จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 271
บทที่ 271: สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์
อสูรเขาฟ้ายืนอยู่กลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ชายสวมแจ็กเก็ตหนังยังคงร่อนตัวอยู่บนอากาศซึ่งยังคงรักษาความสูงของเขาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม สายตาของเขาจับจ้องลงมาที่อสูรเขาฟ้าซึ่งยืนตระหง่านอยู่กลางทุ่งตัวเล็กจ้อยร่อย
ฉับพลันเกิดระเบิดรุนแรงขึ้นบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แห่งนี้ คลื่นใหญ่กระแทกเข้ากับยอดหญ้าตัดผ่านสายลมอย่างเกรี้ยวกราด มันคมปลาบจนสามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
“โหย่วหนานระวัง!!!” อาวุโสนักล่าตะโกนออกมา
“มีอะไรงั้นเหรอ…. โอ้ เวรเอ๊ย ไม่นะ มันอยู่ตรงนี้!!!”
“พี่ใหญ่ช่วยเขาเร็วเข้า!” อาวุโสนักล่าคําราม
อสูรร่างใหญ่เขาฟ้ากระทืบพื้นดินอย่างรุนแรง ร่างของมันลอยทะยานขึ้นไปบนอากาศ การกระโดดครั้งนี้สามารถพุ่งไปได้ไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตรอย่างฉับไว
มันเริ่มกระโดดอีกครั้ง ร่างกายของมันถูกแสงจันทราสาดส่องลงมาทําให้พื้นหญ้าด้านล่างมืดมิดเพียงแค่การกระโดดเพียงสองครั้งทําให้มันไปถึงตัวของเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว!
โฮกกกกก!
สายลมทรงพลังซึ่งราวกับใบมีดคมปลามกระแทกเข้ากับชายหนุ่มติดปีก เขาร่วงหล่นสู่พื้นอย่างรวดเร็วพร้อมกระแทกกับพื้นด้านล่างอย่างหนักหน่วงร่างกายของเขาไถลไปกับพื้นหญ้าไกลกว่าร้อยเมตรซึ่งมันทําให้พื้นดินถูกขุดเป็นรางขนาดใหญ่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“โหย่วหนาน! นายโอเคนะ?” อาวุโสนักล่าตะโกนถามด้วยความกังวลใจ
“ผะ-ผมยัง… มีชีวิต มันแข็งแกร่งมากระวังตัวด้วย!” โหย่วหนานตอบกลับด้วยน้ําเสียงแหบพร้า
“โครงการนี้นั้นใช้นักเวทระดับสูงซึ่งเขาครอบครองธาตุทั้งสามเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเขากลายพันธุ์ไปแล้ว เขาจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างมาก…เรื่องนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!” นักล่าอาวุโสกล่าวพึมพํา
“พวกคุณควรจะยุติโครงการบ้าๆนี้สักที มันน่ากลัวเกินไปและเป็นอันตรายอย่างมาก ผมน่ะสามารถจัดการกับนักเวทระดับสูงได้อย่างสบายมือ แต่ทว่ากลับไม่ใช่กับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้…”
นักล่าอาวุโสไม่ได้ตอบกลับถ้อยคําของโหย่วหนานแต่อย่างใด ดวงตาของเขาแดงก่ําขณะที่กําลังจับจ้องไปยังอสูรร้ายตรงหน้า
อสูรเวทเขาฟ้าขนาดยักษ์ตัวนี้นั้นอยู่ในระดับผู้บัญชาการโดยปกติแล้วถ้าหากว่าอสูรเวทตัวใดได้พบเจอกับมัน พวกมันเหล่านั้นจะรู้สึกหวาดกลัวและอ่อนแอลงทันที แต่ทว่ากับสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ตัวนี้ไม่ใช่! มันปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างแรงกล้าราวกับจะบอกเขาว่าฉันพร้อมจะฆ่าแกแล้ว!!!
“โหย่วหนาน สถานที่แห่งนี้ใกล้กับเส้นทางรถไฟเกินไป นายควรจะมุ่งหน้าไปที่นั่นและคอยเฝ้าระวังเอาไว้ป้องกันไม่ให้พลังที่รุนแรงเหล่านี้กระทบเหล่าผู้บริสุทธิ์” อาวุโสนักล่ากล่าวออกมาอย่างออกคําสั่ง
โฮก!
“ให้ฉันจัดการกับสัตว์ประหลาดบ้านี่เอง!” สายตาของนักล่าอาวุโสแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เส้นทางเนบิวลาเริ่มปรากฏขึ้นรอบร่างกายของเขาอย่างฉับพลันและสดใส
เส้นทางดวงดาวของเขานั้นไม่เพียงแต่อยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น มันคงปรากฎรอบร่างกายของเขาและด้านบนศีรษะอีกด้วย อีกทั้งความเร็วในการร่ายของเขายังเป็นสิ่งที่น่าทิ้งอย่างมาก!
นอกจากนี้เส้นทางดวงดาวของเขายังเต็มไปด้วยความลึกลับและซับซ้อนอย่างล้นเหลือ ดวงดาวทั้งหมด เรียงรายเข้าหากันพร้อมกับวิ่งวนไปมาราวกับเป็นอุตกาบาตขนาดมหึมาปริมาณของพวกมันนั้นเพียงพอที่จะปิดกั้นท้องฟ้าตรงนี้เอาไว้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย…
โหย่วหนานที่มองจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะของตนเองในขณะที่เห็นเส้นทางดาวล้านดวงปรากฏขึ้นมา เขาพึมพํากับตัวเองเบาๆ “อาวุโสนักล่านั้นสมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งในองค์กรของเรา เขาเลือกใช้เวทมนตร์ระดับสูงในการเคลื่อนไหวแรก!”
แสงจันทราสะท้อนลงมากระทบกับผิวของรถไฟความเร็วสูงสีขาว ซึ่งความเร็วของพวกมันไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย ด้วยความเร็วของมันนั้นวิ่งผ่านฉากอันน่าประทับใจไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
มือของโหย่วหนานยังคงจับที่หน้าอกของตนเองไว้อย่างเจ็บปวด โลหิตน้อยๆไหลออกมาจากมุมปากของเขาอย่างเห็นได้ชัดเจน ปีกยังคงกระพรือต่อไปเพื่อรักษาตําแหน่งเอาไว้ในการปกป้องเส้นทางรถไฟ
รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งผ่านเขาไปทําให้เกิดลมกรรโชกแรง เส้นผมของเขาปลิวสะบัดไปตามแรงลมอย่างช่วยไม่ได้
โหย่วหนานเริ่มใช้เวทมนตร์อีกครั้ง เขาร่ายเวทวารีศักดิ์สิทธิ์ออกมาซึ่งมันเป็นเวทมนตร์ธาตุน้ํา เขาจะใช้มันเพื่อปกป้องรถไฟขบวนนี้
“บัดซบ มันกําลังมาแล้ว!” โหย่วหนานเร่งฝีเท้าของตนเองอย่างรวดเร็ว
วารีศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นกําแพงขนาดใหญ่ หยดน้ํามากมายทอประกายในแสงจันทร์ซึ่งไหลไปเสริมเส้นทางของรถไฟที่ขาดช่วงอย่างฉับไว
รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นใกล้กับเส้นทางรถไฟ บางส่วนเริ่มแตกสลายไปแล้วก่อตัวเป็นหุบเขาลึก ซึ่งสืบเนื่องมาจากแผ่นดินไหวจากระยะไกลของการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
เมื่อมองดูใกล้ๆแล้ว คลื่นพลังมหาศาลกระแทกออกมาจากรัศมีกว่าสองกิโลเมตร จุดศูนย์กลางของมันคือจุดที่นักล่าอาวุโสต่อสู้กับสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่พลังของนักล่าอาวุโสมันคือพลังของสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ตัวนั้น
วารีศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังเชื่อมต่อเส้นทางให้กับรถไฟกําลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันพร้อมจะแตกออกในทุกวินาที
“นี่มันพลังบ้าอะไรกันเนี่ย? ทําไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แม้ว่าเราจะอยู่ห่างจากมันขนาดนี้ก็ยังได้รับผลกระทบเช่นนี้งั้นเหรอ? พวกทหารกําลังทําอะไรกันแน่?” โหย่วหนานอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาในขณะที่วารีศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองกําลังจะแตกสลาย
สมาคมเวทมนตร์ของเมืองหลวงนั้นตั้งอยู่ในวังโบราณ เช่นนี้มันจึงถูกเรียกขานว่าราชวังเวทมนตร์
ราชวังเวทมนตร์และหอคอยไข่มุกพิสุทธิ์นั้นเป็นสมาคมเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศชื่อเสียงของ พวกเขาเหล่านี้กระฉ่อนไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ราชวังเวทมนตร์นั้นประกอบไปด้วยลานโบราณรูปปั้นโบราณและอนุสรณ์มากมาย
ทางด้านเจดีย์ตะวันตกมีโต๊ะกลมซึ่งนั่งได้สี่คนตั้งอยู่ขณะนี้อยู่ในช่วงกําลังดื่มชาคนหนึ่งสวมหมวกโบราณอีกคนมีผมและหนวดทุกเส้นล้วนแต่เป็นสีขาว แต่ทว่าใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้กลับไม่มีริ้วรอยการเหี่ยวย่นเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันมีบุคคลหนึ่งซึ่งมือของเขานั้นวางอยู่บนโต๊ะ ท่าทีของเขานั้นราวกับทหาร อีกทั้งเครื่องแต่งกายของพวกเขานั้นเป็นสีเข้มและจํานวนดาวบนเสื้อผ้านั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงสงครามที่พวกเขาได้ผ่านพ้นมา
ชายหนุ่มทหารคนนั้นนั่งตรงข้ามกับอาวุโสเฉียนอวี้ฮัว ผู้ซึ่งกําลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ แต่ทว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นไม่ได้มีความสนใจให้กับชาชั้นเลิศแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และความไม่เข้าใจ
“ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สิ่งเหล่านี้มันไม่ควรจะถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดด้วยซ้ํา!” ชายวัยกลางคนที่สวมหมวกกล่าวขึ้นมา “ฉันไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้หรอก แต่คําถามก็คือเราจํากัดเส้นของโครงการนี้ไว้ที่ตรงไหนกันแน่ล่ะ ฉันน่ะได้บอกทุกอย่างไปชัดเจนหมดแล้ว แม้สุดท้ายคุณก็จะไม่เห็นด้วยกับฉันอยู่ดี เท่านี้ก็ควรจะ จบบทสนทนานี่สักที! ลู่เหยียนมันถึงเวลาที่นายจะต้องพอได้แล้วกับความเย่อหยิ่งทะเยอทะยานอะไรก็ช่างที่คุณมีและก็หยุดพยายามที่จะประกาศบอกพวกเราได้แล้วว่าคุณน่ะทําเพื่อมวลมนุษยชาติประเทศหรือเผ่าพันธุ์ ของพวกเรา! สุดท้ายสิ่งที่คุณจะทํามันก็คือสิ่งที่วาติกันทํานั่นแหละ ประธานจากสมาคมเวทมนตร์จากทั้งห้าทวีปนั้นเห็นพ้องต้องกันแล้วว่านี่ไม่ใช่ธาตุใหม่แต่อย่างใดไม่มีใครยอมรับมัน! สิ่งที่คุณกําลังทําคือสิ่งที่ปีศาจ พึ่งกระทําแน่นอนว่าสิ่งที่คุณทําลงไปทั้งหมดนี้คุณจะต้องรับผิดชอบ!!!” เฉียนอวี้ฮัวคํารามออกมาโดยไร้เมตตาต่อบุคคลตรงหน้าอย่างไม่ปราณี