cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

หมอหญิงพลิกธรรมเนียม - บทที่ 26

  1. Home
  2. All Mangas
  3. หมอหญิงพลิกธรรมเนียม
  4. บทที่ 26
Prev
Next

“ในเรือนคนมากปากมาก พาเจ้ามาเดินก็เพื่อจะพูดจากับเจ้าตามลำพัง”

ไม่ได้ยินเสียงจากข้างหลังแล้ว หลวนอวิ๋นชูจึงผ่อนฝีเท้าลง พูดเสียงเบา

“สะใภ้สี่…” ฝูหรงหยุดชะงักตามสัญชาตญาณ มองหลวนอวิ๋นชูอย่างตกตะลึง

หลวนอวิ๋นชูดึงแขนนางให้เดินต่อไป

“สี่จวี๋สี่หลันจะอย่างไรก็เป็นคนของนายหญิงใหญ่ ไม่อาจคาดหวังว่าพวกนางจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับข้า เวลานี้เปลี่ยนบ่าวไพร่แล้ว ต่อไปเจ้าจะต้องสิ้นเปลืองสมองให้มากสักหน่อย อย่าปล่อยให้พวกนางคล้อยตามสี่จวี๋สี่หลันไป”

“เรื่องนี้สะใภ้สี่ไม่พูด บ่าวก็มีแผนการในใจอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเลือกสาวใช้เมื่อครู่ นางทำให้ท่านลำบากใจไปเสียทุกทาง พูดถึงเมื่อเช้านี้ สิ่งที่นายหญิงใหญ่พูดถึงทั้งนอกและในคำพูด เรื่องเล็กเท่าเข็มในเรือนของเรา กระทั่งแม้แต่บ่าวเองยังไม่รู้ นายหญิงใหญ่กลับรู้อย่างกระจ่างแจ้ง ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือพวกนางสองคนแน่นอน บ่าวไม่ชอบที่พวกนางถือดีว่าเคยอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่มาก่อน ไม่ว่าทำอะไรก็เหมือนไม่เห็นท่านเป็นนาย”

พูดๆ อยู่ฝูหรงพลันหยุดชะงัก แอบชำเลืองตามองสีหน้าของหลวนอวิ๋นชูแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“จะอย่างไรก็เป็นคนของนายหญิงใหญ่ สะใภ้สี่ย่อมไม่สะดวกจะแข็งกร้าวกับพวกนางมากเกินไป”

“เรื่องนี้ข้ามีแผนการในใจอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเจ้าเพียงรอบคอบระแวดระวังให้มากก็พอ”

ขณะกำลังพูดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น หลวนอวิ๋นชูเงยหน้ามองไป เห็นประตูเล็กอยู่ข้างหน้าไกลๆ เสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลังของประตูแห่งนั้น

“ฮ่าๆ! ยากนักจะได้พบน้องเหวินฮั่น ยินดีที่ได้พบ แม่ทัพใหญ่จะยกทัพไปตีแคว้นชื่อ ข้าได้ยินว่าอัครเสนาบดีเหยากำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมเสบียงอาหารและหญ้า น้องเหวินฮั่นเป็นศิษย์เอกของอัครเสนาบดีเหยา เหตุใดไม่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย ถึงกับมีเวลาว่างมาเที่ยวเล่นที่ทะเลสาบลั่วเยี่ยน”

ลู่เซวียน! เขามาที่จวนกั๋วกง

ได้ยินชื่อที่คุ้นหูหลวนอวิ๋นชูก็ร่างชะงัก หยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว ตั้งใจฟังขึ้นมา

ไม่ผิดจากที่คิด เป็นเสียงที่คุ้นหูอย่างที่สุดนั่นจริงๆ

“ฝ่าบาททรงให้ท่านอัครเสนาบดีรวบรวมเสบียงกรังของกองทัพ หารู้ไม่ เวลานี้ท้องพระคลังว่างเปล่า จะรวบรวมเสบียงอาหารและหญ้าให้ทัพใหญ่หลายสิบหมื่นคนนั้นไม่ง่ายเหมือนพูด ข้ามาจวนกั๋วกงก็เพราะได้รับการมอบหมายจากท่านอัครเสนาบดี มาขอให้เจิ้นกั๋วกงให้ความช่วยเหลือ”

“มาขอให้เจิ้นกั๋วกงให้ความช่วยเหลือ? ฮ่าๆ” คนผู้นั้นหัวเราะ “เจิ้นกั๋วกงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักมานานแล้ว ไม่มีอำนาจในมือ อย่างไรกัน อัครเสนาบดีเหยาผู้มีอำนาจทั้งนอกและในราชสำนักถึงกับคิดจะมาจุดธูปไหว้พระในวัดที่เงียบเหงาแห่งนี้แล้วหรือ”

“พี่โม่เหรินพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก สุภาษิตว่าไว้ บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองหรือสูญสิ้นแผ่นดิน ทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เวลานี้ราชสำนักกำลังต้องการใช้คน พวกเราเป็นขุนนาง จะเป็นเพราะปกติถูกปฏิบัติอย่างเฉยเมยไปบ้างก็บ่นว่าขึ้นมา ไม่ยอมแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาทได้อย่างไร ตามความเห็นของข้า เจิ้นกั๋วกงหาได้จิตใจคับแคบเช่นที่ท่านคิดไม่…”

ในน้ำเสียงนอบน้อมถ่อมตนแฝงด้วยความหนักแน่นทรงพลัง อากาศรอบด้านพลันหนักอึ้งขึ้นมา

เป็นขุนนางจะกล้าบ่นว่ากษัตริย์ได้อย่างไร

โม่เหรินพลันตระหนักว่าตนพลั้งปากไป ในเวลาอันสั้นพูดอะไรไม่ออก คุณชายเสื้อสีน้ำเงินที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็ประสานมือพลางเอ่ยขึ้น

“มาคิดดูแล้ว ท่านผู้นี้คงเป็นจ้วงหยวนลู่เซวียนลู่เหวินฮั่นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกระมัง ข้าหลีอู่ เลื่อมใสมานาน…เลื่อมใสมานาน”

ลู่เซวียนก็ประสานมือตอบ

“ที่แท้ท่านก็คือพี่หลีอู่ ได้ยินชื่อเสียงมานาน ได้ยินว่าพี่หลีเคยต่อสู้กับผู้กล้าของแคว้นหลวนสิบสองคนด้วยมือเปล่า วันนี้ได้มาพบ ยินดียิ่งนักๆ”

“ฮ่าๆๆๆ ก็แค่คนหยาบกระด้างเท่านั้น จะเทียบกับน้องเหวินฮั่นผู้มีความสามารถด้านการประพันธ์อันดับหนึ่งได้อย่างไร น้องเหวินฮั่นโปรดอย่าได้ตำหนิ เจ้ากับถังเซียวแต่ไรมาก็ไม่ชอบเหิงจวิน เคยแต่งบทกวีด่าทอเขาว่าลบหลู่เกียรติและศักดิ์ศรีของปัญญาชน ต่างรู้กันทั่วว่าเจ้าไม่เคยย่างเหยียบเข้ามาในจวนกั๋วกง วันนี้กลับเห็นเจ้าอยู่ที่นี่ โม่เหรินย่อมรู้สึกแปลกใจ”

“…”

ลู่เซวียนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที หลีอู่ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอีก

“ฮ่าๆ น้องเหวินฮั่นรวบรวมเสบียงอาหาร เหตุใดจึงมาถึงใต้ต้นอิ๋นซิ่งต้นนี้ได้เล่า”

“เอ่อ…”

‘นาง’ เคยมาฆ่าตัวตายที่นี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาที่นี่

เพียงแต่ความคิดนี้จะบอกคนอื่นได้อย่างไร ลู่เซวียนถูกถามอย่างกะทันหันจนนิ่งอึ้งไป เขาเงยหน้ามองอิ๋นซิ่งร้อยปีต้นนี้โดยไม่พูดอะไร หลีอู่มองตามสายตาของเขา และกวาดตาขึ้นลงมองต้นอิ๋นซิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าที่เป็นปัญญาชนเลย ข้าดูอย่างไรต้นไม้นี้ก็เป็นเพียงต้นไม้ต้นหนึ่ง ก็แค่ต้นใหญ่หน่อย สูงหน่อย เหตุใดจึงทำให้น้องเหวินฮั่นอาลัยอาวรณ์จนลืมกลับบ้านเสียเล่า ชั่วเวลาเพียงคืนเดียวถึงกับกลายเป็นแขกประจำของจวนกั๋วกงไปแล้ว” หลีอู่เกาศีรษะด้วยความกลัดกลุ้ม จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาอีก “ฮ่า!ๆ วันนี้ยากนักที่ได้มาพบน้องเหวินฮั่น ข้าก็จะทำตัวสง่างามสักครั้ง แต่งกวีสักบทให้ท่านจ้วงหยวนวิพากษ์วิจารณ์”

“แต่งบทกวี! ถ้าเจ้าแต่งบทกวีออกมาได้ เช่นนั้นแม่หมูก็สอบจ้วงหยวนได้แล้ว!” โม่เหรินหุบพัด เคาะศีรษะหลีอู่เบาๆ หัวเราะแล้วด่าว่า “หากมีเวลา ไม่สู้ไปสำนักนางโลมหลิงหลงฟังชุ่ยหงขับร้องเพลง ไปดูเสน่ห์ของแม่สาวน้อยจอมซุกซนผู้นั้น หึๆ…รีบไปเถิด เหิงจวินคงจะร้อนใจเต็มที”

โม่เหรินพูดพลางคว้าแขนหลีอู่จะจากไป แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หันมากล่าวกับลู่เซวียน

“จริงสิ วันนี้เหิงจวินจัดโต๊ะเลี้ยงสุราที่สำนักนางโลมหลิงหลง พี่น้องทั้งหลายไปรวมตัวกัน น้องเหวินฮั่นจะไปดื่มด้วยกันสักสองจอกหรือไม่ หึๆ แม่นางที่สำนักนางโลมหลิงหลงไม่เพียงอัจฉริยภาพสูงแปดโต่ว* แต่ละคนจริตจะก้านแพรวพราว น้องเหวินฮั่นเห็นแล้วต้องชอบแน่นอน”

เห็นคนทั้งสองพูดจาสกปรกโสมม ลู่เซวียนสีหน้าเยียบเย็น กล่าวอย่างเย็นชา

“ในเมื่อพี่ชายทั้งสองมีธุระ เช่นนั้นก็เชิญตามสบาย ข้ายังต้องรอเจิ้นกั๋วกงกลับจวนและปรึกษาหารือเรื่องรวบรวมเสบียงอาหาร ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว!”

เห็นลู่เซวียนมีสีหน้าเหยียดหยาม หลีอู่ก็พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที ผลักโม่เหรินออกไป

“โม่เหรินเอ๋ยโม่เหริน เจ้าก็สนใจแต่จะไปป้อยอเอาใจสตรีพวกนั้น จะไปเจ้าก็ไปเองเถิด ยากนักจะได้พบเหวินฮั่น ข้าได้ยินว่าแม้แต่บัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นั้นก็ยังหลงใหลบทกวีของเหวินฮั่นเลย วันนี้ข้ามีอารมณ์สนุกสนาน จะต้องขอคำชี้แนะสักเล็กน้อย ดูซิว่าบัณฑิตหญิงเหล่านั้นเหตุใดจึงได้หลงใหลเหวินฮั่นนัก!”

ว่าแล้วหลีอู่ก็เดินวนรอบต้นอิ๋นซิ่งไปรอบหนึ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ชี้ไปแล้วบอก

“เราเอาต้นไม้ต้นนี้เป็นหัวข้อ น้องเหวินฮั่นฟัง อืม…ต้นไม้ใหญ่โตต้นหนึ่ง ข้างบนเขียวข้างล่างเทา”

“สะใภ้สี่ ท่านเป็นอะไรไป!”

ประสาทสัมผัสทั้งหกของฝูหรงไม่เฉียบไวเหมือนหลวนอวิ๋นชู นางย่อมไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวที่ทะเลสาบลั่วเยี่ยน เอาแต่ก้มหน้าใคร่ครวญคำพูดของหลวนอวิ๋นชู มาถึงข้างประตูจึงค่อยพบว่าหลวนอวิ๋นชูไม่ได้ตามมา จึงรีบหยุดแล้วหันไปร้องเรียก

แม้จะมีภูเขาจำลองกั้นอยู่ แต่เสียงกังวานใสของฝูหรงยังคงดังเข้าไปข้างใน หลีอู่หยุดชะงัก หรี่ตามองไปทางภูเขาจำลอง จากนั้นก็หัวเราะหึๆๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มหื่นกระหาย

“มิน่าน้องเหวินฮั่นถึงขยันมาจวนกั๋วกง รวบรวมเสบียงอาหารต้องมาถึงทะเลสาบลั่วเยี่ยน ที่แท้ก็มีนัดกับหญิงงาม เฝ้าคิดถึงแม่ม่ายน้อยของจวนกั๋วกงอยู่กระมัง!”

เห็นหลีอู่สบประมาทหลวนอวิ๋นชู ลู่เซวียนสีหน้าบึ้งตึง เหวี่ยงหมัดออกไป ชกถูกดั้งจมูกหลีอู่เข้าพอดี จากนั้นก็กระชากคอเสื้อของเขา

“ต่งฟูเหรินจะอย่างไรก็เป็นนายหญิงตราตั้งขั้นสี่ของราชสำนัก ไม่ใช่คนที่คนต่ำช้าอย่างเจ้าจะลบหลู่! ไป เราไปตัดสินกันเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ที่แท้แล้วข้ามาจวนกั๋วกงเพื่อรวบรวมเสบียงอาหารจริงหรือเท็จ มาลบหลู่เกียรติและศักดิ์ศรีของขุนนางแห่งราชสำนักเช่นนี้ได้อย่างไร!”

หลีอู่เป็นจอมยุทธ์คนหนึ่ง ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชกไปหมัดหนึ่ง อดตะลึงงันไม่ได้ ลู่เซวียนเป็นบัณฑิต ไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าไร เขาจึงไม่เจ็บมากนัก แต่ถูกคนชกหน้าเช่นนี้ย่อมเสียหน้าอย่างมาก เขาจ้องลู่เซวียนนิ่ง เช็ดโลหิตที่ไหลออกมาจากจมูกช้าๆ หัวเราะหึๆ พลางกล่าวเสียงเยียบเย็น

“มารดามันเถอะ! อย่าถือดีว่าเจ้าเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ยกฝ่าบาทมาข่มแล้วข้าจะกลัว” แล้วร้องตะโกนขึ้น “ให้ตายสิ! อ้างว่ามารวบรวมเสบียงอาหาร แต่วิ่งมานัดแม่ม่ายที่นี่ มีอะไรแตกต่างกับข้าไปเที่ยวสำนักนางโลมเล่า ข้าเพียงพูดถึงก็ยังไม่ได้!”

คำพูดยังไม่จบลู่เซวียนก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ก่อนแล้ว เหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้งอย่างยับยั้งใจไม่อยู่ ครั้งนี้หลีอู่ระวังตัวอยู่ก่อน เขาเบี่ยงตัวหลบแล้วชกกลับมาหนึ่งหมัด

ลู่เซวียนบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่ง เพียงเพราะหลวนอวิ๋นชูถูกลบหลู่ ภายใต้ความเดือดดาลจึงได้ขาดสติ ถ้าต่อยตีกันขึ้นมาจริง ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลีอู่ได้ หมัดที่เหวี่ยงมาอย่างรุนแรงของหลีอู่ชกถูกหน้าอกลู่เซวียนพอดี เขาเจ็บจนแค่นเสียงหนักออกมาคำหนึ่ง เซไปข้างหลังหลายก้าวแล้วล้มลง

คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนเพียงพูดจาไม่ถูกหูกันคำเดียวก็ถึงกับลงไม้ลงมือกัน โม่เหรินตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพุ่งปราดเข้ามาประคองลู่เซวียนไว้ ปากก็เอ่ยห้ามปราม

“แค่พูดจาล้อเล่นกัน พี่หลีอู่ปกติก็เป็นเช่นนี้ พูดจาไม่เคยผ่านสมอง น้องเหวินฮั่นโปรดอย่าได้ถือสา!”

พูดจบก็หันไปทางหลีอู่

“พี่หลีอู่รีบหยุดมือ น้องเหวินฮั่นเป็นบัณฑิตร่างกายบอบบางผู้หนึ่ง จะทานทนต่อกำปั้นเหล็กของเจ้าได้อย่างไร ถ้าทำร้ายเขาบาดเจ็บขึ้นมา พรุ่งนี้ไปประชุมขุนนางไม่ไหว ฝ่าบาททรงตำหนิลงมา เจ้าถูกลงโทษเรื่องเล็ก เกรงก็แต่จะทำให้ท่านกั๋วกงต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”

“ไปประชุมขุนนางไม่ไหวแล้วอย่างไร ขนาดขุนนางแห่งราชสำนักผู้องอาจผึ่งผายมาล่อหลอกแม่ม่ายถึงจวนกั๋วกงยังไม่กลัว ข้ายังต้องกลัวอะไร!”

หลีอู่แต่ไรมาก็ดูแคลนปัญญาชนคร่ำครึเหล่านี้ วันนี้ถูกหนอนหนังสืออ่อนแอคนหนึ่งชกหน้า ไหนเลยจะยอมจบเรื่องง่ายๆ ปากด่าไป หมัดก็ชกต่อ

ได้ยินหลีอู่เอ่ยคำว่า ‘แม่ม่าย’ ออกมาอีก ลู่เซวียนดวงตาประกายวาวโรจน์ขึ้นมา เห็นอีกฝ่ายเหวี่ยงหมัดเข้ามาก็ออกแรงดิ้นหลุดจากการประคองของโม่เหริน พุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต

ขณะกำปั้นกำลังจะกระทบหน้าอยู่นั้น โม่เหรินก็พุ่งเข้าไปคว้าตัวลู่เซวียนเหวี่ยงออก หลบกำปั้นที่พุ่งเข้ามาได้หวุดหวิด จากนั้นก็พลิกมือกุมสกัดจุดหลีอู่ไว้

หลีอู่ผู้นั้นมีพละกำลังมากเสียเปล่า ถึงกับถูกกุมสกัดจุดไว้ไม่อาจขยับเนื้อขยับตัวได้ หมัดเงื้อค้างอยู่กลางอากาศ ถลึงตาจ้องมองลู่เซวียนหางตาแทบฉีก

ยับยั้งหลีอู่ได้แล้ว โม่เหรินสีหน้าเยียบเย็นเอ่ยว่า

“น้องเหวินฮั่นเป็นบัณฑิตร่างกายบอบบางผู้หนึ่ง ต่อให้สู้ชนะแล้ว พี่หลีอู่จะมีเกียรติอะไร ต่งฟูเหรินเป็นนายหญิงตราตั้งขั้นสี่ ทั้งยังเป็นสะใภ้ของท่านกั๋วกง ถ้าเรื่องไปถึงราชสำนัก ท่านกั๋วกงก็ต้องเสื่อมเสียเกียรติ!”

หลีอู่ผู้นี้เดิมทีก็เป็นคนหยาบกระด้างอยู่แล้ว ไม่ผิดจากที่โม่เหรินกล่าว พูดจาไม่เคยผ่านสมอง เป็นเพราะที่ผ่านมามีความสนิทสนมกับต่งอ้าย ได้ยินว่าลู่เซวียนกับหลวนอวิ๋นชูเคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวต่อกัน วันนี้ยังได้มาเจอทั้งสองคนมาที่แห่งนี้ก่อนหลังกันอีก เข้าใจว่านัดแนะกันมาก่อนแล้ว จึงรู้สึกโกรธแค้นแทนต่งอ้าย หลังจากฟังคำพูดของโม่เหรินแล้ว ก็รู้ว่าตนไม่มีเหตุผล เห็นลู่เซวียนนัยน์ตาวาวโรจน์ กำลังออกแรงจะดิ้นให้หลุดจากมือโม่เหรินหมายสู้ตายกับตน ในความใจร้อนฮึดฮัดเจือความแข็งแกร่งตรงไปตรงมาอยู่หลายส่วน ไม่มีท่วงทีของความคร่ำครึให้เห็นอย่างที่คิด

พร้อมๆ กับที่รู้ว่าตนเองขาดเหตุผล หลีอู่ก็เกิดความรู้สึกเคารพเลื่อมใสขึ้นมาหลายส่วน เห็นโม่เหรินก็พานโกรธไปด้วย ทั้งคว้าข้อมือตนไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหว สุดท้ายจึงถือโอกาสพูดไปด่าไปแล้วเดินจากไป

ได้ยินเสียงลงไม้ลงมือกันดังมาจากข้างใน หลวนอวิ๋นชูร้อนใจขึ้นมา เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นตามสัญชาตญาณ ฝูหรงเองก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากทะเลสาบลั่วเยี่ยน เห็นหลวนอวิ๋นชูเดินตรงมาก็เอ่ยปากขึ้น

“สะใภ้สี่ ข้างในดูเหมือน…”

หลวนอวิ๋นชูไม่ได้ใส่ใจฝูหรง เดินเร็วๆ ผ่านนางไป ตรงไปที่ประตูวงเดือน

เดิมฝูหรงคิดจะเตือนหลวนอวิ๋นชูให้เดินย้อนกลับไป หลบเลี่ยงจากสถานที่ที่มีคนวิวาทกันอยู่ ทว่าเห็นนางเร่งรีบเดินเข้าไป กลัวนางจะเกิดเรื่อง จึงรีบหยุดปากแล้วเดินตามไปติดๆ

พอเข้าประตูมาสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือภูเขาจำลองลูกหนึ่ง หลวนอวิ๋นชูจำได้คลับคล้ายคลับคลา วันก่อนตอนเจอต่งเหรินก็เคยเห็นภูเขาจำลองลูกนี้ คิดไม่ถึงว่าด้านหลังจะมีประตูอยู่ เดินไปตามถนนเล็กปูหินศิลาเขียวใต้ร่มไม้ หลวนอวิ๋นชูอ้อมผ่านภูเขาจำลอง แล้วก็ไม่ผิดจากที่คิด ข้างหน้าคือต้นอิ๋นซิ่งร้อยปีต้นนั้น

เสียดาย ใต้ต้นไม้เงียบสงัด ไหนเลยจะมีเงาของลู่เซวียน

ความผิดหวังผุดขึ้นมา หลวนอวิ๋นชูเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ไม่ทันสังเกตว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้า จึงเดินชนเข้าไปเต็มแรง หลวนอวิ๋นชูร่างซวนเซเกือบจะล้มลงไป กลับถูกคนที่อยู่ตรงหน้าคว้าไว้ได้ทัน

เขม้นตามองไป ไม่ใช่ลู่เซวียนแล้วจะเป็นใคร

ทันใดนั้นดวงตาสองคู่ก็สบประสานกัน ทั้งสองต่างสะดุ้งเฮือกและมองจ้องกันไปมาอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ต่างรู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นน้อยๆ ของกันและกัน

ส่วนลึกในดวงตาของลู่เซวียนค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา มองหลวนอวิ๋นชูด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เงียบๆ พยุงนางให้ยืนมั่นแล้วกลับไม่ได้ปล่อยมือ ถามด้วยเสียงแหบต่ำ

“อวิ๋นชู เมื่อครู่กำลังมองหาข้าอยู่หรือ”

หลวนอวิ๋นชูพยักหน้าตามสัญชาตญาณ นางก็ไม่รู้เมื่อครู่ตนเป็นอะไร ได้ยินเสียงข้างในต่อสู้กันแต่ไกลก็บุ่มบ่ามพุ่งเข้ามา ถึงกับสูญเสียความสุขุมเยือกเย็นที่เคยมีมาโดยตลอด ชั่วขณะนั้นนางรู้สึกว่าตนเองไม่มีความคิดอะไรอยู่ในสมองเลย เมื่อสงบสติอารมณ์ลงมา กวาดตาขึ้นลงมองลู่เซวียนอยู่หลายรอบ เห็นเขาปกติดีไม่มีอะไรบุบสลายก็โล่งใจ ก่อนพบว่าเขายังกุมมือนางไว้แน่น ใบหน้าจึงอดแดงเรื่อไม่ได้ นางค่อยๆ ดึงมือออกมาพลางมองลู่เซวียนด้วยความเป็นห่วง

“เมื่อครู่…”

ฝ่ามือพลันว่างเปล่า ลู่เซวียนรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมา ยื่นมือไปคว้าด้วยจิตใต้สำนึก แต่ยื่นไปได้ครึ่งทางก็หดกลับมา ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขากับนางไม่อาจกลับไปเหมือนในอดีตได้อีก

“ไม่มีอะไร แค่สุนัขบ้าไม่กี่ตัวกัดเท่านั้น อวิ๋นชูไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ” ลู่เซวียนยกมือขึ้นกุมหน้าอก ไอออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง มองหลวนอวิ๋นชูอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “เจ้าวางใจ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่ยอมให้บุรุษหยาบกระด้างกลุ่มนี้ลบหลู่เจ้าเป็นอันขาด!”

หัวใจของหลวนอวิ๋นชูสั่นสะท้านเบาๆ กระแสความอบอุ่นขุมหนึ่งไหลผ่านส่วนลึกของจิตใจ นึกถึงว่าเขาบัณฑิตร่างกายบอบบางผู้หนึ่ง เพียงเพื่อจะปกป้องชื่อเสียงของนาง ถึงกับลงไม้ลงมือกับหลีอู่ผู้มีพละกำลังต้านทานผู้กล้าสิบสองคนของแคว้นหลวนได้ สายตาสองคู่สบประสานกันเงียบๆ ผ่านไปพักใหญ่หลวนอวิ๋นชูจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ

“แค่คำพูดของบุรุษหยาบกระด้างไม่กี่คน ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก คุณชายไยต้องเอามาใส่ใจด้วย ถ้าทำให้ตนเองต้องบาดเจ็บไปจริง ข้า…” เสียงขาดหาย หลวนอวิ๋นชูหน้าแดงเรื่อ เสไปถามเรื่องอื่น “เหตุใดท่านอัครเสนาบดีจึงขอความช่วยเหลือมาถึงจวนกั๋วกงได้”

ได้ยินหลวนอวิ๋นชูเรียกเขาอย่างห่างเหินว่า ‘คุณชาย’ ลู่เซวียนสีหน้าเศร้าสลดลง จากนั้นก็เห็นนางหน้าแดงเล็กน้อย ความห่วงใยเอ่อท้นออกมาจากคำพูดและสีหน้าท่าทางของนาง เขาจึงอารมณ์ดีขึ้นมาทันที มองนางด้วยความหลงใหล กล่าวเสียงกระซิบ

“อวิ๋นชู เรียกข้าพี่เหวินฮั่นเหมือนเมื่อก่อนดีกว่า”

หลวนอวิ๋นชูไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อก่อนบัณฑิตหญิงผู้ยอดเยี่ยมแห่งยุคผู้นั้นเรียกลู่เซวียนว่าอย่างไร จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าในสมัยโบราณโดยทั่วไปล้วนเรียกคุณชาย จึงได้เรียกเขาว่าคุณชายอย่างฝืนๆ เห็นลู่เซวียนช่วยแก้ไขก็พยักหน้า

“พี่เหวินฮั่นมาจวนกั๋วกงเป็นประจำหรือ”

“ข้า…” ร่างลู่เซวียนชะงักนิ่ง ก่อนกล่าวว่า “ข้ารับคำสั่งจากท่านอัครเสนาบดี มาจวนกั๋วกงเพื่อรวบรวมเสบียงอาหารให้กองทัพ แต่บังเอิญเจิ้นกั๋วกงมีธุระติดต่อกันมาหลายวัน วันนี้ก็รอจนร้อนใจ จึงมาผ่อนคลายอารมณ์ที่นี่”

หลายวันมานี้นางเห็นต่งกั๋วกงที่เรือนด้านในอยู่เสมอ ท่าทางสบายอกสบายใจ เหตุใดจู่ๆ จึงมีงานยุ่งขึ้นมา ฟังคำพูดนี้แล้วหลวนอวิ๋นชูนึกฉงนอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา เพียงถามต่อ

“เรื่องของราชสำนักข้าไม่รู้ เพียงได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่บอกนายท่านไปร่วมประชุมขุนนางน้อยมาก ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินนานแล้ว เหตุใดจึงมาจัดการเรื่องเสบียงอีกเล่า”

“อวิ๋นชูพูดได้ไม่ผิด เจิ้นกั๋วกงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินนานแล้ว” ลู่เซวียนพยักหน้า เดินช้าๆ เคียงคู่กับนางที่ริมทะเลสาบ “ข้ามารวบรวมเสบียงอาหาร ไม่ใช่เพราะเจิ้นกั๋วกงควบคุมดูแลเงินทองและเสบียงอาหาร ฝ่าบาทจะทรงทำศึกสงครามกลับไม่มีเงิน และบังคับให้ท่านอัครเสนาบดีคิดหาหนทาง เพราะหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านอัครเสนาบดีจึงได้นึกถึงเจิ้นกั๋วกง อวิ๋นชูก็รู้ เจิ้นกั๋วกงกับพานตี๋พ่อค้าเกลือที่มั่งคั่งเทียบท้องพระคลังเป็นญาติเกี่ยวดองเพราะบุตรสาวบุตรชายแต่งงานกัน ทั้งยังคบค้าสมาคมกับพ่อค้าใหญ่หลายคนของแคว้นหลวน ถ้าให้เขาออกหน้า การรวบรวมเสบียงอาหารและหญ้าย่อมง่ายขึ้นมาก”

พูดตามตรงก็คือการระดมทุน หลวนอวิ๋นชูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตามองสายน้ำเขียวขจี พูดขึ้นเบาๆ

“อยู่ดีๆ เพราะเหตุใดต้องทำศึกสงครามด้วย ทำสงครามก็ต้องเกณฑ์ทหาร ต้องเก็บภาษีเพิ่ม อาณาประชาราษฎร์ก็จะต้องทุกข์ยากสุดบรรยาย”

* อัจฉริยภาพสูงแปดโต่ว มีที่มาจากคำพูดของเซี่ยหลิงอวิ้น กวีสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ที่กล่าวยกย่องเฉาจื๋อหรือโจสิด บุตรชายคนที่สามของโจโฉซึ่งเป็นกวีที่มีผลงานโดดเด่นว่า ‘ทั่วทั้งแผ่นดินมีอัจฉริยภาพรวมหนึ่งตั้น เฉาจื๋อคนเดียวได้ไปแปดโต่ว’ (หนึ่งตั้นเท่ากับสิบโต่ว) หมายถึงเป็นยอดอัจฉริยะ

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

601-696×392
ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก
14 กรกฎาคม 2022
9543_cover
GM ไปต่างโลก
15 มิถุนายน 2021
Invincible-Super-System-Modifier-696×928
Super System Modifier
6 มกราคม 2022
4500_cover
[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์
30 ธันวาคม 2021
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 26"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF