Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 350
TxV – 350 ตระกูลถ่าง
ถ่างหยู่เหยี่ยที่เห็นเค่อเหวินยืนอยู่ เธอก็เองก็แปลกใจจึงพูดออกมาว่า “เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เซี่ยเหล่ยถามถ่างหยู่เหยี่ยว่า “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้างรึป่าว?”
“เค่อเหวิน เป็นลูกสาวของเจ้าพ่อมาเฟียกู้ดังชาน ทําไมจะไม่รู้หล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้พ่อของเธอก็เคยมาเยี่ยมปู่ของฉันอยู่บ้างแต่ที่น่าแปลกใจคือตอนนี้เธอมาปรากฏตัวอยูที่นี่ได้อย่าง ไร? หรือเธอมาเพื่อต้องการหาพี่ชายของเธอ?”
เซี่ยเหลี่ยพูดว่า “ผมไม่รู้ ผมรู้แค่เพียงตอนนี้เธอทํางานกับเฉินตูเทียนหยิน “
“เอ่อ? งั้นเหรอ เรื่องนี้ต้องมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความ
สงสัย
หลังจากนั้นไม่นาน….เค่อเหวินเดินมาอย่างเฉยชามาที่พวกเขา
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นักฆ่าแต่ก็บอกเจตนาที่แน่ชัดของเธอในตอนนี้ไม่ได้ เซี่ยเหลี่ยตื่นตัวทันทีที่เธอเดินเข้ามา เขาปลุกความสามารถของตาซ้ายอย่างเงียบๆ จากนั้นก็มองไปที่เธอจนในตอนนี้เสื้อผ้าของเธอหายไปหมดจากชุดสีดํากลายเป็นผิวหนังที่ขาวเนียน
เขาต้องทําเช่นนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้แอบซ่อนอาวุธเอาไว้ในร่างกายแต่เมื่อมองไปทั่วร่างของเธอ แม้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมองไปที่ส่วนสําคัญของเธอ แต่สายตาของเขามันก็หันไปเห็นเอง
เธอเดินเข้ามาจนใกล้มากแล้วก็หยุดลงตรงหน้าพวกเขาจากนั้นก็พูดทักทายออกไปว่า “หยู่เหยี่ย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันนานแล้วแต่เธอก็ยังสวยเหมือนเดิม”
ถ่างหยู่เหยยยิ้มและพูดตอบไปว่า “มันเป็นเวลานานแล้วจริงๆ เธอเองก็ดูสวยและมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนไปเหมือนกันนะ”
เมื่อทักทายถ่างหยู่เหยี่ยเสร็จ เธอก็หันมามองที่เซี่ยเหลียด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนพูดทักทายเขา เหมือนกันว่า “เซี่ยเหลีย เราก็ไม่ได้พบกันนานแล้วคุณยังดูดีและมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนเช่นกัน”
ในความจริงเซี่ยเหลี่ยไม่ได้ต้องการจะพูดกับเธอแต่เมื่อมีคนทักมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแล้ว การจะเมินเฉยดูจะหยาบคายเกินไป เขาจึงยิ้มและพูดตอบเธอไปว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“อะไรกัน” ถ่างหยู่เหยี่ยศอกท้องเซี่ยเหลี่ยเบาๆ
เซี่ยเหลยพูดอย่างไร้เดียงสาไปว่า “ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยยยิ้มพร้อมตอบไปว่า “ไม่ถูกหรือไง…ตอนนี้ร่างกายของคุณเฟิร์มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หากคุณจะดูดีขึ้นก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยเหลียไม่คิดว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะพูดแบบนี้…
เค่อเหวินพูดว่า “เซี่ยเหล่ย คุณดูดีขึ้นมากจริงๆแต่เทียบกับอันซูฮยอนแล้วตอนนี้คุณยังไม่ดีพอ….”
เซี่ยเหลียได้แค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรกลับไปแม้ประโยคนี้ถ้าเป็นคนอื่นถูกเปรียบเทียบคงจะอึดอัด และไม่พอใจ แต่ก็ไม่ใช่กับเซี่ยเหล่ย เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่กู้เค่อเหวินด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เพราะมันดูไม่เหมาะกับลุคของเธอซักเท่าไหร่
เค่อเหวินยังพูดอีกว่า “แต่อย่าเข้าใจผิด ที่ฉันพูดแบบนั้นก็เพราะอันซูฮยอนเป็นนักธุรกิจที่มีบริษัทใหญ่โต แถมเขายังมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา เขารู้วิธีจีบสาวและขยันทําคะแนนอย่างมาก ส่วนเซี่ยเหลี่ยดูเหมือนคุณจะขี้เกียจเกินไปก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าคุณต้องเดินทางไปต่างประเทศช่วงเวลาตรงนั้นของคุณได้
หายไปแต่ในขณะเดียวกันเขายังคงทําคะแนนอยู่เรื่อยๆ จนตอนนี้คุณก็กลับมาแล้วแต่ไม่แม้จะโทรไปหาเฉินตูเทียนหยิน เวลานี้คุณเข้าใจที่ฉันต้องการสื่อแล้วใช่ไหม? คุณจะแพ้ให้กับอันซูฮยอน !”
ความจริงเซี่ยเหล่ยก็คิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากกลับมาก็จะโทรกลับไปหาเธอ แต่เขาก็ลืม ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ต้องเตรียมการเกี่ยวกับปืนไรเฟิลที่จะต้องผลิตและนําไปแสดงที่งานนิทรรศการอีกอย่างหากได้ คุยกันแล้วและเธอถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่เกาหลีใต้ เขาไม่สามารถจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ เธอฟังได้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลเช่นกัน
“ไม่เป็นไร ไม่จําเป็นต้องเปรียบเทียบผมกับอันซูฮยอนหรอกนะ เมื่อผมกลับไปที่เมืองห่ายๆ ผมจะไปหาเธอเอง” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มและพูดต่ออีกว่า ” ยังมีเรื่องที่คุณไม่สบายใจอีกมั้ย ? “
“คุณไม่จําเป็นต้องกลับไปที่เมืองห่ายจหรอกนะ” เค่อเหวินพูดต่อว่า “เธอมาเมืองชิงตูเมื่อวานนี้ เพื่อมาจัดการธุรกิจของเธอ ฉันก็แค่เตือนคุณไว้เท่านั้นเพราะหากตอนนี้คุณไม่รีบจัดการอะไรเลยละก็ คุณจะต้องเสียเธอไปอย่างแน่นอน”
ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนก็ชอบอันซูฮยอนกันอยู่แล้ว เขาเพรียบพร้อมทุกอย่าง แม้ว่าตอนแรกเฉินตูเทียนหยินจะยังไม่ได้ชอบเขาแต่น้ํากล่อนหินทุกวันยังไงหินมันก็เซาะ ใจของเฉินตูเทียนหยินก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
“อ้อใช่…อันซูฮยอนเองก็มาที่เหมืองชิงตูด้วยเช่นกัน หลังจากที่พวกเขาตกลงร่วมมือกันทางธุรกิจ แล้วดูเหมือนพวกเขาจะมีโครงการใหญ่ๆที่จะร่วมมือกันอีกซึ่งเร็วๆนี้พวกเขาเตรียมเข้าสู่อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ เพื่อเตรียมสร้างแบรนด์โทรศัพท์ชั้นนํา พวกเขาต้องการจะยกระดับแบรนด์ของตัวเองให้เทียบเท่ากับซัมซุงหรือแอปเปิ้ล” เค่อเหวินพูดเสริม
เมื่อได้ยินที่กู้เค่อเหวินพูดคิ้วของเซี่ยเหล่ยก็ย่นเล็กน้อยดูเหมือนเฉินตูเทียนหยินจะขยายธุรกิจเร็วจนเกินไป แล้วทําไมเธอถึงท่าแบบนี้ล่ะ ?
“เอาล่ะ ดูเหมือนตอนนี้ฉันจะต้องขอตัวก่อน” กู้เค่อเหวินพูดอย่างสุภาพและเดินจากพวกเขาไป
หลังจากที่เธอเดินไป เซี่ยเหล่ยก็แอบคิดในใจว่า “จริงๆแล้วเค่อเหวิน เธอเพียงแค่บังเอิญผ่านมางั้นเหรอ หรือการที่เธอปรากฏตัวขึ้นเมื่อกี้นี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เราสู้กับอันซูฮยอนไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งหรือป่าวนะ?”
แต่เพราะอะไรกันแน่กู้เค่อเหวินถึงทําเช่นนี้?
“คิดอะไรอยู่งั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยศอกไปที่แขนของเซี่ยเหลี่ยพร้อมถามด้วยความสงสัย
“ก็หลายอย่าง” เซี่ยเหลี่ยตอบ
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อย่าโกหกเลย คุณต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องของเฉินตูเทียนหยินอยู่ใช่ไหมหล่ะ?”
เซี่ยเหลี่ยไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป
ทั้งคู่เริ่มเดินอีกครั้ง…ในขณะที่เดินถ่างหยู่เหยี่ยก็พูดขึ้นอีกว่า “ฉันคิดว่าที่เค่อเหวินพูดมาก็ไม่ผิด ถ้าคุณชอบเธอคุณก็ควรจะทําคะแนนและต้องทําให้ชัดเจน ผู้หญิงอย่างเราต้องการความชัดเจน “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วถามออกไปว่า “คุณมีแฟนมั้ย ?”
“คุณ …… ทําไมต้องถามเรื่องนี้ด้วย?” ถ่างหยู่เหยี่ยกระพริบตารัวๆพร้อมมองไปที่เซี่ยเหลีย
“มีงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามย้ํา
“ไม่” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบ
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “นี่ดูเหมือนคุณจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้นี่ ทําไมต้องแกล้งทําเป็นรู้ด้วยว่าต้องทํายังไง?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองตาโตไปที่เซี่ยเหลีย “แม้ว่าไม่เคย แต่ใครๆก็สามารถให้คําปรึกษาได้นี่”
จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก หลังจากเดินไปได้พักหนึ่งพวกเขาก็มาถึงบ้านของถ่างหยู่เหยี่ย เธอเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไปเมื่อเปิดเข้าไปแล้วเซี่ยเหล่ยก็เห็นถ่างทั่วฉ่วนและถ่างถ่างหลง ผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้อาวุโสอีกหนึ่งคน
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะมีอายุราวๆเจ็ดสิบปี เขามีผมสีเงินและยาวบรรยากาศรอบๆตัวเขาเมื่อมองไป แล้วจะให้รู้สึกน่าเกรงขาม
ส่วนผู้หญิงก็มีอายุราวๆ 40 ปี แม้ว่าช่วงอายุของเธอจะอยู่ในวัยกลางคนแล้วแต่เธอก็ยังคงสวยสง่า แถมยังดูไม่แก่เท่าไหร่ถ้าเทียบกับอายของเธอ
แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าผู้อาวุโสคนนี้คือ ถ่างยุนห่าย ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นแม่ของถ่างหยู่เหยียและถ่างยั่วฉวนชื่อว่าฉางหยู่เหม่ย
แม้ที่นี่จะไม่ใช่เมืองชูแต่บุคคลที่ยิ่งใหญ่ก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว….
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็แนะนําเซี่ยเหลี่ยให้กับทุกคนได้รู้จัก
เซี่ยเหลี่ยเองก็พูดทักทายทุกคนอย่างสุภาพออกไปว่า “สวัสดีท่านอาวุโสถ่าง ลุงถ่างและป้าฉาง”
“สวัสดี” ฉางหยู่เหม่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความสนใจ
ถ่างถ่างหลงเองก็พยักหน้าเพื่อตอบรับคําทักทายของเซี่ยเหลี่ย
ส่วนถ่างยุนหายก็มองไปที่เซี่ยเหลี่ยด้วยความเยือกเย็น
“ปู่และคนอื่นๆรู้แล้วว่าคุณจะมาที่นี่” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
ถ่างยุนห่ายพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณกําลังกังวลอยู่นะ กําลังกังวลอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ถ่างยุนห่ายก็พูดต่อทันทีว่า “นี่…เราออกไปที่สวนหลังบ้านกันหน่อยดีกว่า” พูดเสร็จก็เดินไปเปิดประตูและเดินออกไปจากห้องเป็นคนแรก
เซี่ยเหลี่ยมองไปที่ถ่างหยู่เหยียอย่างงุนงง
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหลียยังไม่เดินตามถ่างยนหายไป เธอก็พูดขึ้นว่า “ตามไปสิ”
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหล่ยก็เดินตามถ่างยุนหายออกไปทันที
ถ่างถ่างหลง ฉางหยู่เหม่ย ถ่างยั่วฉวนและถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เดินไปที่สนามหลังบ้านเช่นกัน
หลังบ้านมีสวนขนาดเล็กอยู่พร้อมกับมีพื้นที่โล่งตรงกลาง มันถูกปูด้วยแผ่นหินมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทําไมแผ่นหินเหล่านั้นมีรอยแตกหัก…
หันหลังกลับมีหมหล่ะเมื่อเล
เซี่ยเหลียเมื่อเดินออกมาแล้วเขาก็มองรอบๆสวนหลังบ้านจังหวะนี้จู่ๆ ถ่างยนห่ายที่เดินนําหน้า ก็หันหลังกลับมามองเซี่ยเหล่ย พร้อมกับปล่อยหมัดไปที่เขาอย่างรวดเร็ว!
เซี่ยเหลี่ยไม่คิดว่าอยู่ดีๆ ถ่างยุนห่ายจะหันมาโจมตีเขาด้วยปฏิกิริยาตอบสนองของเขาทําให้เขายกแขนขึ้นมาตั้งบล็อกโดยทันที
ปัง!! เสียงหมัดกระทบเข้ากับแขนของเซี่ยเหลยหลังจากการรับหมัดของเขาแล้ว แขนของเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกชาทันที เซี่ยเหลี่ยรู้สึกปลาดหลาดใจมากว่าผู้อาวุโสที่อายุราวๆเจ็บสิบปีจะมีพลังมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!
หลังจากนั้นถ่างยนห่ายก็ได้ใช้ทั้งกําปั้นและขาของเขาทําการโจมตีเซี่ยเหลียอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แม้ว่าการโจมตีของเขาจะรวดเร็วมากแค่ไหนก็ตามแต่เซี่ยเหล่ยก็สามารถเห็นทุกการโจมตีของเขาได้อย่างชัดเจน นั่นก็เพราะความสามารถจากตาซ้ายของเขา จึงทําให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกครั้ง ถ้าไม่มีความสามารถของตาซ้ายแล้วเซี่ยเหลี่ยคงจะเป็นกระสอบทรายดีๆนี่เอง
นี่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความแตกต่างระหว่างระยะเวลาการฝึกและประสบการณ์ในการต่อสู้เพราะเซียเหลี่ยมีเพียงแค่ปีเดียว ส่วนถ่างยนห่ายนั้นฝึกศิลปะการต่อสู้มาตลอดชีวิต
จังหวะนี้เท้าของถ่างยนห่ายก็ยังคงเตะไปที่เซี่ยเหลี่ยอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทําอะไรเซี่ยเหล่ยได้ เนื่องจากเซี่ยเหลี่ยสามารถป้องกันการโจมตีเหล่านั้นเอาไว้ได้ทั้งหมด…
จนเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีไปมากกว่านี้แล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจหยุดการโจมตีทั้งหมดลง
เขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากในฝีมือการต่อสู้ของเซี่ยเหลี่ยแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่า นั่นเป็นเพราะความสามารถที่มหัศจรรย์จากตาซ้ายของเขาที่ทําให้เขาสามารถรับการโจมตีได้อย่างแม่นยํา
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “ผู้อาวุโสถ่าง คุณเป็นคนที่น่าเคารพนับถือในงานหมัดมวยโลกาภิวัตน์ที่ผ่านมาเป็นอย่างมากและที่จริงตระกูลถ่างก็มีชื่อเสียงในด้านอาวุธลับแต่ผู้อาวุโสยังไม่ได้แสดงออกมาเลย…”
คิ้วของถ่างยุนห่ายเหี่ยวย่นทันทีและพูดออกไปว่า “ความสามารถของคุณ ผมรู้ดีที่คุณพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไงกัน?
เซี่ยเหลี่ยพูดอย่างงุ่มง่ามไปว่า “ท่านอาวุโสจะสอนให้ผมได้หรือไม่?”
ถ่างยุนห่ายเดินไปจับไหล่เซี่ยเหลี่ยพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมชอบคุณนะ คุณเป็นคนชัดเจนดี แต่ผมก็เคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าคุณช่วยครอบครัวของผมไว้ได้ ผมจะให้คุณเป็นลูกศิษย์ แต่นอกเหนือจากนั้น ถ้าคุณต้องการเรียนรู้ทักษะลับของตระกูลถ่างแล้วล่ะก็ คุณต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราซะก่อนเซี่ยเหลีย”?”
ติดตามตอนต่อไป…