พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 20 สูญเสียพัดแลกขัดขี้ไคล
ยี่สิบ
สูญเสียพัดแลกขัดขี้ไคล
ทันใดนั้นซ่งฉือก็ลุกขึ้นนั่งบนถังอาบน้ำเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า สองแขนเรียวยาวพาดบนขอบถังอาบน้ำ ไหปลาร้าลึก ไฝสีแดงสดใส เขาลืมตาเพียงครึ่งหนึ่งพลางมองไปรอบๆ ด้วยความอิดโรย ไม่รู้ว่าที่ไหลมาข้างแก้มนั้นเป็นหยดน้ำหรือว่าน้ำตากันแน่
“เจ้าหนาวหรือว่าร้อน” จี้ชิงมองท่าทางไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
ซ่งฉือสูดลมหายใจพลางเบือนหน้าหนีไม่พูดไม่จา
จี้ชิงเอื้อมไปตักน้ำร้อนมาเทใส่ถังอาบน้ำ “สร่างหรือยัง หรือยังเมาอยู่”
ซ่งฉือลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมองไปที่ขาของตนเองอย่างเหม่อลอย “ถ้าเมาจนตายก็คงดี”
จี้ชิงถอนหายใจ นัยน์ตาแห่งจิตวิญญาณคู่หนึ่งสำรวจท่าทางของเขา จากนั้นขาเรียวยาวก็ก้าวเข้าไปนั่งขัดสมาธิในถังอาบน้ำ
ซ่งฉือถดตัวหนีก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เจ้าทำอะไรน่ะ”
ถังอาบน้ำเล็กอยู่แล้ว จะแช่พร้อมกันสองคนได้อย่างไร
“นั่งดีๆ” จี้ชิงนั่งขัดสมาธิแล้วหลับตา รวบรวมหลิงชี่ไว้ที่สองมือ เสื้อด้านในของเขาบางมาก หยกที่คล้องคอไว้ส่องแสงเปล่งประกาย
ตัวซ่งฉือแช่น้ำจนร้อนผ่าว ทว่าบริเวณที่สัมผัสกลับหลิงชี่นั้นหนาวเย็นตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก
“หันหลัง”
แม้ว่าซ่งฉือไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรทว่าเขาก็เชื่อคำพูดของจี้ชิง ซ่งฉือจึงยืนขึ้นเพื่อที่จะหันหลัง ทันใดนั้นเองเขาก็พบว่าร่างกายของตนเองเปลือยเปล่า ซ่งฉือหูแดงขึ้นมาทันที
ให้ตายเถอะ จี้ชิงดูท่าทางเขินอาย บริสุทธิ์สูงส่ง เหตุใดจึงฉกฉวยโอกาสในยามที่ผู้อื่นเดือดร้อนเช่นนี้!
ไม่ว่าในใจจะคิดอย่างไรก็ตาม แต่ซ่งฉือก็นั่งลงหันหลังให้อีกฝ่าย
จี้ชิงลืมตาก่อนจะใช้สองมือแตะเบาๆ ที่หลังของซ่งฉือก่อนจะพึมพำ
ซ่งฉือฟังไม่ถนัดนัก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าภายในใจมีความร้อนกระจายไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เส้นลมปราณทั่วร่างถูกปลดปล่อย สมองปลอดโปร่งโดยพลัน
มือของจี้ชิงเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้หลิงชี่จะเย็น แต่กลางฝ่ามือของเขานั้นอ่อนโยนมาก
“เมื่อวานเจ้าเอายาลูกกลอนให้ข้ากิน ก็เพื่อสิ่งนี้รึ”
จี้ชิงหลุบตา ขนตาเต็มไปด้วยละอองน้ำจนเกาะติดเข้าด้วยกันเป็นเส้นๆ ทำให้เห็นสายตาเขินอายได้อย่างชัดเจน
โชคดีที่ซ่งฉือหันหลังอยู่
“มันไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร”
ซ่งฉือแสยะยิ้มก่อนจะสบถเบาๆ “ผายลมเจ้าเถอะ!”
ทั้งยาลูกกลอน ทั้งตู้หลิง10 เขาทำอะไรมากมายขนาดนี้ทว่ากลับไม่เคยปริปากแม้เพียงสักคำ
“รู้สึกอย่างไรบ้าง”
ซ่งฉือสูดลมหายใจเข้า “เหมือนกับผ่านการต่อสู้จนเหงื่อท่วมตัว”
“ภายในใจของเจ้ามีปมบางอย่างแต่ไม่ยอมระบายออกมา มีเพียงการขับเหงื่อเท่านั้นที่สามารถขจัดมันได้ และ…” จี้ชิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับเข้าไปใกล้กับตำแหน่งบริเวณอกของอีกฝ่าย “ข้ารู้สึกเสมอว่าหยวนตันของเจ้าถูกผนึกเอาไว้”
“ถูกผนึกรึ” ซ่งฉือขมวดคิ้ว “แต่ท่านพ่อไม่เห็นรู้เรื่องนี้”
“ผู้ฝึกวิชาเซียนไม่อาจรู้สึกได้ถึงพลังแห่งเซียน” จี้ชิงลุกออกจากถังอาบน้ำพลางกวาดตาไปโดยรอบ แต่ก็ไม่พบกระบี่ของตนเอง
“เจ้ากำลังหาอะไรอยู่” ซ่งฉือหันไปมองอีกฝ่าย
“ข้าลืมกระบี่หลิงหาน” จี้ชิงขมวดคิ้วและกำลังจะก้าวออกไป
“หยุดนะ” ซ่งฉือสั่งให้เขาหยุดขณะที่เอนกายอยู่ข้างถังอาบน้ำ พร้อมกับหัวเราะจนตาหยี “เจ้าคิดจะสวมชุดนี้ออกไปจริงรึ”
จี้ชิงก้มหน้ามองก็พบว่าเสื้อผ้าเปียกน้ำจนเห็นเข้าไปถึงข้างในราวกับมีชั้นปีกจักจั่นติดอยู่บนเรือนร่าง เผยให้เห็นลายกล้ามเนื้อและทรวดทรงได้อย่างถนัดตาราวกับว่าร่างกายเปลือยเปล่า
เขาหน้าแดงก่อนนั่งกลับลงไปในถังอาบน้ำ
คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จี้ชิงจึงยืนขึ้นมาจากถังอาบน้ำและพยายามหยิบเสื้อที่แขวนอยู่
“ไหนๆ ก็เปียกแล้ว ถือโอกาสอาบน้ำไปเสียเลย!” ซ่งฉือถอดกางเกงอีกฝีกออกก่อนจะออกแรงรั้งเอวจี้ชิงให้ลงมาในถังน้ำ
“ปล่อยมือซะ!” จี้ชิงรีบเอามือปิดส่วนสำคัญของร่างกายไว้
“เอ? ก็ไม่เล็กนี่ ไม่เป็นไรๆ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ มานั่งๆ” ซ่งฉือใช้ขากดลงไป แล้วจับจี้ชิงยัดเข้าไปที่ระหว่างแขนของเขา
จี้ชิงพิงถังอาบน้ำพร้อมกับมองซ่งฉือด้วยความอับอาย
“เป็นอะไรไปล่ะ เจ้าไม่เคยอาบน้ำกับผู้ชายอื่นเลยรึ” ซ่งฉือดึงคอเสื้อของเขา “ข้าไม่อยากเชื่อ นี่เจ้าไม่เคยอาบน้ำกับพี่รองของเจ้าเลยรึ”
“ไม่เคย!” จี้ชิงปัดมือเขาทิ้ง ไรผมบริเวณหน้าผากเปียกจนแนบกับใบหน้า รอยสักลักษณะคล้ายห่านป่าตรงหว่างคิ้วนั้นดูแวววาวเล็กน้อย
“น่าเศร้านัก” ซ่งฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร วันนี้ข้าจะขัดหลังให้เจ้าเอง ให้เจ้ารู้สึกถึงความรักของพี่ที่มีต่อเจ้า”
เอ่ยจบก็ดึงจี้ชิงเข้ามาในอ้อมอก ภายใต้การทำลายล้างอันทารุณ จี้ชิงเสมือนกุ้งย่างที่ถูกซ่งฉือพลิกไปพลิกมาจนแดงไปทั้งตัว
หลังจากนั้นเจียงซ่างก็เข้ามาพร้อมกับกระบี่คู่ จี้ชิงที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูพอดี
“เจ้านอนบนเตียงเถอะ ข้าจะไปเปิดประตูเอง” ซ่งฉือไม่สนใจว่าตนเองใส่เสื้อผ้าอยู่หรือว่าเปลือยเปล่า เขาสนใจเพียงจับจี้ชิงยัดไว้ใต้ผ้าห่มเท่านั้น
“สหายซ่ง เจ้า…ตื่นแล้วรึ” เจียงซ่างโฉบตาเข้าไปในห้องแล้วยื่นกระบี่ให้เขา “คุณชายสามล่ะ เขาคอยดูแลเจ้าอยู่มิใช่รึ”
“อา…เขาดูแลข้าจนเหนื่อยแล้ว ตอนนี้กำลังพักผ่อน” ซ่งฉือลูบท้ายทอยตนเองพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทีจริงจัง “หลายวันมานี้ทำให้สหายเจียงต้องยุ่งยาก พรุ่งนี้ข้าจะพาอาจิ่งกลับไปที่จัวลู่ หากเจ้าไม่มีที่จะไปก็เดินทางไปด้วยกันสิ”
เจียงซ่างโบกมือไปปฏิเสธ หน้าขาวผ่องส่องประกายแดงเรื่อ “ข้าไม่ไปจัวลู่หรอก ข้าต้องไปสถานที่แห่งหยวนเสิน11 เพื่อฝึกวิชา และยังมีสมาชิกชนเผ่ารอข้าอยู่นะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปพักผ่อนก่อนเถอะ” ซ่งฉือพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เจียงซ่างก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา “สหายซ่ง ตอนแรกข้าประจบคุณชายสามก็เพราะผลประโยชน์บางอย่าง แต่หลังจากรู้จักกันข้าก็มีไมตรีอย่างจริงใจ หากวันหน้ามีวาสนาได้พบกันอีกครั้ง ข้าก็หวังว่าความสัมพันธ์ดีๆ ระหว่างเราจะยังคงอยู่เช่นเดิม”
ซ่งฉือพยักหน้า แล้วหยิบพัดหยกพิสุทธิ์ที่เหน็บไว้กับเอวส่งให้เขา
“ในเมื่อรู้จักกันแล้ว เจ้าเองก็ช่วยข้ามามาก ตอนนี้ก็อยู่ตัวคนเดียวทั้งยังไม่มีของมีค่าอะไรติดเนื้อติดตัวมา ข้าก็ขอมอบพัดเล่มนี้ให้เจ้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็แล้วกัน”
เจียงซ่างรับพัดมาไว้ในมือ ทันใดนั้นก็พบว่าจี้ชิงที่ยืนเกาะประตูมองมาที่ตนเองอย่างเงียบๆ…แม้ว่าสายตาจะดูไม่สงบนัก
เจียงซ่างส่งพัดกลับคืนให้อีกฝ่าย “ไม่ต้องหรอกสหายซ่ง มันไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร ข้าไม่รบกวนแล้ว”
เอ่ยจบก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งฉือหันกลับไปเห็นจี้ชิงก็ตกใจ “เจ้าทำอะไรเนี่ย ทำข้าตกใจหมด!”
จี้ชิงเบ้ปาก “ข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีรึ”
“เจ้าเป็นอะไรน่ะ”
“ก็เจ้าไม่เคยให้อะไรข้าเลย”
“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ พี่น้องกันทั้งนั้น ให้ไปก็เปลืองเปล่าๆ”
พอเอ่ยจบก็มุดเข้าไปหัวอยู่อยู่ในผ้าห่ม
จี้ชิงค่อยๆ หันกลับมา กัดฟันมองเขา “พี่น้องต้องแบ่งแยกบัญชีให้ชัดเจน”
ซ่งฉือหัวเราะ เหตุใดวันนี้เจ้าโง่นี่ถึงได้พูดมากนัก “เจ้าต้องการอะไรล่ะ”
จี้ชิงเดินไปที่ข้างเตียง มองพัดในมือของซ่งฉือ “ข้าจะเอาสิ่งนี้อย่างเดียว”
ซ่งฉือหยอกเขาด้วยการเอาพัดเก็บไว้ที่หน้าอก “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้รึ”
“เมื่อครู่เจ้าให้เจียงซ่างโดยไม่ลังเลเลยสักนิด”
ซ่งฉือตบที่หน้าอก “เจียงซ่างกับเจ้าไม่เหมือนกันเสียหน่อย”
“ไม่เหมือนตรงไหน” จี้ชิงหันมาพร้อมกับสายตาเต็มไปด้วยความจริงจังและใคร่รู้ ราวกับว่าคำตอบนั้นมีความสำคัญยิ่ง
ซ่งฉือมองหน้าเขาพลางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะหยิบพัดและโยนไปให้อีกฝ่าย “เอ้า ให้เจ้าก็ได้”
จี้ชิงรับพัดมาไว้ในมือก่อนจะลูบคลำที่ก้านพัด ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ