Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 374
TxV – 374 คนในครอบครัว !
ภายในบ้านของเจียงหยยี่ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เซี่ยเหลี่ยคุ้นเคยกับห้องต่างๆรวมถึงการตกแต่งของที่นี่เป็นอย่างดี แม้แต่ตําแหน่งที่วางผ้าอนามัยก็ยังคงเป็นที่เดิม
เมื่อเข้าไปภายในบ้านแล้วหยางหยุ่นก็เดินถือน้ําชาหนึ่งแก้วมามอบให้กับเซี่ยเหลี่ย
“โรงเรียนยังไม่ปิดเทอมเลยงั้นเหรอ ฉันไม่เห็นเซี่ยเสวียกลับมาเลย?” หยางหยุ่น ถาม
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “ใช่ เอาเป็นว่าถ้าเธอปิดเทอม ผมจะให้เธอมาหาป้านะ “
“คุณก็ย้ายไปอยู่ที่นั่นกับเซี่ยเสวียด้วยงั้นเหรอ?” เจียงหยูยี่ถามเพราะไม่ค่อยได้เจอเซี่ยเหลี่ย
“ไม่” เซี่ยเหล่ยตอบและพูดต่ออีกว่า “ความจริงงานผมยุ่งจนเกินไปจนไม่ค่อยมีเวลากลับบ้านหน่ะ
หยางหยุ่นมองไปที่เซี่ยเหลี่ยก่อนจะพูดว่า “ฉันได้ฟังหยยี่เล่าความสําเร็จในการทํางานของคุณ แล้วถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสําหรับคุณแต่ก็อย่าลืมเรื่องสําคัญที่สุดหล่ะ ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีอย่าโหมงานจนหนักเกินไป”
“แน่นอน ผมให้ความสําคัญกับการพักผ่อนมากด้วย ขอบคุณป้านะ” เซียเหล่ยตอบ
“ว่าแต่เรื่องงานก็ประสบความสําเร็จไปแล้ว เรื่องแต่งงานหล่ะ? ตอนนี้มีแฟนหรือยัง?” หยางหยุนพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหลี่ยจากนั้นก็หันไปมองที่เจียงหยย
เซี่ยเหลี่ยตอบอย่างเขินอายไปว่า “ผมพบกับใครคนหนึ่งแล้ว….. “
“คนใกล้ตัวหรือเปล่า!” หยางหยื่นพูด
“หืม?” เซี่ยเหลี่ยอุทานอย่างงุนงง
“โอ้ ขอโทษที่ดูเหมือนป้าจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดสินะ” หยางหยืนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะพูดต่ออีกว่า “แต่ยังไงซะฉันว่าผู้หญิงที่คุ้นเคย ผู้หญิงที่โตมาด้วยกันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนะ….”
“แม่” เจียงหยูพูดขัดทันทีพร้อมพูดต่อและเปลี่ยนเรื่องว่า “ไหนบอกว่าจะไปดูพ่อที่โรงพยาบาลไม่ใช่งั้นเหรอ ตอนนี้ก็ควรไปได้แล้วนะ “
หยางหยุ่นมองไปที่เจียงหยอย่างไม่พอใจเล็กน้อยและกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
เป็นโทรศัพท์จากโรงพยาบาล
หยางหยุ่นรับโทรศัพท์พร้อมพูดอยู่ประมานสิบนาที โดยมีเจียงหยู่ยี่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
พูดเสร็จเธอก็วางสาย
เซี่ยเหลียที่จดจ่อกับบทสนทนานั้นจึงได้ถามออกไปว่า “ป้า ลุงเจียงป่วยเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
หยางหยื่นเงียบอยู่ครุ่นหนึ่งก่อนจะพูดว่า “เป็นโรคอุจจาระร่วงและมีปัญหาเกี่ยวกับไต ในความเป็นจริงมันสามารถรักษาที่ไหนก็ได้ซึ่งที่เราย้ายกลับบ้านเกิดก็เพราะค่ารักษาที่นั่นค่อนข้างจะถูก แต่แล้ว…อาการของเขาก็แย่ลง หมอที่นั่นแจ้งว่าเขาต้องเปลี่ยนไตและบอกว่าเขามีเครื่องไม้เครื่องมือสําหรับการรักษาไม่เพียงพอเราจึงต้องย้ายเขากลับมาที่นี่เพื่อรอผู้บริจาคไตให้กับเขา และมีเครื่องมือที่ทันสมัยเพรียบพร้อม แต่อย่างไรก็ตามหากได้ไตที่เหมาะสมกับเขาแล้วก็ยังมีเรื่องค่าผ่าตัดอีก มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลย แม้ว่าเราจะใช้เงินออมของครอบครัวทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่ารักษาที่มากถึงหลายล้านหยวนได้…”
เซี่ยเหลียหันไปมองเจียงหยยทันทีก่อนจะพูดว่า “ทําไมไม่บอกผมเรื่องนี้?”
“ฉัน …… ” เจียงหยยเริ่มพูดแต่ก็พูดไม่หมดเพราะยังลังเลใจอยู่
เซี่ยเหลี่ยพูดด้วยความโกรธเล็กน้อยว่า “เรื่องแบบนี้ควรที่จะบอกผมสิหรือการที่ไม่บอกผม เพราะเห็นว่าผมเป็นคนนอก?”
น้ําตาของเจียงหยู่ยี่ไหลออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้อาการของพ่อก็ยังไม่ได้ร้ายแรงมาก ทุกๆครั้งที่ได้ยินข่าวของเขาก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้อาการของเขาแย่ลงมาก แม้ฉันอยากจะบอกคุณแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงและติดต่อคุณไม่ได้”
ช่วงเวลานั้นเซี่ยเหลี่ยอยู่ในอัฟกานิสถาน….
หยางหยุ่นพูดว่า “เซี่ยเหลีย เรื่องนี้อย่าดุเจียงหยยเลย ฉันผิดเอง ฉันเกรงใจจนไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใครเลย”
เซี่ยเหลี่ยพูดว่า “งั้นตอนนี้พาผมไปที่โรงพยาบาลเลย ผมจะคุยกับหมอและจัดการเรื่องนี้ให้เอง”
“นี่….” เจียงหยยี่พูด
หยางหยื่นจับข้อมือของเซี่ยเหลียพร้อมกับน้ําตาไหลก่อนจะพูดว่า “เซี่ยเหล่ย มันไร้ประโยชน์ที่จะจัดการอะไรตอนนี้แม้ว่าจะไปตอนนี้ก็ยังไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากยังไม่มีไตที่เหมาะกับเขา อย่างไรก็ตาม ฉันขอบใจมากสําหรับความเป็นห่วงนี้และ…”
เซี่ยเหลียขัดจังหวะและพูดขึ้นแทนว่า “ป้า ป้าเองก็คิดว่าผมเป็นคนนอกงั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนนอกเลย กลับกันฉันคิดว่าคุณเหมือนลูกชายของฉันเลยด้วยซ้ํา” หยางหยุ่นพูด
ยังไงเซี่ยเหล่ยก็ไม่พอใจ เขาต้องการจะไปโรงพยาบาลให้ได้จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันตอนนี้เลย ผมจะจัดการเรื่องไตของลุงเจียงให้เอง ให้ผมได้คุยกับหมอที่เป็นเจ้าของไข้ ผมจะพยายามให้เขาหาไตที่เหมาะกับลุงเจียงให้ได้แม้ว่าจะเป็นไตจากตลาดมืดก็ตาม”
“ตลาดมืดงั้นเหรอ?” หยางหยุ่นพูดด้วยน้ําเสียงแห่งความหวังผสมกับความกังวลและยังพูดต่ออีกว่า “แต่มันคงจะราคาแพงมากใช่ไหม?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” เซี่ยเหลี่ยพูดและพูดต่อว่า “ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”
“แบบนี้จะดีแน่ๆใช่ไหม?” หยางหยุ่นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เจียงหยูยี่ทําท่าทางเหมือนว่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ที่สุดแล้วก็กลืนมันลงคอไป สินค้าในตลาดมืดเป็นที่รู้กันดีว่ามีมากมายหลายอย่างซึ่งบางชิ้นอาจจะหาไม่ได้ในตลาดทั่วไปด้วยซ้ําและในเมื่อมันหายากจึงทําให้ราคาสินค้าเหล่านั้นก็สูงมากเช่นกัน อาจจะมากกว่าในราคาตลาดทั่วไปเป็นเท่าตัว ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะเป็นจํานวนเงินมากขนาดไหน
“ไปกันได้แล้ว” เซี่ยเหลียหันไปพูดกับเจียงหยย
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เจียงหยูจะต้องเถียงเซี่ยเหลี่ยอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้เธอกลับพูดว่า “อั้ม งั้นเราไปโรงพยาบาลกันเลย”
หลังจากออกเดินทางเซี่ยเหล่ย เจียงหยูยี่และหยางหยุ่นก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลโดยใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นก็ติดต่อพยาบาลเพื่อไปหาเจียงซู่ชิง พ่อของเจียงหยย
เจียงซู่ชิงอยู่ในหวอดทั่วไปที่สภาพภายในแย่มาก อาการของเขาก็ดูร้ายแรงเช่นกัน ใบหน้าของเขามีเลือดน้อยมาก สภาพร่างกายของเขาแทบจะไม่ต่างจากคนตายเลยด้วยซ้ําเมื่อเซี่ยเหลี่ยเห็นอาการของเจียงซู่ชิงและสภาพภายในของหวอด เขาก็คิดว่าจะต้องย้ายไปอยู่ในหวอดที่ดีกว่านี้อย่างเร็วที่สุด
สําหรับเซี่ยเหล่ย เจียงซู่ชิงเปรียบเสมือนกับพ่อคนที่สองของเขาเลยก็ว่าได้เมื่อห้าปีก่อน พ่อของเซี่ยเหลียหายตัวไปช่วงเวลานั้นเซี่ยเหลี่ยเพิ่งจะเรียนจบมัธยมปลาย มันทําให้เขาไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย และต้องไปทํางานก่อสร้าง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลําบากทั้งสําหรับเซี่ยเหลี่ยและเซี่ยเสวีย แต่ก็มีเจียงซู่ชิงนี้แหละที่คอยช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลําบาก เขาคอยส่งเงิน คอยปลอบใจและคอยให้คําปรึกษา เหตุการณ์ และความประทับใจในช่วงเวลานั้นเซี่ยเหลี่ยไม่เคยลืม
เมื่อคิดไปถึงช่วงเวลาที่ยากลําบากและได้รับการช่วยเหลือจากเขา แต่ตอนนี้เมื่อเขาลําบากกลับไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลยทําให้เซี่ยเหลียรู้สึกเจ็บใจและเสียใจอย่างมากก่อนจะน้ําตาคลอและพูดขึ้นว่า “ลุงเจียง ผมมาเยี่ยมแล้ว “
เจียงซู่ชิงที่ปิดตาอยู่ในตอนแรกเมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยเหล่ยก็เปิดตาขึ้นมาและพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงพร้อมรอยยิ้มว่า “เซียเหล่ย กลับมาแล้วงั้นเหรอ? ผมอยากจะเจอคุณมาซักพักแล้วแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่า พอลืมตาขึ้นมาแล้วจะเห็นคุณอยู่ตรงหน้าแบบนี้”
เซี่ยเหลี่ยขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับจับมือและพูดปลอบว่า “ลุงเจียง ลุงจะปลอดภัย ลุงจะต้องไม่เป็นอะไรนะ”
“อืม…แต่ผมเองเข้าใจอาการและสถานะของผมดี” เจียงซู่ชิงถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ที่ผมกังวลมากที่สุดตอนนี้ก็คือครอบครัวเพราะหากผมเป็นอะไรไป พวกเขาจะอยู่กันยังไง…”
“พ่อ” เจียงหยูยี่พูดพร้อมมองไปที่เจียงซู่ชิง
หยางหยุ่นจับมือของเจียงหยูยพร้อมพาเดินออกไปนอกหวอด และปล่อยให้เซี่ยเหล่ยกับเจียงซู่ชิงได้คุยกันตามลําพัง
“แม่ทําอะไร?” เจียงหยยี่พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ฉันอยากจะบอกพ่อว่าเซี่ยเหลียจะช่วยเหลือเรา มันจะทําให้เขามีความหวังและช่วยให้สุขภาพทางใจของเขาดีขึ้นแต่ทําไมแม่ลากฉันออกมาหล่ะ?”
หยางหยืนยิ้มก่อนพูดว่า “ตอนนี้เรื่องนั้นมันไม่สําคัญหรอกเดี่ยวยังไงพ่อของลูกก็ต้องรู้แต่ที่สําคัญ ตอนนี้คือแม่มีเรื่องจะคุยกับลูกก่อน”
“คุยอะไรงั้นเหรอ?” เจียงหยูยถามด้วยท่าทางสงสัย
“ลูกกับเซี่ยเหล่ยนี่มีความสัมพันธ์กันยังไง?” หยางหยุ่นถาม
“อะไรนะ?” เจียงหยยี่รีบถามขึ้นอย่างตกใจทันที
“แม่เห็นว่าลูกและเซี่ยเหลี่ยโตมาด้วยกัน ไม่รู้สึกอะไรกันเลยอย่างนั้นเหรอ?” หยางหยุ่นถาม
“เขาสนิทกับฉันจนไม่รู้สึกอะไรหล่ะมั้ง” เจียงหยยตอบ
“เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกงั้นเหรอ?” หยางหยุ่นถามเพื่อความแน่ใจ
“พอแล้วแม่ ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้” เจียงหยยี่ไม่อยากจะพูดเรื่องที่ทําให้เธอเจ็บปวด
ด้านเซี่ยเหล่ยหลังจากพูดคุยกับเจียงซู่ชิงเสร็จแล้วก็ออกไปพูดกับหมอเจ้าของไข้
เซียเหล่ยพูดกับหมอว่า “หมอ ผมอยากให้ลุงเจียงย้ายไปหวอดวีไอพีและช่วยจัดการเรื่องผ่าตัดของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
หมอเจ้าของไข้ทําท่าทางประหลาดใจก่อนจะพูดอย่างจึงขังว่า “คุณเป็นใคร?”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “ผมชื่อเซี่ยเหลียและยังเป็นเพื่อนกับนายกเทศมนตรีหูชั่ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หมอเจ้าของไข้ก็เปลี่ยนท่าทีและน้ําเสียงก็กลายเป็นอ่อนน้อมทันทีว่า “สวัสดี คุณเซีย สถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เรายังไม่มีไตที่เหมาะสําหรับเขาและยังต้องมีค่าใช้จ่ายอีกหนึ่งล้านหยวนสําหรับผ่าตัดซึ่งครอบครัวของเขายังมีเงินไม่พร้อม”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ผมสามารถจ่ายให้คุณได้ในทันทีที่ทุกอย่างพร้อม และจะเพิ่มให้อีกห้าแสนหยวนถ้าคุณหาไตที่เหมาะกับเขาได้เร็วที่สุด”
หมอเจ้าของไข้พูดว่า “คุณเซียไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม?”
เซี่ยเหลี่ยพูดด้วยน้ําเสียงโทนต่ําและจริงจังว่า “ผมจริงจัง คุณรู้จักตลาดมืดมั้ยล่ะ ? ที่นั่นคงจะช่วยคุณได้”
หมอเจ้าของไข่รีบพูดทันทีว่า “คุณเซีย ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันที่ห้องของผมดีกว่า “
เจียงหยูยีที่เห็นทั้งเซี่ยเหลียและหมอเจ้าของไข้คุยกันอยู่พอดีจึงเดินตามไปด้วย
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็พูดคุยและตกลงรายละเอียดกันเสร็จ เจียงหยูยี่เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูผ่อนคลาย
จากนั้นหมอเจ้าของไข้ก็ได้รีบจัดการให้เจียงซู่ชิงย้ายไปอยู่หวอดวีไอพีและมีผู้ช่วยพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดและดีที่สุด
เซี่ยเหลียคอยมองดูพวกเขาจัดการทุกอย่างอยู่ในหวอดวีไอพีอยู่หนึ่งชั่วโมง และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามต้องการก็เดินออกจากหวอดไป
เจียงหยยี่เองเดินตามเซี่ยเหลี่ยออกมาเงียบๆ
ตรงบันไดเลื่อน เซี่ยเหลียส่งเลขบัญชีของเจียงหยยี่ให้กับกวนหลิงชานเพื่อจะให้เธอเตรียมเงินจํา นวนห้าล้านหยวนและโอนให้กับเจียงหยยีทันที
“ห้าล้าน…… ” เจียงหยูยพูดขึ้นเพราะจู่ๆเธอก็เห็นเงินจํานวนมากถูกโอนเข้าบัญชีตัวเองและพูดว่า “นี่มันอะไรกัน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “คุณยังเห็นผมเป็นคนนอกอยู่งั้นเหรอ? ใช้เงินนี้รักษาลุงของผมและเงินที่เหลือก็ใช้สําหรับค่าอื่นๆที่จําเป็นสําหรับลุงของผมเช่นกัน”
“คุณ …… ” เจียงหยูพูดไม่ออกแต่ก็พูดขึ้นอีกว่า “คุณจะให้ฉันคืนยังไง?”
“ถ้ายังพูดอย่างนี้อีกผมจะโกรธแล้วนะ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมยื่นห่อกระดาษบางอย่างให้กับเจียงหยย
เจียงหยูยี่รับมาพร้อมถามออกไปว่า “นี่คืออะไร?”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆจากอัฟกานิสถาน “
เจียงหยยี่เปิดห่อกระดาษออกมาพบว่ามันเป็นสร้อยอัญมณีที่สวยงามมาก เธอตะลึงในทันที
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมเตรียมไว้ให้ อืม…วันพรุ่งนี้ผมจะต้องกลับไปทํางานแล้ว หลังจากนั้น….ผมก็ต้องไปที่รัสเซียต่อเพื่อเข้าร่วมในงานนิทรรศการอาวุธที่จัดขึ้นที่นั่นด้วย”
เจียงหยูยไม่ได้สนใจสิ่งที่เซี่ยเหล่ยพูดเลย เธอยังคงมองไปที่สร้อยอัญมณีที่เซี่ยเหลี่ยให้มาอยู่
“ผมไปครั้งนี้คงนานพอสมควร ครั้งต่อไปที่ผมกลับมาผมคิดว่าลุงเจียงคงจะได้รับการผ่าตัดและอาการดีขึ้นแล้วนะ” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
เจียงหยยี่เดินเข้าไปกอดเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันจะรอคุณกลับมาไม่ว่าจะนานแค่ไหนฉันก็จะรอหากคุณไปทําอะไรจนเหนื่อยใจหรือเหนื่อยหน่าย ขอให้คุณกลับมาพักผ่อนที่นี่ได้”
พูดเสร็จเธอก็รีบวิ่งออกไปทันที…
เซี่ยเหลี่ยไม่ได้พูดอะไรตอบ ได้เพียงแต่มองเธอวิ่งออกไปเท่านั้น
ติดตามตอนต่อไป…