ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 168
ตอนที่ 168 ทายาทผู้สืบทอด
“แต่มันแปลก ๆ ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าลุงคนนี้ไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่….” ลุงต้านกําลังสับสนกับเหตุการณ์ ก่อนหน้านี้จริงๆ
สาวกของบริษัทไล่เฉิงทุกคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ล้วนแต่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันทั้งนั้น… พอบอกว่าคล้ายค ลึง เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกําลังพูดผิดอยู่ มันไม่ใช่ความคล้ายคลึง! ความคล้ายคลึงที่เขาพูดมานั้นมันก็ เหมือนกับเป็นการหลอกตัวเองอย่างแท้จริง
ที่จริงแล้วพวกเขาทุกคนไม่ว่าจะเป็นหนุ่มหรือแก่ พวกเขาล้วนมีใบหน้าทรงเดียวกันทั้งนั้น… เอาจริงๆคือเห มือนกันเลย ใบหน้าของเหล่าสาวกของบริษัทไล่เฉิงทําให้ความรู้ทางการแพทย์ของเขาที่เรียนมานับ 20 กว่าปี ประสบการณ์มากมายที่เขาได้สั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้ จนกลายเป็นหอคอยงาช้างที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและความรู้ที่ไม่มีวันพังทลายได้เกือบถล่มลงมาในคราวเดียว เขาไม่สามารถหาคําตอบกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ได้เลย เขาได้แต่มองกู้จวินจากนั้นก็พูดความคิดของเขาออกมา
“ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะเป็นวงศ์ตระกูลเดียวกันก็ได้… สาวกที่แก่หน่อยอาจจะเป็นคุณปู่ สาวกที่หนุ่มหน่อย อาจจะเป็นลูกของคุณปู่ และสาวกที่เด็กลงมาหน่อยอาจจะเป็นรุ่นหลาน และสาวกที่เด็กกว่านั้นอาจจะเป็นรุ่นเหลน…?”
แต่ความคล้ายคลึงของใบหน้ามากกว่าสองชั่วอายุคน? แม้แต่การถ่ายทอด DNA เพียงแค่รุ่นเดียวอย่างพ่อกับลูกก็แทบเป็นไปไม่ได้!
เคยเห็นพ่อหน้าตาเหมือนลูกชาย 100% หรือไม่? อย่างน้อยลูกชายก็จะต้องมีบางส่วนเหมือนกับคุณย่าคุณยายหรือไม่ก็แม่ของเขาบ้าง ไม่มีทางที่คนเป็นลูกชายนั้นจะหน้าตาเหมือนพ่อได้ 100 เปอร์เซ็นต์….
ดูอย่างฮ่องเต้ในอดีตสเล่า พวกเขามีลูกประมาณ 30 ถึง 50 คนเป็นอย่างต่ํา มีคนใดบ้างที่หน้าตาเหมือนพ่อได้ 100% และใน 30-50 คนนั้นพวกเขาหน้าตาเหมือนกันทุกคนเลยหรือเปล่า…. แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกันทุกคน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องแยกกันแล้วว่าใครคือองค์ชาย 1 องค์ชาย 2 เพราะทุกคนนั้นล้วนหน้า เหมือนกันไปหมด เวลารับใช้คงจะเวียนหัวแบบพิลึกดี….
ตัวอย่างสมัยนี้ก็มีให้เห็น เด็กรุ่นเหลนคนหนึ่งมีหน้าตาค่อนข้างคล้ายไปทางย่าเทียด และไม่ค่อยเหมือน และแม่กับพ่อมากสักเท่าไหร่! ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่ลูกและญาติพี่น้องจะมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด
ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง พันธุกรรมก็เช่นกัน มันจะผ่านกาลเวลาและผ่านการแก้ไขอยู่ตลอด ดังนี้นบุคคลจึงมีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง ไมาว่าจะเป็นลายมือ ลายนิ้วมือหรือว่าหน้าตา ขนาดฝาแฝดไข่ใบ เดียวกันพวกเขาก็ต้องมีบางอย่างที่ไม่เหมือน อาจจะเป็นตําหนิบนร่างกายหรือว่านิสัย….และไม่มีใครเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ได้หรอก
“ใช่ครับนั่นไม่ใช่ความหมายที่ผมจะสื่อ…. คําว่าญาติกันนั้นไม่ได้หมายถึงสายเลือดเดียวกันครับ แต่มันหมายถึงทายาทของอะไรบางอย่าง…. เช่นทายาททางธรรมหรือผู้สืบสันดานทางด้านเจตนารมณ์…. นั่นก็ หมายความว่าพวกเขาอาจจะเป็นทายาทของการดํารงอยู่ของบางสิ่งบางอย่าง” กู้จวินขยายสมมติฐานของเขา ออกมา เพราะเขากลัวว่าลุงต้านจะทํามันพัง จากนั้นเขาก็ลังเลก่อนที่จะพูดออกไปด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด “แต่ ที่ผมแน่ใจก็คือพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน”
เสวี่ยป้าและลุงต้านพยักหน้าเล็กน้อย….ถ้าเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะไม่เชื่อกู้จวินและอาจจะคิดว่าเด็กคนนี้กําลังปั่นหัวพวกเขาอยู่ แต่เมื่อพวกเขาได้ประสบพบเจอกับเรื่องจริง และได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองอีกครั้ง อีกทั้งยังลงมือยิงด้วยตัวเองอีกด้วย
ความโหดร้ายและมนต์อันน่าสะพรึงกลัว อีกทั้งพวกเขายังอยู่ในเหตุการณ์ที่ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ทว่าพวกเขาได้แต่นั่งนิ่งโดยตอบโต้อะไรไม่ได้
นี่ไม่แตกต่างอะไรจากมัดแขนมัดขาแล้วกําลังรอความตายอย่างเงียบกริบ พวกเขามีปืนมีทุกอย่างแต่ไม่สามารถทําอะไรพวกมันได้ แม้จะยิงแต่ก็ไม่เข้าผิวหนัง มันกลับทะลุออกไปอย่างน่าสะพรึงกลัว ถ้าจะบอกว่าพวกมันเป็นคนธรรมดาในตอนนี้พวกเขาจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดต่อให้เป็นกู้จวินพูดเองก็ตาม
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันนั่นก็คือปีศาจ! เพราะไม่มีมนุษย์คนใดหรอกที่จะโดนยิงแบบนั้นและกระสุนกําลังจะเข้าจุดสําคัญแต่กลับผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาถ้าโดนยิงไปแบบนั้น อย่างน้อยถ้ารอดตายก็ต้องเข้า ICU นานสัก 5-6 เดือน! แต่พวกเขากลับทําพิธีและร้องเพลงกันอย่างสนุก และยังมีแรงเหลือ พอที่จะราายคาถาแปลกประหลาดให้พวกเขาจมดิ่งอยู่ในความสิ้นหวังด้วย
แต่ไม่ว่าจะในกรณีใดเป็นปีศาจหรือมารที่น่ากลัว แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาไม่ได้เดาใกล้ชิดกับความจริงมากนัก บางที่อาจมีคําตอบเพิ่มเติมที่หาได้จากศพ พวกเขาจําเป็นจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยการวิเคราะห์ดีเอ็นเอจากซากศพ
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาในตอนนี้มันช่างอ่อนแอเกินกว่าจะขนศพกลับไปได้มากมาย พวกเขาทําได้แค่ตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อบางส่วนเท่านั้น แต่เสี่ยป้ายืนกรานที่จะตัดศีรษะของผู้นําสาวกชุดแดงและถือมันไปด้วย เพราะเขาเดาได้ว่าบางที่ศพของหัวหน้าคนนี้อาจจะมีเงื่อนงํา
ในขณะนั้นหน่วยนักล่าอสูรก็มารวมตัวกันเนื่องจากทําความสะอาดสนามรบบริเวณนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว … พวกเขาเอาศพมากองรวมกัน ก่อนที่จะเข้าไปตรวจร่างกายของศพที่ยังดูดีอยู่ พวกเขาตรวจทั้งเนื้อเยื่อและลายนิ้วมืออย่างละเอียด และในที่สุดหลังจากตรวจสอบอยู่นานพวกเขาก็ได้พบสิ่งที่น่าสนใจเข้าโดยบังเอิญ… นั่นก็ คือลายมือของศพสาวกพวกนี้ แม้จะมีใบหน้าที่เหมือนกันจนแยกไม่ออกแต่อย่างน้อยลายมือของพวกเขาก็ยังแตกต่างกัน
อย่างน้อยก็วางใจได้ว่าสาวกพวกนี้ไม่ใช่ร่างเดียวกันแล้วใช้วิชาประหลากนอกรีตเพื่อแยกร่างของตัวเองออกมา ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงสูญเสียจิตใจที่อ่อนโยนและทัศนคติในการมองโลกแบบปกติไปมากกว่านี้!
และอีกเรื่องหนึ่งที่ยังวางใจไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย กลุ่มของเขามีคนบาดเจ็บมากเกินไปจึงไม่สามารถออกสํารวจในที่ที่ห่างไกลได้
ดังนั้นป่านนี้เรื่องนี้ยังคาราคาซังอยู่ พวกเขาอยู่ในพื้นที่ลึกลับและที่ลึกลับแห่งนี้ยังจะมีสาวกกลุ่มอื่นอาศั อยู่อีกหรือไม่! ขึ้นชื่อว่าเป็นลัทธิ…ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่อยู่มานานกว่าร้อยปี…ไม่สิ บางทีมันอาจจะถึงพันปี ดังนั้นสาวกและผู้ศรัทธาคงไม่ได้มีแค่ 100 คนหรอกกระมัง ดังนั้นจะต้องมีสาวกคนอื่นๆอยู่แน่ๆ แต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเหล่านี้อยู่ที่พื้นที่ลึกลับแห่งนี้หรือไม่
อีกอย่างหนึ่งเหตุผลที่พวกเขายังไม่ออกไปสํารวจป่าในขณะนี้ เป็นเพราะพวกเขาต้องการทําเรื่องบางอย่างให้แน่ใจก่อนนั่นก็คือ โรคต้นไทรมนุษย์!
เป็นที่รู้กันว่าโรคมนุษย์ต้นไทรในองค์กรเฟคต้านั้นมันคือโรคติดต่อ…. และที่นี่ก็เกี่ยวข้องอย่างมากกับโรคมนุษย์ต้นไทร
ดังนั้นแล้วพวกเขาก็คิดว่าบางทีอาจจะมีบางอย่างที่คอยแพร่เชื้อออกจากพื้นป่าที่ลึกลับแห่งนี้อยู่ก็ได้… และแนวคิดนี้ก็เป็นแนวคิดที่อันตรายและเป็นไปได้มากว่าจะเกิดขึ้นจริง นั่นจึงทําให้พวกเขายังลังเลอยู่และไม่กล้าขยับไปไหน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นั่งรอให้กู้จวินสลบไป 3 ชั่วโมงเพื่อที่จะบอกความจริงหรอก… ถ้าเขามั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตรายอะไร เขาคงพาลูกน้องบุกตะลุยเข้าไปในป่าและสืบหาสํารวจที่นี่จนพรุนไปแล้ว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน…ตอนนี้กู้จวินฟื้น! สมาชิกรอดจากอันตราย สถานการณ์กําลังเป็นไปได้ดี ดังนั้นเสวี่ยป้าจึงวางแผนที่จะสวมชุดป้องกันหนึ่งในสามชุดที่เหลืออยู่เพื่อไปดูหลังจากที่พวกเขาทําความสะอาดสนามรบเสร็จแล้ว
ท้ายที่สุดพวกเขายังต้องหาทางกลับบ้าน อีกอย่างหนึ่ง…ที่นี่มันเป็นแค่พื้นที่ลึกลับของเหล่าสาวกบริษัทไล่เฉิงที่น่ารังเกียจ… อีกทั้งพวกเขายังประสบปัญหาใหญ่มากกว่าใดๆทั้งปวงนั่นก็คือเสบียงของเขากําลังจะหมดแล้ว อีกทั้งคนบาดเจ็บมีเพิ่มมากขึ้น แม้กระทั่งกําลังหลักในการค้นหาครั้งนี้อย่างกู้จวินก็ยังได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังอ่อนเพลียอย่างหนัก เขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอและมีภาวะขาดน้ําอย่างมาก! พวกเขาจําเป็นต้องหาลู่ทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสบียงหรือทางกลับบ้าน ไม่อย่างนั้นสมาชิกในทีมของเขาได้ตายกันหมดแน่ โดยเฉพาะกู้จวิน เขากําลังอยู่ในสถานะที่ต้องการน้ําเพื่อการพักฟื้น
“อาจขึ้น! เธอเหนื่อยมากแล้วพักเถอะ! ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเขา” เสี่ยป้าสั่งกู้จวินทันที จากนั้น เสียป้าก็พาลูกน้องทีมนักล่าอสูรที่เป็นพลแม่นปืนหลายคน เดินเข้าไปในป่าพร้อมกับอาวุธครบมือเพื่อสํารวจรอบๆแบบคร่าวๆ…
แม้พวกเขาจะยังสารวจไกลๆไม่ได้แต่การสํารวจใกล้ๆเพื่อหาเสบียงหรือหาลู่ทาง มันก็เป็นหน้าที่ที่พอทําได้ไม่ใช่หรือ และเขาเองก็ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เฉยๆเช่นกัน
พอออกคําสั่งเสร็จ พวกเขาก็ออกไป และทิ้งให้กู้จวินนั่งพักอยู่บนเปลนอนแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่หลินต่อ และลู่เสี่ยวหลิงนั้นออกไปช่วยทํางาน
แม้พวกเขาจะกลายเป็นผู้พิการเพราะการสํารวจในครั้งนี้แต่งานเบาๆ อย่างการตรวจสอบและการดูรอยกระสุน มันไม่ใช่งานหนักเหนือบ่ากว่าแรงพวกเขาเลย พวกเขาสามารถทํามันได้อย่างสบายๆ
นั่นเลยทําให้กู้จวินนั้นเหงายิ่งกว่าเดิม เพราะการอยู่คนเดียวทําให้เขาไม่สามารถสะกดจิตใจให้ใจเย็นลงได้ เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดที่รุนแรงและกลัวจากกันทิ้งรวมทั้งเหตุการณ์มากมายที่เขาได้ประสบพบมา เขาได้แต่กําดินเล่น กําหญ้าเล่นและเอากระดาษมาขยําเล่นอยู่แบบนั้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
จากนั้นเมื่อดูรอบๆ ในระยะเพียงแค่ศาลเจ้า เสวี่ยป่าและพรรคพวกก็กลับมา จากนั้นใบหน้าที่แสนจริงจังนั้นก็ได้เอ่ยปากบอกกับกู้จวิน
“อาจขึ้น ขอบอกตามตรง พวกเราพบบางอย่างเกี่ยวกับผู้นําสาวกก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นเธอสลบอยู่ ฉันจึงไม่ได้บอก แต่ตอนนี้เธอหายดีแล้ว พวกเราต้องการให้เธอดูมัน และพวกเราเองก็จะดูว่าเธอสามารถหาเบาะแสที่สามารถช่วยพวกเราออกจากที่นี่ได้หรือไม่?” เสี่ยป้าเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยท่าทางจําใจ…ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้ร่วมเป็นร่วมตายกัน เขาไม่มีทางยอมให้เด็กหนุ่มที่น่าสงสัยแบบนี้มาแตะต้องหลักฐานชิ้นสําคัญที่เขาพบได้หรอก
ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นสปายที่ฝั่งศัตรูส่งมาก็เป็นไปได้… มันมีให้เห็นอยู่เยอะไป ประเทศที่ทําสงคราม สุดท้ายก็จะเอาคนที่อยู่ในประเทศนั้นนั่นแหละมาเป็นสปายให้แก่พวกเขา…. อีกอย่างหนึ่งที่ทําให้เขาพูดไม่ ออกก็คือ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถอย่างมหาศาล… แต่เขากลับพ่ายแพ้และนอนสลบเหมือนอยู่ ใครจะไปกล้ารบกวนเขากัน
“โอ้?” กู้จวินขมวดคิ้วขณะที่เขานั่งบนเลนอน วัตถุชิ้นนี้ต้องมีความสําคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้นสาวกชุดแดงไม่ถือให้เมื่อยมือหรอก