พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 19 มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่ารักของเขาล้ำลึกเพียงใด
- Home
- All Mangas
- พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส
- ตอนที่ 19 มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่ารักของเขาล้ำลึกเพียงใด
สิบเก้า
มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่ารักของเขาล้ำลึกเพียงใด
“ทะ…ท่านพี่กู้ล่ะ”
อาจิ่งเดินอ้อมเขาเพื่อค้นหาบริเวณด้านนอก ทว่านางกลับพบเพียงแค่จี้ชิงที่ยืนนิ่งพร้อมกับท่าทางเคร่งขรึม
“ท่านพี่กู้…ฮึก!” ดวงตาคู่งามของอาจิ่งเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา นางกอดภาพวาดรูปว่าวพลางทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
เจียงซ่างที่อยู่ไม่ไกลนั้นเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“อาจิ่ง เจ้าใจเย็นๆ ก่อนนะ” ซ่งฉือทนต่ออาการปวดหัวแล้วคุกเข่าลงไปโอบบ่าอันบอบบางของนาง เขาออกแรงรั้งให้นางซบมาที่ไหล่แล้วลูบแผ่นหลังของนางเบาๆ
“ท่านรับปากข้าว่าทุกอย่างต้องดีขึ้นไม่ใช่รึ ฮึก!” อาจิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น นางกอดกระดาษร่างว่าวแนบอกจนตัวอักษร ‘กู้ฉางซือ’ เปื้อนน้ำตาและค่อยๆ จางลง
ซ่งฉือเงียบ เขาได้แต่กอดนางไว้แน่น นัยน์ตาของเขาราวกับตกอยู่ในภวังค์ หยาดน้ำตาไหลรินภายใต้ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง
เจียงซ่างเดิมอ้อมสองคนนั้นออกไป เมื่อปิดประตูห้องแล้วจึงเอ่ยถามจี้ชิง “คุณชายสาม ท่านพี่ซ่งเสียใจขนาดนี้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึ”
จี้ชิงหลุบตาลงด้วยท่าทางเย็นชา “หอไห่ถังถูกทำลายไปแล้ว”
เจียงซ่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “หมด…หมดแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างหรือนี่”
จี้ชิงพยักหน้า มือหนึ่งถือกระบี่หลิงหาน อีกมือหนึ่งถือกระบี่ซุ่ยหานยืนเงียบๆ อยู่ด้านนอก
“สหายซ่งน่าสงสารจริงๆ…” เมื่อคิดว่าสองคนนั้นที่นั่งร้องไห้กอดกันอยู่บนพื้น บัดนี้กลายเป็นคนไร้ที่พึ่งพาในชีวิตไปเสียแล้ว เจียงซ่างรู้สึกเจ็บปวดแทนทั้งคู่จนถึงขนาดต้องหลั่งน้ำตา
“คุณชายสาม ท่านคิดว่าต่อไปพวกเขาจะทำอย่างไร”
จี้ชิงรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีของอีกฝ่ายทว่าก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงแค่หันมองที่ประตูพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เลือดต้องล้างด้วยเลือด”
เจียงซ่างตกใจจนร่างกายเย็นเยียบพลางลอบมองจี้ชิง
บุรุษผู้มีอิสระ สวมเสื้อผ้าสีเข้ม แลดูมืดมนและอันตรายจนเกินบรรยาย
เขาขยี้ตาราวกับว่าตนมองผิดไป เหตุใดคุณชายสามถึงมีท่าทีเช่นนี้กัน
ยามค่ำคืนมาเร็วเหลือเกิน ซ่งฉือต้องปลอบอาจิ่งอยู่เป็นนานสองนาน นานจนเจียงซ่างนั่งสัปหงก ส่วนจี้ชิงก็นั่งอยู่ในห้องโถง ในใจทบทวนตำราจตุวิชาเต้าเมิ่งถึงแปดร้อยรอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
จี้ชิงรินน้ำชาส่งให้เขา ซ่งฉือกลับบอกปัดและเอ่ยขอสุราสามไหแทน
“ข้าอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากดื่มน้ำชา” ซ่งฉือนั่งเท้าคาง มองไปที่ถ้วยที่วางอยู่เบื้องหน้า
“หมายร่ำสุราคลายทุกข์ ยามเมามายอาจลืมสิ้น ยามสร่างนั้นความทุกข์จะยิ่งเพิ่มพูน” จี้ชิงเกลี้ยกล่อม
เจียงซ่างก็ฟื้นคืนสติแล้ว พยักหน้าไปพร้อมกับพูดกับซ่งฉือ “คุณชายสามพูดถูก สุรานั้นไม่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย!”
ซ่งฉือรินให้ตัวเอง กลิ่นหอมแรงของสุราโชยออกมาก่อนที่เขาจะดื่มรวดเดียวจนหมดจอก เขารู้สึกแสบที่ปลายลิ้นเล็กน้อย เรื่องราวในสมองพร่าเลือนไปชั่วขณะ
จี้ชิงเองก็ไม่ได้ห้ามปราม ทั้งยังรินให้ตัวเองหนึ่งจอก เมื่อซ่งฉือดื่มจนหมดจอกเขาก็ดื่มตาม
“เอ๊ะ คุณชายสามเป็นอะไรไปน่ะ…” น้ำเสียงของเจียงซ่างค่อยๆ เบาลง “ข้าดื่มไม่เป็น ถ้าเจ้าทั้งสองเมา ข้าก็จะลากเจ้าสองคนกลับไปที่ห้องเอง”
ซ่งฉือกระตุกมุมปาก หยิบจอกเหล้าขึ้นมาก่อนจะคารวะเจียงซ่าง “สหายเจียง ขอบคุณที่เจ้าช่วยดูแลอาจิ่งนะ”
เจียงซ่างรีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแหละ”
ดวงตาของจี้ชิงสงบนิ่ง นิ้วมือทั้งห้าจับจอกสุราไม้เนื้อหยาบ เมื่อเจียงซ่างเห็นท่าทางที่แปลกไปของเขาจึงยื่นมือไปโบกตรงหน้าของจี้ชิง
“คุณชายสามเมาแล้วรึ”
สายตาเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้เจียงซ่างตกใจ
“ไม่เมา”
ซ่งฉือยิ้มๆ ดวงตาส่งประกายแวววาว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรืออย่างอื่น สายตาถึงได้เป็นประกายเช่นนี้
“เขาไม่เมาง่ายๆ อย่างนั้นหรอก” ซ่งฉือรินสุราให้จี้ชิงจนเต็มแก้ว “มาสิ ขอข้าทดสอบหน่อยว่าเจ้าคอทองแดงเพียงใด”
ร่ำสุราไปสองสามจอก เจียงซ่างก็ไม่เห็นว่าเขาทั้งสองจะกินอะไรเลย การดวลสุราครานี้เปรียบดุจการเดินทาง เจ้ามาข้าไป ผู้คนเดินทางขวักไขว่ไม่ขาดสาย
สุดท้ายซ่งฉือเป็นฝ่ายฟุบลงไปก่อน
“คุณชายสาม นี่มัน…” เจียงซ่างมองจี้ชิงที่ยังคงมีท่าทางเหมือนเดิม พร้อมกับทึ่งความสามารถในการร่ำสุราของอีกฝ่าย
จี้ชิงมองซ่งฉือที่ฟุบหน้านอนกรนอยู่บนโต๊ะ เขาวางจอกสุราพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าต้องการน้ำแกงสร่างเมา”
เจียงซ่างรีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที
ซ่งฉือซบหน้าลงบนโต๊ะ พึมพำเบาๆ พร้อมกับน้ำตาหยดลงบนโต๊ะ สองมือกำแน่น อยู่ในอาการกึ่งเมากึ่งมีสติ
“ท่านพ่อ…” เขาเรียกเบาๆ ดูน่าสงสารไม่ต่างจากสุนัขที่ไม่มีผู้ใดต้องการ
“น้ำแกงมาแล้ว”
เจียงซ่างรีบพยุงซ่งฉือขึ้นมาเพื่อป้อนน้ำแกง ทว่ากลับถูกจี้ชิงแย่งไปดื่มจนหมดชาม
“คุณชายสาม นี่หมายความว่าอย่างไร”
จี้ชิงสะบัดมือเป็นเชิงให้อีกฝ่ายปล่อยมือออกจากซ่งฉือ “ข้าจัดการเอง”
“ไม่สิคุณชายสาม เขาเมาแล้วก็ควรให้เขาดื่มนะ เจ้าเอาไปดื่มทำไม”
จี้ชิงแบกซ่งฉือขึ้นหลัง พลางหันไปหาเจียงซ่าง “บางครั้งการเมามายย่อมดีกว่ามีสติ”
เอ่ยจบก็ทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่เดิม ปล่อยให้เจียงซ่างคิดไม่ออกว่าเหตุใดตอนแรกคุณชายสามบอกว่าร่ำสุรานั้นไม่ดี แล้วสักพักกลับบอกว่าดี แต่ในฐานะที่คุณชายสามเป็นสหายก็ย่อมต้องปฏิบัติต่อซ่งฉือเป็นอย่างดี
เจียงซ่างตบมือก่อนจะเห็นกระบี่ของซ่งฉือกับจี้ชิงยังวางอยู่บนโต๊ะ เขาจึงหยิบขึ้นมาเปรียบเทียบกันดู
“เอ? เหตุใดจึงดูเหมือนกระบี่คู่ได้ล่ะ”
ภายในห้องแสงไฟค่อนข้างมืด ซ่งฉือเมาจนหน้าแดง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย จี้ชิงวางเขาไว้บนเตียง แล้วสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์เติมน้ำให้เต็มถังอาบน้ำ
เขาถอดเสื้อนอกออก ซ่งฉือยังอยู่ในสภาพหมดสติ
จี้ชิงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เจอซ่งฉือครั้งแรก อีกฝ่ายหล่นลงมาจากฟ้า ตอนนั้นมีสีหน้ากังวลแต่ก็ไม่ได้รุนแรงเท่าตอนนี้
เรื่องทางโลก ท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้ผู้คนแบกกองหิมะไว้เต็มบ่า
“ท่านพ่อ…ศิษย์พี่…”
เขาพิงราวไม้ที่ข้างเตียงประเดี๋ยวก็ร้องไห้ประเดี๋ยวก็หัวเราะ ขยำเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ริมฝีปากแดงเรื่อเริ่มซีดเผือด
จี้ชิงถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อตัวในบางๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามที่แข็งแรงและสีผิวขาวนวล ก่อนจะอุ้มเขาไปที่ข้างถังอาบน้ำ
เขาลูบใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วกระซิบเบาๆ “ซ่งฉือ ตื่นเถอะ”
อีกฝ่ายท่องไปในยุทธจักรด้วยสติอันน้อยนิดพร้อมกับฮัมเพลง จี้ชิงถอดกางเกงแล้วอุ้มอีกฝ่ายลงไปในถังอาบน้ำ หลังจากใช้มือทดสอบความอุ่นของน้ำจนแน่ใจว่าอุณหภูมิเหมาะสมแล้ว เขาก็นั่งบนเก้าอี้มองอีกฝ่ายท่ามกลางไอน้ำที่ลอยไปรอบๆ
ซ่งฉือเกิดมารูปงาม ร่างกายสูงโปร่งและกำยำ แม้เขาจะไม่เคยพบเห็นเซียนรูปงามมากมายอะไร แต่ตอนที่พบกับซ่งฉือครั้งแรกเขาก็อดตะลึงไม่ได้
จี้ชิงยื่นมือออกไป รวบผมดกดำของอีกฝ่ายไปทัดไว้ที่หลังหู เผยให้เห็นรูปทรงใบหน้าที่ขาวนวลผุดผ่องอย่างชัดเจน ซ่งฉือมีคิ้วดกดำหยักเล็กน้อย ดวงตาประกายวาวคู่นั้นปิดสนิท ขนตายาวงอนโค้งเป็นรูปพัด ส่วนปลายจมูกก็มีหยดน้ำเกาะ ริมฝีปากก็ค่อยๆ มีสีแดงเรื่อ
ราวกับว่ากำลังจ้องมองปีศาจ ทันทีที่จี้ชิงได้สติ ไอน้ำเหล่านั้นก็พลันสลายไป เขายื่นมือไปสัมผัสแล้วรู้สึกเย็น จึงรีบเติมน้ำร้อนลงไปอีกหลายขัน จนอาจจะราดไปบนขาของอีกฝ่าย ซ่งฉือจึงขยับตัว สองขาที่แช่อยู่ในถังอาบน้ำก็ขยับพับขึ้นมา เรียวยาวขาวผ่องปรากฏแก่สายตา…
อีกฝ่ายใกล้จะได้สติแล้ว เพราะตาปรือกวาดมองราวกับขี้เกียจ
จี้ชิงตั้งสติ แล้วหันไปสนใจเขาที่กำลังจะสร่างเมาและเรื่องที่จะระบายออกมา