Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 349
TXV – 349 กลิ่นอายเก่าแก่ !
สิ่งสําคัญที่ขาดไม่ได้ในการปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือ และเครื่องจักรก็คือคนและอุปกรณ์เครื่องมือ แต่ดูเหมือนในเรื่องนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่
หลังจากต้องปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือเครื่องจักรแล้ว เขายังต้องปรับปรุงปืนไรเฟิลอีกสามกระบอก โดยที่สองกระบอกแรกจะทําให้กับถ่างหยู่เหยียและถ่างทั่วฉวน ส่วนอีกกระบอกคือปืนโมเดลตัวอย่างของอเลน่าที่ต้องการจะนําไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการที่กรุงมอสโคว์
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน
ในห้องทํางานปฏิบัติการของเซี่ยเหลีย ทั้งเขาและอเลน่าในตอนนี้กําลังช่วยกันปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือเครื่องจักรของเขาให้สามารถใช้ได้สําหรับการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพตามที่พวกเขาต้องการ
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันน่าจะเสร็จภายในครึ่งเดือน” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง
ด้วยสะโพกที่โด่ดเด่นและช่วงขาที่เรียวยาว แม้ว่าเธอจะสวมชุดปฏิบัติการสีน้ําเงินอยู่ก็ตาม เสน่ห์และความเซ็กซี่ของเธอก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองไปที่อเลน่าเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
คนงานที่อยู่ในห้องทํางานปฏิบัติการของเซี่ยเหลีย พวกเขาบางส่วนก็ได้มองไปยังเซี่ยเหลียและอเลน่าที่กําลังทํางานด้วยกันอยู่ บางคนก็ยิ้มให้กับพวกเขา บางคนก็กระซิบกัน บางคนก็รู้สึกอิจฉาพวกเขาแต่ ทั้งหมดนี้พวกเขาไม่ได้พูดอะไรที่หยาบคายต่อเซี่ยเหลียและอเลน่าเลย ในช่วงเวลาที่เซี่ยเหลี่ยอยู่ในโรงงาน ความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน คนงานทุกคนต่างรู้สึกยกย่องเขาแม้กระทั่งช่างเทคนิคที่มีความสามารถหรือวิศวกรไฟฟ้าที่มีใบอนุญาต พวกเขาต่างชื่นชมในตัวเซี่ยเหลี่ยป็นอย่างมาก
“เหมือนว่าจะมีคนมองเราอยู่นะ… “เซี่ยเหลี่ยพูดในขณะนี้เขารู้สึกอายเป็นอย่างมาก
อเลน่ายิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “คนจีนเป็นคนขี้อายและพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นพวกที่ชอบสังเกตคนอื่น…”
เซี่ยเหล่ยยิ้มให้เธอแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปนั่นก็เพราะวัฒนธรรมของพวกเขามีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ชาวตะวันตกจะเป็นคนที่เปิดเผยมากกว่าคนจีน ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าเราเป็นคนขี้อาย
ในเวลานี้ฉิงเสวียงก็เดินเข้ามาในห้องทํางานปฏิบัติการ เขามองไปที่เครื่องจักรก่อนพูดขึ้นว่า “มันเป็นอย่างไรบ้าง? มันใช้งานได้แล้วหรือยัง?”
ในตอนที่ฉิงเสวียงเดินเข้ามา พวกคนงานก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไป พวกเขากลับไปตั้งหน้าตั้งตาทํางานอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะพวกเขากลัวฉิงเสวียงและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามพวกเขาตั้งชื่อเรียกให้เธอ โดยเฉพาะว่า “เสือสาว !”
จังหวะเดียวกันนี้อเลน่าและเซี่ยเหล่ยก็หยุดทํางานพร้อมหันมามองที่ฉิงเสวียง
ฉิงเสวียงเดินไปหาเซี่ยเหลี่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณนี่จริงๆเลย ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องการให้มีคนมองไปทําที่สํานักงานของฉันก็ได้นะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเงื่อนๆจากนั้นก็พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
ฉิงเสวียงยักไหล่ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “อ้อ…เมื่อกี้ถ่างหยู่เหยี่ยมาที่นี่ เธอต้องการพบคุณ ตอนนี้เธอกําลังรอคุณอยู่ที่สํานักงาน”
“ผมจะไปพบเธอเดี๋ยวนี้แหละ” เซี่ยเหลี่ยพูด
ฉิงเสวียงมองเซี่ยเหลี่ยเดินออกจากห้องทํางานปฏิบัติการไป จากนั้นก็หันมายิ้มพร้อมพูดกับอเลน่าว่า “อเลน่า เธอไม่เห็นงั้นเหรอ?”
“เห็นอะไร?” อเลน่าพูดขึ้นในขณะที่ตัวเองยังคงหมุนสกรู
“ทุกๆอย่างแต่ช่างมัน…ให้ฉันช่วยไหม?” ฉิงเสวียงพูดขึ้นในขณะที่ตัวเองกําลังถลกแขนเสื้อและหยิบประแจที่เซี่ยเหลียวางไว้ก่อนจะออกจากห้องขึ้นมา
อเลน่าพูดว่า “ก็ได้ งั้นก็บิดสกรูสิบรอบและรอบสุดท้ายอีกครึ่งรอบ ห้ามมากหรือน้อยกว่านี้ ไม่อย่างนั้นมันจะทํางานผิดพลาดหรือทํางานได้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร”
“เธอมันตาบอดจริงๆ” ฉิงเสวียงพูดเบาๆกับตัวเอง
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” อเลน่าถามเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ไม่มีอะไร ฉันซื้อหน้ากากมาใหม่คุณต้องการมันมั้ย ?” ฉิงเสวียงถาม
อเลน่า “…”
กลับมาที่เซี่ยเหลี่ยในตอนนี้เขาเดินมาถึงออฟฟิศแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยที่นั่งฮัมเพลงอยู่ที่โซฟาได้ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เธอมองไปที่เซี่ยเหลีย พร้อมรอยยิ้มและในวันนี้เธอแต่งหน้ามาด้วย เธอเขียนคิ้วและขอบตาขึ้นใหม่ให้มีลักษณะที่ดูคล้ายดวงตาของนกฟีนิกส์ ปากของเธอก็ทาลิปสีเชอร์รี่อ่อนๆ แก้มของเธอก็ปัดสีแดงหน่อยๆ
เมื่อเซี่ยเหลี่ยเห็นเธอก็พูดขึ้นว่า “วันนี้ คุณดูดีมากเลยนะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มก่อนพูดว่า “ฉันไม่อยากได้ยินคํานี้ซักเท่าไหร่”
“คุณน่าเกลียดจริงๆ” เซี่ยเหลยพูดอีกครั้งโดยเปลี่ยนประโยคคําพูด
“อะไรนะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองตาโตไปที่เซี่ยเหลี่ย
“ฮ่าฮ่า…ผมแค่ล้อเล่น ผมรู้ว่าที่คุณมาหาผมเพราะอะไรแต่ก่อนอื่นผมมีอะไรจะให้คุณดูก่อน” เซี่ยเหลยเดินไปที่โต๊ะของตัวเองจากนั้นก็ลากกล่องที่อยู่ใต้โต๊ะออกมา และหยิบปืนไรเฟิลที่เหมือนกันสองกระบอกขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นปืนที่เซี่ยเหลียวางไว้บนโต๊ะ เธอก็รีบหยิบปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่งขึ้นมาดูก่อน
ในขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยกําลังดูอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยก็พูดว่า “มันคือปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ของเรา แต่มันยังไม่สามารถใช้การได้”
“ทําไมหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหลี่ยพร้อมถาม
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “เพราะเครื่องมือและเครื่องจักรที่เรามีตอนนี้ ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงความสามารถทั้งหมดของมันออกมาได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “งั้นฉันจะรอจนกว่าคุณจะดัดแปลงจนมันสมบูรณ์”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “แต่อันนี้ผมยังให้คุณไม่ได้เพราะหลังจากผมดัดแปลงปรับเปลี่ยนใหม่จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะนํามันไปแสดงในงานนิทรรศการที่ประเทศรัสเซีย มันเป็นโอกาสสําหรับเราที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักซึ่งถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ เราจะมีคําสั่งซื้อจากต่างประเทศจํานวนมาก “
“อะไรกัน” ถ่างหยู่พร้อมกับทําหน้าไม่พอใจและพูดต่อทันทีว่า “ที่อัฟกานิสถานเราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากมาย แต่ฉันยังไม่ได้อะไรเลยจนถึงตอนนี้!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขึ้นพร้อมพูดว่า “คุณหมายความว่าไง?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเบ้ปากก่อนพูดว่า “ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกงั้นเหรอ? หลงบิง…เธอได้ของขวัญจากคุณ ทั้งๆที่เธอไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายด้วยเลยที่อัฟกานิสถานเลย แต่จู่ๆเธอก็ได้รับไพลินเป็นของขวัญที่มาจากชนเผ่าเฮปตาไลท์!! ส่วนฉันที่ต้องไปเสี่ยงชีวิตกับคุณกลับไม่ได้อะไรเป็นของขวัญเลย”
แม้จะเป็นคําพูดที่ดูรุนแรง แต่คําพูดเหล่านี้ก็มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อย
“ที่จริงผมได้เตรียมของบางอย่างให้คุณไว้ตั้งนานแล้ว” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมหันไปเปิดลิ้นชักและหยิบห่อกระดาษขึ้นมาจากนั้นก็ส่งมันให้กับเธอ
“คุณ ……. คุณให้ของขวัญฉันจริงๆงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรับของขวัญมาจากเซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลี่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า “ที่คุณพูดมาก็ไม่ผิดแต่ผมจะไม่ให้คุณได้ยังไงกัน ทั้งผมและคุณผ่านมาอะไรมาตั้งมากมายในอัฟกานิสถาน เราเกือบจะถูกฆ่าด้วยซ้ํา แต่เราก็ผ่านมาได้แถมคุณยังเห็นกันของผมแล้วอีกต่างหาก รวมกับสิ่งนี้แล้วคงจะเป็นของขวัญให้คุณได้ใช่ไหม? ฮ่าฮ่า”
“จะบ้าหรือไง? ฉันไม่ได้อยากเห็นกันของคุณซักหน่อย” แม้ว่าปากเธอจะพูดออกไปแบบนี้ แต่บนใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความดีใจ หลังจากพูดจบเธอก็เปิดห่อกระดาษออกทันที
ภายในหอประดาษมีปืนสีทองแบบโบราณ ตรงปลายถูกประดับด้วยไพลินสีแดง เมื่อมองไปที่มันแล้วจะให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมาก แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่อยู่ภายในโรงศพของเจ้าหญิงหยงเหม่ย
“นี่มัน …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยอุทานออกมาด้วยความประหลาดรวมปนกับความดีใจ
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมได้มาจากชนเผ่าเฮปตาไลท์ คุณเก็บมันไว้เถอะตอนนี้มันเป็นของคุณแล้ว “
หลังจากนั้นเธอก็พยายามรวบผมและพยายามปักมันลงไปที่ผมของเธอ เธอใช้เวลาอยู่ราวๆสองถึงสามนาทีได้กว่าจะปักสําเร็จ
แต่อย่างไรก็ตามถ่างหยู่เหยี่ยก็สงสัยว่ามันจะเป็นของที่มาจากชนเผ่าเฮปตาไลท์ไปได้อย่างไร ในเมื่อที่นั่นแทบไม่มีอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นของมีค่าได้เลย เธอมองไปที่เซี่ยเหลี่ยก่อนจะพูดว่า “ที่ชนเผ่าเต็มตา ไลท์ ฉันก็เห็นสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมีของมีค่าแบบนี้ได้ คุณหามาจากไหน?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วคิดว่าผมได้มาจากไหนหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มและพูดอย่างหลอกล่อและมีชั้นเชิงว่า “แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณได้มาจากไหน”
พูดเสร็จพวกเขาก็ยิ้มให้กันดูเหมือนว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะรู้ว่าเซี่ยเหลียได้เครื่องประดับเหล่านี้มาจากไหน แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมา…..
และดูเหมือนเธอจะยังรู้อีกว่าภารกิจในครั้งนี้ทําให้เซี่ยเหลี่ยสูญเสียเงินไปมาก ถ้าเขาจะต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อชดเชยเงินที่เสียไปบ้างก็คงจะไม่แปลกอะไร
“ที่จริงแล้วปืนของคุณและของพี่ชายคุณได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ประสิทธิภาพของมันใกล้ เคียงกับกระบอกเก่าที่คุณได้ไปก่อนหน้านี้เลย” เซี่ยเหลี่ยพูดเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะทํามันเสร็จเร็วขนาดนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยท่าทางตะลึงเล็กน้อย
“ก็ที่นี่เป็นโรงงานผลิตอาวุธนี่ มันก็ต้องเร็วเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” เซี่ยเหลี่ยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
ถ่างหยู่เหยี่ยวางโมเดลปืนก่อนจะพูดว่า “ที่จริงแล้วฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาถามหาเรื่องปืนหรอกนะ ฉันแค่จะมาชวนให้คุณไปหาปู่ด้วยกันกับฉัน”
เซี่ยเหลี่ยขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “วันนี้ผมยุ่งมากเพราะต้องอัพเกรดเครื่องมือเครื่องจักรของโรงงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะผลิตปืนไรเฟิลตามที่ต้องการให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเป็นอีกสิบวันหลังจากนี้จะได้หรือไม่?”
“ฉันรู้ว่าคุณยุ่ง ฉันจึงมาหาคุณวันนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้ปู่ของฉันอยู่ที่เมืองชู แต่ตอนนี้ฉันได้เชิญมาที่นี่ด้วยความที่เขาอยากเจอคุณ เขาจึงยอมมา ดังนั้นคุณพอจะมีเวลาซักครึ่งวันมั้ย ? “
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสถ่างได้เดินทางมาถึงที่นี่ทําให้เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “ตกลง ผมขอตัวไปอาบน้ําแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นผมจะไปกับคุณ”
ตระกูลถ่างเมื่อเทียบกับตระกูลแล้วก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีอํานาจไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่ ดังนั้นหากผู้อาวุโสของตระกูลเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแล้วจะไม่ออกไปพบก็เห็นจะน่าเกลียดเกินไป
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยเหลียและถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปหาผู้อาวุโสระหว่างที่กําลังเดินทางเซี่ยเหล่ยก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลถ่างเพิ่มเติมจากการเล่าของถ่างหยู่เหยี่ย เธอบอกว่ามีหลายคนในตระกูลของเธอมีตําแหน่งหน้าที่ในกองทัพทหารและตอนนี้ก็มีไม่น้อยที่เกษียรไปแล้ว หนึ่งในนั้นแม้จะเกษียรไปแล้วแต่ก็ยังมียศและอํานาจที่สูงมาก เนื่องจากเขาได้เข้าร่วมสงครามและสร้างผลงานไว้จนเป็นที่น่าพอใจ
หลังจากขับไปจนถึงจุดหมาย ถ่างหยู่เหยี่ยก็จอดรถข้างทางทั้งเซี่ยเหลี่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินลงจากรถรอบข้างถนนมีต้นไม้อยู่เรียงราย ทั้งสองข้างของถนนก็มีบ้านเดี่ยวขนาดเล็กที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมตะวันตกรวมอยู่ มันดูเก่ามาก แต่ด้วยความปราณีตของตัวอาคารทําให้มันยังดูสวยงามและมีเสน่ห์อยู่ด้านบรรยากาศของที่นี่เงียบมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบทแม้ว่าที่นี่จะยังเป็นเขตตัวเมืองก็ตาม
ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่สภาพแวดล้อมแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
“ปู่ของคุณจะรับผมเป็นลูกศิษย์จริงๆงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นเพราะความไม่แน่ใจ
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจแต่ถ้าคุณมีความพยายามมากพอ โชคอาจจะเข้าข้างคุณก็ได้นะ”
“ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดเพราะผมต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะของตระกูลถ่างแต่ถ้าที่สุดแล้วมัน ไม่สําเร็จตามที่หวัง ผมก็ยอมรับมันได้” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยียชี้ไปที่บ้านหลังเล็กๆที่อยู่ถัดจากทางเดินและพูดขึ้นว่า “ตรงนั้นเป็นบ้านของฉันปกติ แล้วพ่อแม่และพี่ชายของฉันจะอยู่ที่นี่”
เซี่ยเหลี่ยมองตามมือที่เธอชี้ไป เขาก็เห็นบ้านที่เธอชี้แต่มันไม่น่าสนใจเท่ากับปลายทางที่เขามองไป เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากเห็นผู้หญิงคนนั้นหน้าผากและคิ้วของเขาก็เหี่ยวย่นทันที
ผู้หญิงคนนั้นคือเค่อเหวิน
เค่อเหวิน เธอสวมกระโปรงยาวสีดําพร้อมกับสะพายกระเป๋าสีดํา ท่าทางของเธอดูมีความเป็นผู้ใหญ่และดูน่าสนใจทีเดียวแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันไปซักพักหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เซี่ยเหลี่ยตระหนักได้ในทันที ก็คือครั้งนี้ความรู้สึกที่เขามองไปที่เธอกลับเป็นความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าเค่อเหวินในตอนนี้ก็มองกลับมาที่เซี่ยเหลี่ยแต่ท่าทางของเธอกลับไม่มีความเกลียดชังหรือท่าทางที่ดูไม่เป็นมิตรเลย เธอดูสงบและดูเยือกเย็น มุมปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าเธอในตอนนี้มีความสุขดีอยู่แล้ว
เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?
ติดตามตอนต่อไป..