Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 630
สำนักงาน ZN องค์กรซึ่งนำพาความลำบากมาให้กับเซี่ยเหล่ย แม้ว่าเขาจะเคยคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วแต่มันก็เร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก และแน่นอนว่ามันจะต้องลำบากอย่างมากหากเขาต้องต่อสู้เพียงลำพัง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ตอนนี้เขามีฟานฟานเป็นผู้ช่วยของเขา
วันรุ่งขึ้นในห้องแล็บบนชั้นหนึ่งของวิลล่า
“คุณเซี่ย ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไว้ฉันจะติดต่อไปอีกครั้งถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม” ฟานฟานพูดอย่างเฉยเมย
เซี่ยเหล่ยดึงสายไฟของเครื่องตรวจที่ติดอยู่ตรงผิวหนังออกก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและรีบเดินออกจากห้องแล็บในทันที เขาทำทุกอย่างโดยไม่ได้หันไปพูดหรือตอบฟานฟานเลยแม้แต่คำเดียว
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือการแสดงที่เขาต้องการจะให้ซงเป่ยฉงตระหนักถึงเจตนารมณ์ของเขา เพราะหลังจากซงเป่ยฉงเข้ามาที่นี่ เขาก็ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อที่จะมันในการสังเกตการทำงานของฟานฟานรวมถึงขั้นตอนในการตรวจสอบเขา
ซงเป่ยฉงและฟานยี่หมิงรีบเข้ามาทันทีหลังจากที่เซี่ยเหล่ยเดินออกจากห้องปฏิบัติการของฟานฟาน
ฟานฟานกำลังจัดระเขียบข้อมูลร่างกายของเซี่ยเหล่ยที่เพิ่งจะรวบรวมได้ เธอเหลือบมองฟานยี่หมิงและซงเป่ยฉงด้วยหางตาแต่ไม่นานก็หันกลับไปทำงานของเธอต่อ
“ซงเป่ยฉง เซี่ยเหล่ยฉลาดมาก ดูสิทันทีที่คุณมาเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” ฟานยี่หมิงพูด
“แน่นอนว่าเขาเป็นคนฉลาด แต่คุณไม่คิดว่าเขาฉลาดเกินไปอย่างนั้นเหรอ?” ซงเป่ยฉงพูดในขณะที่กำลังเดินไปหาฟานฟานเพื่อดูข้อมูลที่เพิ่งจะได้มา
ฟานฟานที่รู้สึกว่าถูกมองจากข้างหลังเธอจึงหันไปพูดกับซงเป่ยฉง ว่า “คุณซง ตอนนี้คุณกำลังรบกวนการทำงานของฉัน หากไม่มีอะไรคุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม?”
ซงเป่ยฉง ขมวดคิ้วทันที ท่าทีและคำพูดของฟานฟานทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธเธอ เขาหัวเราะก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ คุณเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศของเรา ดังนั้นผมจะเชื่อมั่นความสามารถในการทำงานของคุณและไม่เข้าไปก้าวก่ายจนกว่างานของคุณจะเสร็จ อันที่จริงผมมาก็เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของคุณก็เท่านั้น อ้อใช่…ทั้งหมดนี้จะเสร็จทันภายในหนึ่งสัปดาห์ไหม?”
“แน่นอน ไม่มีปัญหา เพราะถ้าฉันทำไม่ได้ ในประเทศนี้ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว หนึ่งสัปดาห์…ฉันจะเขียนรายงานการวิจัยที่คุณจะต้องพอใจให้เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์” ฟานฟานพูด
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ทำงานของคุณต่อเถอะ” ซงเป่ยฉงพูดจบก็เดินจากไปทันที
ขณะที่ซงเป่ยฉงกำลังเดินออกไป ฟานยี่หมิงก็เดินเข้าไปคุยกับฟานฟานว่า “ฟานฟาน ทำไมหลานพูดไม่ให้เกียรติคุณซง แบบนั้นหล่ะ?”
ฟานฟานหันไปหาฟานยี่หมิงก่อนจะตอบว่า “การพูดของฉันมันทำไมงั้นเหรอ? ฉันทำอะไรผิด? ก็ไม่นี่ ฉันเป็นนักวิจัยที่มีความรับผิดชอบต่องานของฉัน ฉันไม่ได้ชอบให้ใครรบกวนเวลาฉันทำงาน นอกจากนี้ฉันก็ไม่ชอบประจบใคร”
“เธอ…” ฟานยี่หมิงพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ขณะนี้ซงเป่ยฉงกำลังเดินอยู่ในโถงทางเดิน ระหว่างนั้นเขาก็คิดกับตัวเองว่า ‘ฟานฟานไม่ได้สนใจเรื่องกริยาท่าทางในการพูด มันถือเป็นโชคดีของเธอที่เราไม่ได้ถือเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าไปเจอคนอื่นเธออาจจะเจ็บตัวไปแล้วก็ได้ เอาเถอะ…มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสิ่งที่เราต้องการที่สุดคือผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ของเธอ ขอแค่ได้ผลลัพธ์ออกมาก็พอแล้ว’
ฟานยี่หมิงถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดว่า “เห้อออ เป็นเพราะปู่ พ่อและแม่สินะที่ทำให้หลานกลายเป็นคนแบบนี้ หลานไม่รู้จักวิธีการพูดคุยและประมาณตัวเอง ถ้าไปเจอคนอื่นเข้าหล่ะก็หลานอาจจะเจ็บตัวไปแล้วก็ได้”
“เอาหล่ะ ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ เราไม่จะกลับมาพูดเรื่องนี้กันอีก” พูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “เดี๋ยวฉันจะไปหาเซี่ยเหล่ยที่เวิร์กช็อปของเขา ปู่จะไปด้วยกันไหม?”
“ไป ปู่เองก็อยากจะไปดูเหมือนกันว่าเขาทำงานยังไง?” ฟานยี่หมิงพูด
“งั้นปู่และคุณซง เดินไปกันก่อนก็ได้ ฉันขอเคลียอีกแปปนึงก็จะตามไป” ฟานฟานพูด
ซงเป่ยฉงและฟานยี่หมิงตกลงว่าจะเดินกันไปก่อน ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกจากห้องแล็บนั้น ฟานฟานที่กำลังรีบเคลียงานของตัวเองก็ต้องชะงักด้วยความตกใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน เธออ้าปากค้างราวกับว่าเห็นแมวมีปีกและกำลังบินอยู่ยังไงยังงั้น
แต่อีกหนึ่งวินาทีต่อมา เธอก็รีบเรียกสติกลับมาให้อยู่ในท่าทางปกติเพราะไม่อยากให้ทั้งซงเป่ยฉงและฟานยี่หมิงสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้
อย่างไรก็ตามภายในใจของเธอยังคงเต็มไปด้วยความสับสนงุนงงและประหลาดใจ เธอคิดกับตัวเองว่า ‘ภายใต้การกระตุ้นที่เกิดขึ้น ความถี่คลื่น Y ในสมองของเขาสูงเกินกว่า 300 HZ มันสูงเป็นสิบเท่าของคนปกติ! และในขณะที่เรากำลังทดสอบก็ยังไม่ได้กระตุ้นให้ตื่นตัวเต็มที่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามันถูกกระตุ้นให้ตื่นเต็มที่ สมองของเขาจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ไม่อยากจะเชื่อเลย…มันเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเขากันแน่นะ!’
ทันใดนั้นจู่ๆเธอก็นึกย้อนกลับไปในช่วงที่เซี่ยเหล่ยกำลังคำนวณสมการเคมีที่ยากมากในสำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติในตอนนั้นเขายืนนิ่งอยู่หน้ากระดานอย่างใจเย็นและใช้เวลาไม่นานในการแก้ปัญหา เขาเขียนคำตอบอย่างรวดเร็วต่อเนื่องไม่มีหยุดแม้แต่การคำนวณตัวเลขขั้นสูง นั่นแสดงให้เห็นว่าความเร็วในการคำนวนของเขานั้นน่าทึ่งมาก ตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ เพราะถ้าไม่มีพลังสมองที่ทรงพลังในการคำนวณ ปัญหาที่ยากระดับนั้นไม่มีทางที่จะแก้ได้โดยความบังเอิญอย่างแน่นอน!
นอกจากนี้แล้วเธอก็ยังนึกย้อนไปถึงความสำเร็จที่เซี่ยเหล่ยเคยทำมาทั้งหมด เขาผลิตปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ปืนไรเฟิลจู่โจม Gust และแม้แต่เครื่องกลึงอัจฉริยะ Dragon Thunder ที่สามารถผลิตและประมวลผลชิ้นส่วนได้อย่างแม่นยำ เขาก็สามารถทำได้ในขณะที่ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำได้…
ฟานฟานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะคิดกับตัวเองต่อว่า ‘เป็นไปได้ไหมว่าคนที่ฉันตกหลุมรักจะมีสมองที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก? ไม่…พูดแบบนั้นคงจะน้อยไป ฉันควรจะนิยามเขาว่าซูเปอร์แมนที่แข็งแกร่งและทรงพลัง เดี๋ยวนะ…ซูเปอร์แมนที่แข็งแกร่งและทรงพลังงั้นเหรอ? นี่เรากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นแฟนของฉัน…ฉันจะเปิดเผยเรื่องนี้กับคนอื่นไม่ได้ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเขา’
ความคิดของเธอนั้นพิเศษไม่ต่างจากร่างกายของเธอ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะมีความสามารถและเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม แต่เธอในขณะนี้คิดที่จะปลอมแปลงตัวเลขขึ้นมาใหม่เพื่อช่วยเซี่ยเหล่ย
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเหล่ยกำลังใช้ความสามารถในการมองทะลุแอบมองการทำงานของเธออยู่ ซึ่งเธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าถูกแอบมอง
และในทันทีที่เขาเห็นเธอปลอมแปลงข้อมูลตัวเลขขึ้นใหม่ เขาก็เลิกใช้ความสามารถในการมองทะลุ ก่อนจะรีบเดินออกมาจากด้านหลังของวิลล่าและวิ่งไปที่เวิร์คช็อปใหม่ด้วยทางลับอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้เซี่ยเหล่ยมาถึงเวิร์กช็อปใหม่แล้วแต่ ซงเป่ยฉงกับฟานยี่หมิงยังมาไม่ถึง
เซี่ยเหล่ยที่ยืนอยู่คนเดียวก็แอบยิ้มกับตัวเองที่ฟานฟานยอมปลอมแปลงข้อมูลตัวเลขขึ้นใหม่ให้กับเขา
อย่างไรก็ตามย้อมกลับไปในตอนที่กำลังตรวจสอบ เซี่ยเหล่ยสามารถควบคุมความคิดและปฏิกิริยาการตอบสนองของสมองให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับคนทั่วไปได้ แต่เขาก็ไม่ทำ เพราะเขาเลือกที่จะให้เธอเห็นถึงความเป็นจริงและคอยสังเกตปฏิกิริยาของเธอแทน
หากฟานฟานไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อมูลตัวเลขขึ้นใหม่เพื่อช่วยเขา ในอนาคตเขาจะต้องตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่ก็โชคดีที่เธอยอมปลอมแปลงข้อมูลให้ ทำให้ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้
นอกจากนี้อีกปัจจัยหนึ่งที่เขาไม่ได้ปกปิดความสามารถของสมองของเขานั่นก็เพราะเขาต้องการให้ฟานฟานได้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของมัน เธอเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบผู้ชายฉลาดและไอคิวสูง ดังนั้นเรื่องนี้จะยิ่งช่วยดึงดูดความสนใจของเธอได้เพิ่มขึ้นอีกมาก มันจะยิ่งช่วยให้อะไรๆหลังจากนี้จัดการได้ง่ายขึ้น
ความรักทำให้คนตาบอด นี่คือสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการ
ทันใดนั้นเสียงของฟานยี่หมิงก็ดังออกมาจากลำโพงว่า “คุณเซี่ย คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า ผมขอเข้าไปดูการทำงานของคุณจะได้ไหม?”
เซี่ยเหล่ยหยิบเศษผ้าที่สะอาดขึ้นมาก่อนจะนำมันไปเช็ดกับคราบน้ำมันเครื่องและใช้ผ้านั้นเช็ดไปตามร่างกายและมือของเขาก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูเวิร์คช็อป
“คุณเซี่ย ผมมารบกวนการทำงานของคุณหรือเปล่า?” ซงเป่ยฉงพูดด้วยความสุภาพ
“ไม่เลย เชิญเข้ามาก่อน” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเรียบง่าย ฟานยี่หมิงและซงเป่ยฉง เดินเข้าไปในเวิร์คช็อปใหม่ก่อนที่ประตูจะปิดโดยอัตโนมัติ
“คุณเซี่ย มาตรการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ดีมากจริงๆ” ซงเป่ยฉงพูดทันทีหลังจากที่เข้ามาแล้ว
“คุณ ซง ถ้าคุณไม่ได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสฟาน คุณจะไม่มีโอกาสเข้ามาในนี้ได้เลย คุณรู้ไหมว่าที่นี่ใช้สร้างอะไร ผมใช้ที่นี่เพื่อสร้างเครื่องกลึงอัจฉริยะ Thunder Dragon รุ่นที่สองซึ่งจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Thunder Dragon รุ่นแรกถึงสองเท่า ซึ่งถ้ามันสำเร็จ มันจะไม่ได้ยกระดับการผลิตและมาตรฐานการผลิตของโรงงานผลิตอาวุธเพียงแค่นั้น แต่มันจะยกระดับมาตรฐานการผลิตให้กับประเทศของเราได้เลย แน่นอนว่ามันจำเป็นจะต้องมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ดี” เซี่ยเหล่ยพูด
“คุณเก่งจริงๆ…คุณเซี่ย” ฟานยี่หมิงพูดก่อนจะพูดต่อว่า “แม้ว่าผมจะเป็นนักวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ แต่ผมก็พอจะรู้และเข้าใจช่องว่างระหว่างอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศของเรากับของฝั่งตะวันตกได้ ซึ่งถ้ามันสำเร็จ มันจะไม่เพียงแค่ลบช่องว่างนั้นลงได้ แต่มันยังสร้างช่องว่างที่เราจะทิ้งได้ห่างอุตสาหกรรมของพวกเขาโดยที่พวกเขาจะเทียบเราไม่ติดเลย”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ผู้อาวุโสฟานก็พูดเกินไป”
“ผมไม่ได้พูดเกินไป ความสำเร็จทั้งหมดที่คุณทำมามันมากกว่าความประสบความสำเร็จทั้งชีวิตของผมซะอีก นอกจากนี้ทุกสิ่งที่คุณทำก็นำมาซึ่งผลประโยชน์ในประเทศของเราทั้งนั้น” ฟานยี่หมิงพูด
ขณะเดียวที่พูดนั้นเซี่ยเหล่ยก็แอบมองปฎิกิริยาของซงเป่ยฉงด้วยหางตา
ใบหน้าของซงเป่ยฉงไม่ได้เปลี่ยนแปลงและแสดงอะไรทั้งนั้น คำพูดสรรเสริญเยินยอของฟานยี่หมิงนั้น เขาไม่ได้สนใจเลย!
เซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาข้างนอก เขาแสร้งหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ฮ่าฮ๋า ผู้อาวุโสฟาน มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับผลงานและความสำเร็จของผมหรอกนะ อย่างบางคนที่กำลังดื่มนมกลับคิดว่าเนื้อของมันจะมีรสชาติยังไง จนบางครั้งพวกเขาถึงขั้นลงมือฆ่าวัวเพื่อกินเนื้อของมันเลยด้วยซ้ำ”
ในที่สุดการแสดงออกของซงเป่ยฉงก็เปลี่ยนไป เขาพูดต่อจากเซี่ยเหล่ยทันทีว่า “คุณเซี่ย คุณหมายความว่าไงงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรมาก ผมก็แค่แอบเสียใจก็เท่านั้น” เซี่ยเหล่ยพูด
“บางครั้งการที่เราเสียใจกับอะไรบางอย่างก็ไม่ควรพูดมันออกมาหรอกนะ เพราะความเสียใจไม่มีอำนาจอะไรในตัวมันเอง ต่อให้พูดออกมาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้” ซงเป่ยฉง พูด
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ความคิดของคุณซง โดดเด่นจริงๆ อันที่จริงมันก็เป็นอย่างที่คุณว่ามา แต่ยังไงก็ตามผมการที่เราพูดอะไรบางอย่างที่เราเสียใจก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนอ่อนแอ ผมจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำเท่านั้น ไม่มีใครบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำได้”
“คุณเซี่ย คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถของคุณเหนือกว่าทุกคนที่ผมเคยรู้จัก แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังคงเป็นมนุษย์ปกติ ความแข็งแกร่งของคุณย่อมมีขีดจำกัด ผมหล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าคุณถูกคนที่มีอำนาจสูงกว่ากดดันคุณยังจะดื้อไม่ยอมทำสิ่งที่ไม่อยากทำอีกไหม?” ซงเป่ยฉง พูดพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่ดูเจ้าเล่ห์
เซี่ยเหล่ยยักไหล่เบาๆก่อนจะพูดว่า “คุณซง คุณคิดว่าคนอย่างผมจะสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยอย่างนั้นเหรอ? กลับกันเลยผมมองว่าถ้าผมถูกกดดันมากๆเข้า ความอดทนของผมก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน”
“แล้วถ้าคุณถึงขีดจำกัดแล้วคุณจะทำยังไงงั้นเหรอ?” ซงเป่ยฉงหลอกถาม
“ฮ่าฮ่า ผมมีวิธีมากมายที่จะใช้จัดการอย่างการย้ายไปอยู่ต่างประเทศก็เป็นหนึ่งในนั้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาที่อยู่ใหม่เพราะไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาร์เจนตินา รัสเซีย สวีเดน แคนาดาหรือที่อื่นๆก็พร้อมที่จะยอมรับผมไปอยู่ในประเทศของพวกเขานั่นก็เพราะผมมีสิ่งที่พวกเขาอยากได้” เซี่ยเหล่ยตอบอย่างเรียบง่าย
ซงเป่ยฉงที่ก่อนหน้านี้ยิ้มมาตลอด รอยยิ้มของเขาค่อยๆหายไปในทันทีที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดถึงการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
อันที่จริงแล้วสำหรับความสามารถอย่างเซี่ยเหล่ยไม่ว่าเขาจะย้ายไปอยู่ประเทศไหนที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศนั้นก็พร้อมที่จะต้อนรับเขาอยู่แล้ว
“ฮ่าฮ่า หัวข้อนี้ก็น่าสนใจดีนะ” ฟานยี่หมิงพูดแทรกขึ้นมาเพื่อเริ่มเห็นท่าไม่ดีก่อนที่จะเริ่มพูดเบี่ยงประเด็นต่อว่า “คุณเซี่ย ดูเหมือนว่าคุณจะกำลังยุ่งอยู่ คุณกลับไปทำงานของคุณเถอะ ไม่ต้องพาเราทัวก็ได้”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกคุณสามารถเดินดูได้ตามใจชอบ ผมขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเหล่ยพูดจบก็เดินกลับไปทำงานของเขาต่อ
นี่เป็นการเผชิญหน้าโดยตรงครั้งแรกระหว่างเขากับซงเป่ยฉง จากสำนักงาน ZN และสุดท้าเขาก็ได้รับชัยชนะ แม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม!
ขีดจำกัดความอดทน!
ไม่เป็นไรผมจะทำให้พวกคุณสูญเสียทุกอย่างที่มี!
นี่คือสิ่งที่เซียเหล่ยบอกใบ้ให้กับ ซงเป่ยฉง!