฉ่างอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเขาไม่มีพลังซ่อนเร้นเอาไว้ เขาจะไม่ทำตัวโจ่งแจ้งแน่นอน อีกทั้งในทางตรงกันข้ามเขาก็จะมีเวลาเพื่อตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
‘เฮ้อ ฉันน่ะนะยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธาตุคำสาป ใครจะรู้ล่ะสักวันฉันอาจจะต้องมีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างเช่นบุรุษทั้งสี่แห่งตระกูลตงฟางก็ได้…’
‘ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่ต้องการที่จะไปเรียนรู้ทุกอย่างในมหาวิทยาลัย ฉันต้องการที่จะปลุกธาตุที่สามขึ้นมาและหลังจากนั้นฉันจำเป็นจะต้องใช้เวลาให้มากขึ้นเพื่อฝึกฝน…’
‘อืม เอาล่ะ ฉันตัดสินใจได้แล้ว! ฉันจะฝึกฝนก่อนเป็นเวลาหนึ่งปีจากนั้นค่อยเดินทางไปทดสอบความสามารถเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย’
——
สุดท้ายแล้วถังหยู่นั้นก็ไม่ได้ทอดทิ้งเขาแต่อย่างใด เดิมทีโม่ฝานนั้นคิดไว้ว่าเธอคงจะไม่ชายตามองเขาอีกเลยหลังจากเหตุการณ์บนรถวันนั้น แต่เธอกลับส่งข้อความมาบอกเพื่อให้เธอไปที่สมาคมเวทมนตร์ในเซี่ยงไฮ้เพื่อปลุกธาตุที่สาม อีกทั้งยังส่งคนหนึ่งคนมาเพื่อเป็นผู้แนะนำให้กับเขาอีกด้วย
สมาคมเวทมนตร์ในเซี่ยงไฮ้นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามของสมาคมเวทมนตร์ตงฟาง แต่ทว่าสมาคมนี้นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลตงฟางแต่อย่างใด แต่ทว่าสมาคมเวทมนตร์นี้ตั้งอยู่ในหอคอยหมิงจู่
ในขณะที่โม่ฝานนั่งรถผ่านตึกระฟ้ารูปร่างคล้ายกับดาบแหลมคม เขามาถึงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ภายในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนสับสน
ในโลกเดิมของเขานั้นหอคอยหมิงจู่นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่เลื่องชื่อของนครเซี่ยงไฮ้ แต่ในโลกใบนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามและกลายเป็นสมาคมเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่!
สมาคมเวทมนตร์นั้นเป็นองค์กรณ์เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ การสรรหานักเวทรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังล้วนแต่เป็นหน้าที่ของมัน ตราบใดที่นักเวทต้องการที่จะมีที่ยืนในสังคมแห่งนี้ พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องทำตามกฏแห่งนี้อย่างเคร่งครัด!
ซึ่งกฏของสมาคมเวทมนตร์นั้นถูกร่ายไว้อย่างชัดเจน หนึ่งก็คือไม่มีนักเวทคนใดได้รับอนุญาตให้ใช้เวทมนตร์ทำลายล้างสูงภายในเมืองเด็ดขาดอีกทั้งการจะใช้เวทมนตร์ภายในเมืองแห่งนี้จำเป็นจะต้องมีเหตุผลรองรับที่มากพออีกด้วย
ประการที่สองก็คือห้ามใช้เวทมนตร์กับสามัญชนเด็ดขาด ซึ่งบทลงโทษของมันคือข้อหาการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน!
ประการที่สามก็คือนักเวทที่ได้รับอนุญาตให้ดวลเวทมนตร์ได้ จำเป็นจะต้องต่อสู้อย่างสันติ ถ้าหากว่ามีใครคนหนึ่งตายตกไปในการต่อสู้ อีกฝ่ายจำเป็นจะต้องถูกลงโทษสถานหนักด้วยเช่นกัน!
สมาคมเวทมนตร์นั้นเปรียบได้กับผู้ดูแลกฏแห่งโลกเวทมนตร์นี้ ซึ่งมันเป็นกฏระเบียบที่นักเวททุกคนจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ร่างกฏเหล่านี้ออกมาล้วนแต่เป็นบุคคลระดับสูง ซึ่งการแลกเปลี่ยนกันระหว่างนักเวทนั้นล้วนแต่เป็นการสร้างสัมพันธ์และส่งเสริมวัฒนธรรมของพวกเขา บุคคลในระดับสูงส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นอาวุโสทั้งสิ้น ซึ่งนักเวทอายุน้อยที่โดดเด่นเท่านั้นจึงจะได้มีสิทธิ์ก้าวเข้าสู่สมาคมเวทมนตร์แห่งนี้!
ภายในสมาคมเวทมนตร์นั้นประกอบไปด้วยศาลเวทมนตร์
ซึ่งศาลเวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับและซับซ้อนอย่างยิ่ง ภายในนั้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นนักเวทระดับสูงและอาวุโส ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย ทุกคนล้วนแต่อยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น
โม่ฝานนั้นเพิ่งได้รู้จักกับสิ่งเหล่านี้จากอินเตอร์เน็ต ถ้าหากว่าเฉาเหอนั้นไม่ได้ใช้การลอบกัดที่น่ารังเกียจเช่นนั้น เขาก็คงจะไม่สูญเสียความสัมพันธ์กับอาจารย์ถังหยู่สุดที่รักของเขาไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่กล้าที่จะไปยุ่งกับเธอมาก เมื่อพลันนึกถึงฟีนิกซ์อัคคีแห่งราชวังทั้งเก้า ภายในหัวใจของเขาก็สั่นไหวด้วยความสะพรึงกลัว
ถังหยู่นั้นอายุเพียงยี่สิบเก้าปี แต่ทว่าพลังที่เธอครอบครองอยู่นั้นร้ายกาจเหลือคนานับ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ศาลเวทมนตร์ครอบครองไว้จะไม่ใช่อำนาจ แต่เป็นขุมพลังของมนุษย์ที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอสูรกาย!