จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 135
บทที่ 135: เร้าใจมากเกินไปแล้ว!
เปลวไฟอัคคีกุหลาบบนมือของโม่ฝานได้หายไปแล้ว
นั่นหมายความว่ามันได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของโม่ฝานจนหมดสิ้น มันเปรียบเสมือนกับเด็กน้อยที่พร้อมจะวิ่งไปพร้อมกับบิดาของตนเพื่อออกสำรวจโลกใบนี้!
ทันทีที่โม่ฝานก้าวเท้าออก รอยไหม้ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเขาอย่างฉับพลัน เปลวไฟแดงฉานกำลังห่อหุ้มร่างกายของเขาอยู่ในขณะนี้ มันเหมือนกับว่าเขานั้นได้เกิดใหม่อีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมาราวกับพยัคฆ์ เสียงของเขาแผดดังก้องกังวาลไปทั่วท้องฟ้าแห่งนี้อย่างทรงพลัง
ตรงหินก้อนใหญ่ใกล้ๆนี้ ถังหยู่ค่อยๆกลับมามีสติอีกครั้ง ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นเปิดออกมาหลังจากที่พร่ามัวมาเนิ่นนาน
หลังจากที่ได้ยินเสียงของโม่ฝาน เธออดไม่ได้ที่จะบ่นอุบอยู่ภายในใจ ‘เฮ้อ ในเวลานี้ก็เป็นเขาอีกครั้งที่ได้ผลประโยชน์…’
ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ถูกสารอันตรายใดๆเล่นงานอยู่ แน่นอนว่าถังหยู่คงจะไม่มอบมันให้กับโม่ฝานแน่นอน สิ่งนี้จะต้องถูกมอบให้กับประเทศแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามในการมอบผลประโยชน์ครั้งนี้ให้กับโม่ฝานนั้นไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป ถ้าหากว่าอัคคีกุหลาบนี้ตกไปอยู่ในมือของเฉาเหอ ผลลัพธ์ของมันจะต้องเลวร้ายยิ่งกว่านี้แน่นอน ซึ่งราคาของความผิดพลาดนั้นแม้แต่จักรวาลก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดใช้ ซึ่งถ้าหากเรื่องเหล่านั้นได้เกิดขึ้น ถังหยู่ก็คงจะรีบกระโดดเข้ากองไฟเพื่อตายตกหนีหายจากโลกนี้ไปแน่นอน
“ซากศพของทุกคนจำเป็นจะต้องถูกเก็บกวาดอย่างดี ไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับมัน” ถังหยู่กล่าวออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ละโมบของโม่ฝาน
โม่ฝานหันกลับมายิ้มกว้างพร้อมรีบตอบอย่างรวดเร็ว “อ่า แน่นอน ต้องเป็นเช่นนั้น… เฮ้ ถังหยู่ คุณไหวแล้วงั้นเหรอ?”
“ฉันสบายดีแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ได้สมหวังกับเธอด้วย” อารมณ์ต่างๆนั้นล้วนถูกเปิดเผยออกมาจากใบหน้าที่ดูขี้อายนั้น
สีหน้าของเธอนั้นเห็นได้ชัดว่ารู้สึกเขินอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอนั้นเป็นหญิงสาวที่เก่งกาจและทุ่มเทชีวิตนี้ให้กับงาน ในส่วนของโม่ฝานนั้นก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ได้ออกมาท่องโลกกว้างใบนี้และกำลังสนุกกับการใช้ชีวิตเท่านั้น
โม่ฝานนั้นรู้ดีว่าถังหยู่ไม่ได้มีความสุขอย่างแท้จริง สิ่งที่เธอแสดงออกนั้นเป็นเพียงฤทธิ์ของยาสารเลวเท่านั้น เขาไม่ต้องการที่จะรุกรานเธอในเวลานั้นเช่นกัน เพื่อที่จะไม่ให้ยอดคนตายเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเธอต้องกลับไปรายงานกับสมาพันธ์นิติบัญญัติ!
อุปกรณ์เวทมนตร์นั้นผูกจิตวิญญาณไว้กับเจ้าของของมัน เมื่อเจ้าของได้ตายตกไปแล้ว วิญญาณของพวกเขาก็ต่างแยกย้ายกันไป อุปกรณ์เวทมนตร์ก็จะถูกทำลายไปเช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บุคคลที่สังหารพวกเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรอีก
ถังหยู่นั้นถอดแหวนรูปร่างแปลกประหลาดออกมาจากนิ้วของเฉาเหอ ซึ่งโดยปกติแล้วเธอมักจะอธิบายสิ่งต่างๆที่โม่ฝานไม่เข้าใจอย่างละเอียด แต่ในเวลานี้อารมณ์ของเธอเยือกเย็นอย่างมากและดูเธอจะไม่สบอารมณ์ที่เขายืนอยู่ตรงนี้!
——
โม่ฝานและถังหยู่ออกจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองกลับเข้ามาภายในเมืองอีกครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่าเธอจำเป็นจะต้องจัดการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ให้หมดสิ้น ทันทีที่เดินมาถึงถนนเธอเรียกแท็กซี่เพื่อกลับเข้าเมืองหลวงอย่างไม่รอช้า
ในขณะที่โม่ฝานนั่งอยู่เบาะหลังของรถแท็กซี่ เขาหลับตาลงอย่างมีความสุขพร้อมกับลิ้มรสชาติความรู้สึกแปลกใหม่ที่อัคคีกุหลาบมอบให้ กลิ่นที่แปลกประหลาดจางๆกำลังแตะที่จมูกเขาอย่างแผ่วเบา กลิ่นของมันคล้ายกับกลิ่นร่างกายของถังหยู่ ซึ่งมันหอมหวนและทำให้รู้สึกเร่าร้อนอย่างช่วยไม่ได้
“จิตวิญญาณแห่งไฟสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของนักเวทได้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะได้พบเจอกับเมล็ดอัคคีที่มีพลังรุนแรงยิ่งกว่านี้ ซึ่งพลังของมันจะทำให้เปลวไฟก่อนหน้าอ่อนแอลงหลังจากมันเข้ามาแทนที่” ถังหยู่กล่าวออกมาอย่างเย็นเยือกเพื่อทำลายความเงียบงันที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนาน จิตวิญญาณแห่งความเป็นครูของเธอได้กลับมาอีกครั้ง…
“เป็นเช่นนั้นงั้นหรือ! ผมน่ะคิดมาตลอดว่าร่างกายของนักเวทนั้นมักจะอ่อนแอ แล้วคงจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป” โม่ฝานตอบกลับด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
เมื่อระดับของเปลวไฟนั้นเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าการป้องกันของร่างกายนั้นจะดีเยี่ยมตามไปด้วย! วันข้างหน้าถ้าหากเขาได้ต่อสู้กับนักเวทธรรมดาทั่วไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขากลายเป็นอมตะ!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมล็ดอัคคีเหล่านี้ถึงได้มีราคาสูงลิบลิ่ว สำหรับบุคคลที่ร่ำรวยเช่นนั้น แน่นอนว่าของสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างมากที่จะใช้จ่ายออกไปเพื่อยกระดับของตนเอง!
โม่ฝานนั้นพยักหน้าตอบทันทีหลังจากที่เข้าใจแล้ว จากนั้นเขาพลันนึกถึงเรื่องราวเมื่อเฉาเหอคุยกับถังหยู่ เช่นนี้เขาจึงรีบถามขึ้นมา “เหตุผลที่คุณไล่ล่าเขานั้นเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองบ่อไหม?”
ถังหยู่มองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมตอบกลับ “ใช่ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทมิฬนั้นเป็นสารชนิดรุนแรงอย่างมาก มันไม่สมควรจะไปอยู่ในมือของกลุ่มศาสตร์มืดอย่างง่ายดายเช่นนั้น อีกทั้งพวกมันยังครอบครองน้ำเหล่านี้ในปริมาณมหาศาล พวกเราจึงคิดว่ามีนักเวทปรุงยาที่สามารถท้าทายกฏแห่งธรรมชาติสร้างมันขึ้นมาและขายมันให้กับกลุ่มศาสตร์มืดในราคาที่สูงลิ่ว เฉาเหอนั้นเป็นบุคคลในวงการเหล่านี้ เขาควรจะมีข้อมูลพวกนั้นอยู่ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เปิดปากเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้ตายตกไปเสียก่อน พวกเราได้แต่หวังว่าเขาจะทิ้งเบาะแสอะไรสักอย่างไว้ในแหวนวงนี้”
อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวที่น่าอับอายก่อนหน้านี้ของเธอ จึงทำให้ถังหยู่นั้นไม่กล้าหาญที่จะสบตากับโม่ฝานเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้สำคัญกับโม่ฝานเลย เขาไม่ได้สนใจท่าทีเขินอายของเธอพร้อมกับเริ่มจับจ้องใบหน้าที่กำลังแดงก่ำของเธออย่างหลงใหล
โม่ฝานหลุบตาลงต่ำพร้อมกับเห็นว่ามือของเธอกำลังจิกที่เบาะรถราวกับว่าต้องการฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ!
เมื่อมองไปที่ดวงตาของเธออีกครั้ง ราวกับว่าเขาจะรู้สึกได้ว่าเธอยังไม่ปกติ!
“อาจารย์ถังหยู่ คุณไหวจริงๆงั้นเหรอ….” โม่ฝานถามออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาไม่มีความคิดลามกกับเธอแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าปีศาจเฉาเหอนั้นโหดร้ายเพียงใด ถ้าหากเขาไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย แน่นอนว่าเธอย่อมไม่เรียกเขามาอย่างแน่นอน
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อขณะต่อสู้กับเฉาเหอ ถังหยู่นั้นไม่ได้ต้องการให้โม่ฝานยื่นมือเข้ามาช่วยแต่อย่างใด
เฉาเหอนั้นเต็มไปด้วยไหวพริบและความแกมโกง อีกทั้งโม่ฝานยังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน เขาไม่สามารถที่จะปกป้องตนเองได้ ซึ่งการกระทำทั้งหมดที่โม่ฝานได้ทำลงไป ถังหยู่นั้นไม่ได้ร้องขอให้เขาช่วยเธอเลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โม่ฝานนั้นจะไม่สังเกตุเห็นความใจดีเหล่านี้ของเธอได้อย่างไรกัน? ในตอนนี้เธอกำลังรุ่มร้อนและอับอายจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น โม่ฝานจึงไม่กล้าที่จะคิดอะไรกับเธอทั้งนั้นและพร้อมช่วยเหลือให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
แต่หลังจากที่โม่ฝานถามสิ่งนั้นออกไปอย่างลังเล แต่ฉับพลันร่างกายของเขาทั้งหมดแข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง!
ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มกดลงมาบนปากของเขาอย่างฉับพลัน สัมผัสของลิ้นที่โอนอ่อนนั้นรุกร้ำเข้ามาภายในปากของเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเขาไม่ได้ป้องกันใดๆ ไฟตัณหาที่ถูกดับไปเมื่อครู่ถูกปลุกให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง กำแพงของโม่ฝานพังทลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วงและร้อนแรง ความคิดที่บริสุทธิ์ของเขาเมื่อครู่มลายหายไปโดยพลัน….
เขานั้นใช้สายฟ้าเพื่อจัดการกับศัตรูอยู่เสมอ เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมัน แต่ในตอนนี้โม่ฝานกลับรู้สึกว่ามีประกายไฟต่างๆวิ่งไปรอบร่างกายของเขาอย่างพลุ่งพล่าน ความมึนงงนั้นหยุดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขา ลามไปทั่วทั้งร่างกายที่เบียดเสียดกันอย่างไม่อาจหยุดยั้ง เขากำลังรู้สึกราวกับว่าจะได้ไปถึงสวรรค์ในเร็วๆนี้ เซลทั้งหมดในร่างกายลุกโชนขึ้นมาพร้อมกับเลือดที่กำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง…
กลิ่นหอมปะทะเข้ากับจมูกของเขาอย่างแม่นยำ เขาไม่ได้เตรียมตัวกับเหตุการณ์นี้มาก่อน… อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาเริ่มจะคุ้นเคยและสนุกไปกับมัน!
อืมมมมม~
เสียงของคนขับรถดังขึ้นมาทันทีหลังจากเห็นว่าด้านหลังของเขานั้นเกิดอะไรขึ้น หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นฉากเช่นนี้!!!
‘เฮ้ พวกคุณไม่ใจร้อนกันไปหน่อยงั้นเหรอ! ฉันน่ะรู้ดีว่าพวกเด็กๆต้องการจะเสพสมกันบนรถอยู่แล้ว แต่นี่มันแท็กซี่ไงโว้ย!’
‘ถ้าฉันจำไม่ผิด เด็กผู้ชายคนนั้นเรียกสาวสวยคนนี้ว่าอาจารย์ด้วย สวรรค์! เรื่องนี้… เรื่องนี้มันชักจะร้อนแรงเกินไปแล้ว!!!’
บัสสซ์~~~
ทันใดนั้นสายฟ้าสีม่วงก็พุ่งออกมาที่กระจกมองหลังอย่างรวดเร็ว!
พลังของมันทำให้กระจกของรถแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ คนขับนั้นหันกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียวไร้ซึ่งโลหิตใดๆ
“ถ้าแกหันมาอีกครั้ง… แกตาย!” โม่ฝานตะโกนออกมาทันทีเมื่อเขาได้ถูกเปิดโอกาสให้หายใจได้อีกครั้ง
คนขับรถนั้นรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาจับจ้องที่พวงมาลัย ซึ่งในตอนนี้เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวกำลังขย่มบางสิ่งอยู่ด้านหลัง… เสียงของเธอนั้นราวกับว่าเจ็บปวดพร้อมสุขสมในเวลาเดียวกัน