จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 270
บทที่ 270: นักล่าอาวุโส
“อาจารย์อู่ฮั่น อาวุโสเฉียวอวฮัว พวกคุณอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตอนนี้ผมกําลังฝึกอสูรอัญเชิญตัวใหม่ของผมอยู่น่ะ” เปลวไฟบนร่างกายของโม่ฝานทั้งหมดหายไปพร้อมกับฉีกยิ้มให้กับอาจารย์ทั้งสองอย่างสดใส
“โอ๊ยินดีกับความสําเร็จครั้งใหญ่ของเธอจริงๆนะโม่ฝาน แล้วเธอคิดอย่างไรบ้างล่ะ? อะไรคือจุดแข็งของหมาป่าจ้าวสงครามตัวนี้เหรอ?” เฉียนอวี่ฮัวถามด้วยรอยยิ้ม
ขณะนี้โม่ฝานกําลังต่อสู้กับหมาป่าจ้าวสงครามของตัวเองอยู่ การต่อสู้นี้ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาจําเป็นจะต้องใช้ธาตุเงาของตนเองเพื่อต่อสู้กับมันและทําได้เพียงหลบหลีก ความเร็วของหมาป่าตัวนี้นั้นเกินกว่าที่เขาจะตามได้ทัน แม้แต่เขาจะใช้อสนีบาตทมิฬสีครามก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ความเร็วของมันมากเกินไป ขณะนี้เขานั้นไม่สามารถต่อสู้มันได้เลย กลับกลายเป็นโม่ฝานผู้ไร้เดียงสาโดยสมบูรณ์ ถ้าหากว่าเขาจะต้องต่อสู้อย่างจริงจังกับมันล่ะก็หนทางเดียวที่รอเขาอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น
“มันน่าอายเกินไปถ้าหากว่าฉันไม่สามารถเอาชนะหมาป่าจ้าวสงครามตัวนี้ได้ มันคืออสูรอัญเชิญภายใต้การควบคุมของฉันเอง มันสามารถจะเอาชนะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ฉัน!”
“แข็งแกร่งมาก ผมคิดว่าผมก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างสัตย์จริง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า มีเพียงแต่คนบ้าอย่างเธอเท่านั้นแหละที่จะต่อสู้กับหมาป่าจ้าวสงครามนี้ด้วยตนเอง ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นนั้นแน่นอนว่าเพียงเวลาแค่ไม่กี่นาที พวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆแน่นอน หมาป่าจ้าวสงครามนั้นถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์หมาป่าที่จัดการได้ยากที่สุด ถ้าหากไม่มีการเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่แล้ว แม้แต่กลุ่มของนักเวทระดับมัชฌิมก็ไม่อาจจะต่อกรกับพวกมันได้เลย” อาวุโสเฉียวอวฮัวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างที่จะประทับใจในอสูรอัญเชิญตัวใหม่ของโม่ฝานอย่างมาก
โม่ฝานยักคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ มือของเขาลูบไปที่ขนของหมาป่าจ้าวสงครามอย่างภูมิใจ “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่านายแข็งแกร่งขนาดนี้!”
“หมาป่าจ้าวสงครามน่ะนะมีทักษะพิเศษอีก… แค่กๆ อ่า เธอควรจะใช้เวลากับมันเพื่อค้นพบมันเองจะดีกว่า เอาล่ะในตอนนี้ควรจะไปเรียกคนอื่นๆมา เราควรจะไปฉลองให้กับความสําเร็จครั้งใหญ่ของโม่ฝานสักหน่อย!” อาวุโสเฉียวอชั่วนั้นรู้สึกมีความสุขอย่างมาก รอยยิ้มบนหน้าของเขาและสายตาที่เขาใช้มองโม่ฝานนั้นราวกับว่า เขาได้พบกับลูกเขยที่ถูกชะตาเข้าซะแล้ว!
เมื่อนานมาแล้วครั้งที่เขาได้พบกับเด็กหนุ่มคนนี้บนรถไฟ เขาคิดว่าเด็กคนนี้เต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระและความเพ้อฝัน ดังนั้นเขาจึงอคติกับโม่ฝานมาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสองปีเด็กหนุ่มคนนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ และความแข็งแกร่งที่ก้าวกระโดดด้วยพรสวรรค์อย่างไม่รู้จบของตัวเขาเอง หรือหลังจากนี้ เขาควรจะแนะนําหลานสาวของตนเองให้รู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้ดีนะ ในอนาคตเด็กคนนี้จะต้องกลายเป็นคนดังอย่างแน่นอน!
อู่ฮั่นนั้นนั้นก็ร่วมแสดงความยินดีกับโม่ฝานด้วยเช่นกัน แต่ทว่าสายตาของเขานั้นไม่อาจละทิ้งไปจากหมาป่าจ้าวสงครามตรงหน้าได้เลย เขารู้สึกหลงใหลมันอย่างมากพร้อมกับเดินไปด้านหน้าของมัน และพยายามที่จะเอามือไปลูบขนของหมาป่าจ้าวสงคราม
แต่น่าเสียดาย หมาป่าจ้าวสงครามไม่สนใจคู่ฮั่นอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับสายตาที่ดุร้ายของมันส่งออกมาว่า “อย่าเอามือที่สกปรกของแกมาแตะต้องตัวฉัน!”
ใบหน้าของหลัวซ่งและเงินหมิงเฉวียนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“บัดซบ ทําไมโชคต้องเข้าข้างโม่ฝานขนาดนี้ด้วย? เขาสามารถทําให้หมาป่าวิญญาณวิวัฒนาการสําเร็จจริงๆงั้นเหรอ?”
“เขามีทั้งธาตุสายฟ้าและธาตุไฟ อีกทั้งในตอนนี้เขายังครอบครองหมาป่าจ้าวสงครามอีกงั้นเหรอ ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพียงพอที่จะสู้กับพวกเราทั้งหมดได้….
หมาป่าจ้าวสงครามกําลังจับจ้องมาที่หลัวซ่งพร้อมกับพ่นลมหายใจหนักหน่วงออกมา มันกําลังแสดงออกว่าไม่พอใจ!
ดูเหมือนว่ามันจะจดจําหลัวซึ่งได้ ในครั้งแรกที่โม่ฝานแรกมันออกมา เด็กอ้วนคนนี้เคยพยายามรังแกมันจนโม่ฝานต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
หมาป่าจ้าวสงครามก้าวขาไปด้านหน้าเดินตรงไปหาหลัวซ่ง ลมหายใจของมันหนักหน่วงราวกับว่ามันกําลังจะบอกอะไรบางอย่าง
“เฮ้อ้วนน้อย หมาของฉันบอกว่าอยากจะเล่นกับแกสักสองสามรอบน่ะ” โม่ฝานตะโกนเรียกหลัวซึ่งด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลัวซ่งรู้ดีในความหมายนั้นพร้อมกับถอยหลังกลับทันที เขาโบกมือพร้อมฉีกยิ้มไม่เต็มใจออกมาและกล่าวว่า “ฉันขอผ่าน!”
ขณะนี้หลัวซึ่งไม่สามารถทําตัวเย่อหยิ่งได้อีกต่อไป แม้แต่เงินหมิงเฉวียนที่แข็งแกร่งกว่าเขายังไม่สามารถต่อสู้กับหมาป่าทมิฬตัวนั้นได้เลย ดูเหมือนว่าในคราวนี้หมาป่าจ้าวสงครามตัวนี้จะแข็งแกร่งกว่าสิ่งที่พวกเขาเคยได้พบก่อนหน้านี้ด้วยซ้ํา ดังนั้นไม่มีทางเลยที่หลัวซึ่งจะต่อสู้กับมันได้!
สายตาของหมาป่าจ้าวสงครามเหลือบมองหลัวซ่งด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
ใบหน้าของหลัวซ่งแข็งค้าง เขาเข้าใจสายตาเย้ยหยันของหมาป่าตัวนี้เป็นอย่างดี…
บนดินแดนอันกว้างใหญ่ ท้องฟ้าสวยงามเปิดกว้างอย่างแจ่มจรัส อสูรร้ายขนาดใหญ่กําลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้า ร่างกายสูงใหญ่ของมันมีเขาสีฟ้าประดับอยู่ มันกําลังพุ่งไปหารถไฟขบวนใหญ่ซึ่งกําลังแล่นด้วยความเร็วสูง
มันวิ่งแซงรถไฟความเร็วสูงไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมันก็ทิ้งระยะห่างจากรถไฟได้เพียงไม่กี่วินาที
“คุณพ่อ ดูนั่นสิ มันคือก็อตซิล่า!” เด็กสาวจับต้องไปที่อสูรร้ายตัวใหญ่ผ่านหน้าต่างของรถไฟด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
“โอ้พระเจ้า! มันคืออสูรร้าย!” พ่อของเด็กหญิงตะโกนสาปแช่งออกมาพร้อมกับรีบดึงลูกสาวของตนเองไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเส้นทางของรถไฟนี้จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ทว่าใครจะสามารถการันตีได้ว่ามันจะปลอดภัยจากอสูรเวทที่บุกรุกเข้ามาล่ะ? สัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่นี้ก็แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัย
เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยคนนั้นดึงดูดความสนใจจากผู้โดยสารทั้งขบวน ทุกสายตาจับจ้องไปที่อสูรร้ายด้านนอกหน้าต่างอย่างฉับไว ถ้าหากพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็คงจะคิดว่านั่นคือภูเขาที่กําลังบินอยู่!
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ มันคืออสูรสัญญาเท่านั้น นักล่าอาวุโสกําลังควบคุมมันอยู่ ในตอนนี้เขากําลังตรวจสอบพื้นที่เส้นทางของรถไฟเท่านั้น!” เสียงดังออกมาจากลําโพงประจําขบวนรถ
“อสูรสัญญาน่ะเอง ฉันกลัวแทบแย่!”
“นักเวทอัญเชิญคนนั้นเท่ห์มาก ฉันเห็นเขายืนอยู่บนหัวของอสูรร้าย!”
“นั่นคือนักล่าอาวุโสอย่างแน่นอน แม้แต่อสูรเวทระดับผู้บัญชาการก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย อสูรสีฟ้าตัวใหญ่นั้นจะต้องอยู่ในระดับผู้บัญชาการแน่นอน!”
รถไฟความเร็วสูงสีขาวถูกทิ้งห่างโดยไม่เห็นฝุ่นของอสูรสีฟ้าตัวนั้นอีกแล้ว อย่างไรก็ตามเกิดคําถามมากมายในหัวของผู้โดยสารทุกคนว่าทําไมนักล่าอาวุโสจึงต้องออกสํารวจเส้นทางรถไฟด้วยล่ะ?
เสียงพูดหนึ่งดังขึ้นในกลางดึก “นักล่าอาวุโส ผมไม่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายได้เลย ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ผมไม่สามารถยืนอยู่ได้นานเกินห้านาทีด้วยซ้ํา”
หมอกควันในอากาศเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ ถ้าหากว่ามองดูใกล้ๆจะเห็นว่าบุคคลนั้นกําลังบินอยู่ในอากาศ!
ด้วยความสูงกว่าห้าสิบเมตรเหนือพื้นดิน เขาบินด้วยความเร็วที่คงที่ ปีกที่แข็งแกร่งอยู่ด้านหลังกําลังสยายออกอย่างแข็งแกร่งและสง่างาม ทุกครั้งที่มันโบกสะบัดมันทิ้งไว้ซึ่งความภาคภูมิใจไว้เบื้องหลัง
“อย่าเพิ่งยอมแพ้ ฉันจะไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด!” นักล่าอาวุโสกล่าวออกมาผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
“ทําไมพวกเราจะต้องมาคอยตามเช็ดกันให้พวกทหารหลังจากที่พวกเขาขับถ่ายเสร็จแล้วด้วย? พวกมันกําลังจะออกจากพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ผมควรจะติดตามพวกมันไหม?” ชายหนุ่มสวมแจ็กเก็ตหนังกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงค่อนข้างแหบ
“ฉันจําเป็นจะต้องรับผิดชอบโครงการนี้ร่วมกับกองทัพด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปได้… ไม่เช่นนั้นมันจะสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงให้กับโลกใบนี้แน่นอน” อาวุโสนักล่าตอบกลับ
ชายมีปีกถอนหายใจออกมายืดยาว “ผมไม่เข้าใจว่าทําไมพวกคุณจึงได้เริ่มทํามันขึ้นมา ทําทั้งๆที่รู้ว่ามันจะสร้างปัญหางั้นเหรอ? ดูสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่พวกคุณสร้างมันขึ้นมาตอนนี้สิ จะต้องใช้ความเจ็บปวดหรือความตายแค่ไหนเพื่อจับกุมมัน! อีกอย่างโครงการนี้เต็มไปด้วยความไร้มนุษยธรรม ทุกๆครั้งที่พลาดนั่นหมายถึง เราจะเสียนักเวทฝีมือดีอีกครั้ง!”
“มันเป็นโครงการพัฒนาเวทมนตร์ให้ก้าวสู่ระดับต่อไป เหล่าอาวโสไม่ยอมถอดใจอย่างแน่นอน… เอาล่ะ ฉันเห็นนายแล้ว!” อาวุโสนักล่ากล่าวเรียบๆ