Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 353
TXV – 353 บังเอิญ…..
ในตอนนี้มีเจ้าหน้าที่เดินพาเซี่ยเหลี่ยไปยังทางเข้าออฟฟิศของเฉินตูเทียนหยินตรงทางเข้ามีฟูหมิงเหม่ยยืนอยู่พวกเขาเห็นซึ่งกันและกัน
เซี่ยเหลี่ยมองไปที่ฟูหมิงเหม่ย เขารู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการจะพูดอะไร เขายักไหล่พร้อมทําท่าไม่รู้ไม่ชี้ให้กับเธอ
“คุณ…คุณไม่เคยโทรศัพท์มาเลยซักครั้ง” ฟูหมิงเหม่ยพูดและพูดต่อว่า “ระวังไว้หน่อยก็ดีฉันเตีอนไว้ก่อน”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีน ผมจึงโทรหาเธอไม่สะดวกได้ “
ฟูหมิงเหมยมองไปที่เซี่ยเหลียอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “งั้นก็อย่าทําอะไรผลีผลามค่อยๆเป็นค่อยไปยามเกลี้ยกล่อมเธอให้ได้”พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูเพื่อให้เขาเข้าไป
เมื่อประตูเปิดเซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าห้องไป…..
ที่นี่คือออฟฟิศที่มีความหรูหราอย่างมากทุกการตกแต่งล้วนคิดคํานวณถึงความสวยงามและความหรูหราไว้จนหมดแล้วภายในห้องเฉินตูเทียนหยินกําลังนั่งทํางานอยู่เธอมองไปที่จอคอมพิวเตอร์ยี่ห้อแอปเปิ้ลเหมือนว่ากําลังดูอะไรอยู่…..
ในขณะที่เซี่ยเหลี่ยเข้าห้องไปในห้อง เธอก็เห็นเขาทันทีตั้งแต่เปิดประตูเธอโบกมือทักทายและยิ้มให้กับเขาซึ่งไม่มีท่าที่โกรธหรือไม่พอใจแสดงออกมาเลย
นั่นทําให้เซี่ยเหลี่ยค่อนข้างจะแปลกใจจึงรีบพูดขึ้นก่อนว่า “เทียนหยิน ผมขอโทษ ที่ผ่านมาผม….”
เฉินตูเทียนหยินยกนิ้วชี้ขึ้นมากระหว่างกลางริมฝีปาก ท่านี้แสดงให้เห็นว่าเธอต้องการให้เซี่ยเหลี่ยหยุดพูดก่อน
เซี่ยเหล่ยคิดว่าเธอคงจะอยู่ในระหว่างการประชุมผ่านวีดีโอแต่ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้เธอและดูว่าเธอกําลังทําอะไรอยู่ ก็พบว่าเธอกําลังดูวีดีโอที่เขากําลังจัดการอันซูฮยอนและใช้เท้าเหยียบหน้าอกของเขาซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันดูมันเป็นรอบที่สามแล้ว”
เซี่ยเหลี่ยตะลึงในทันทีที่นี่คือตึกที่เป็นสํานักงานใหญ่ของกลุ่มเหวี่ยนเทียนในเมืองชิงตูแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงบริเวณล็อบบี้เมื่อซักครู่นี่เธอจะต้องได้รับรายงานและสามารถตรวจสอบได้ในทันทีมันง่ายมากสําหรับเธอที่จะหยุดเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นแต่เธอก็ไม่ทํา แถมยังดูวีดีโอเป็นรอบที่สามแล้วด้วยในตอนนี้เซี่ยเหลี่ยไม่สามารถเดาได้เลยว่าเธอกําลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“นั่งก่อนสิฉันจะไปหาอะไรมาให้ดื่ม” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมเดินไปที่ตูไวน์
เซี่ยเหล่ยนั่งลงที่โซฟาพร้อมมองเฉินตูเทียนหยินที่กําลังเทไวน์แดงให้กับเขา เซี่ยเหลยรู้สึกว่าเธอมีท่าทีที่แปลกไปจากเดิมแม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป
เฉินตูเทียนหยินเทไวน์ลงไปสองแก้ว แน่นอนว่าแก้วหนึ่งเป็นของเธอส่วนอีกแก้วหนึ่งเป็นของเซียเหล่ยหลังจากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดกับเขาไปว่า”ดื่มนี้สําหรับการพบกันอีกครั้ง”
“สําหรับการพบกันอีกครั้งงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ทําไมพูดแบบนี้หล่ะ?”
เฉินตูเทียนหยินเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับเซี่ยเหลี่ยจากนั้นก็ตื่นไวน์ในแก้วจนหมดเมื่อหมดแล้วก็มองไปที่เซี่ยเหลี่ยเหมือนต้องการให้เขารีบดื่มมันให้หมดซะก่อน
“โอเค…สําหรับการพบกันอีกครั้งของเรา” เซี่ยเหลี่ยพูดเพราะรู้ว่าทําไมเธอถึงมองมาพูดเสร็จก็ดื่มจนหมดแก้ว
เฉินตูเทียนหยินพูดว่า “คุณรู้ไมว่าทําไมฉันจึงไม่หยุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บริเวณล็อบบี้เมื่อกี้นี้?”
เซี่ยเหลียส่ายหัว แม้ว่าเขาจะพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อตอบคําถามนี้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าทําไมในตอนนี้ดูเหมือนความคิดของเฉินตูเทียนหยินค่อนข้างที่จะคาดเดาได้ยาก
“นั่นก็เพราะในเกาหลีใต้ เขาสร้างความวุ่นวายให้กับคุณในทุกวิถีทางที่เขาสามารถจะทําได้ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่อยู่ในร้านกาแฟ เขายังคงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นๆ และฉันคิดว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถสั่งสอนเขาให้รู้สํานึกได้” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมรอยยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ก็อย่างที่พูดไป ดังนั้นฉันเลยไม่ทําอะไรและดูวนซ้ําถึงสามรอบ”
“คุณไม่ได้ชอบเขางั้นเหรอ? ถ้างั้นทําไมต้องทําร่วมมือทําธุรกิจโทรศัพท์มือถือกับเขาหล่ะ” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความสงสัย
“ปัจจัยที่สําคัญทางธุรกิจก็คือการร่วมมือธุรกิจ” เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขึ้นและพูดกลับไปว่า “ผมเคยพูดไปแล้วในเรื่องที่ไม่อยากให้คุณไปร่วมลงทุนหรือร่วมมือกันทางธุรกิจกับบริษัทก็อดโดเมนดูเหมือนว่าความห่วงใยของผมจะไม่มีความสําคัญเลยสินะ “
“ทําไมพูดแบบนั้นหล่ะ?” เฉินตูเทียนหยินพูด
“ถ้าคุณจะทําธุรกิจในด้านนี้ คุณควรมาร่วมมือกับผมมากว่า ผมกังวลจริงๆในการที่คุณตกลงร่วมมือกับบริษัทก็อดโดเมนผมกลัวว่าอันซูฮยอนจะหลอกลวงคุณ”เซี่ยเหลี่ยพูด
“ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอกับการต่อสู้ที่ยากลําบากสําหรับการเป็นผู้บริหารของเธอแต่จนถึงตอนนี้การแข่งขันของเธอได้ลดลงไปมากแล้ว แถมเธอยังขยายธุรกิจได้มากถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นจะต้องกังวลว่าใครจะหลอกลวงเธอได้ยังงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินพูด
“ตอนนี้เข้าใจไหม ฉันจะต้องกลัวถูกหลอกไปทําไม ฉันรู้ว่าตอนนี้กําลังทําอะไรอยู่ ดังนั้นคุณลองมองในมุมมองของฉันดู” เฉินตูเทียนหยินพูดต่อ
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “คุณและบริษัทก็อดโดเมนมีการร่วมมือกันทางธุรกิจในเกาหลีใต้ซึ่งมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ดังนั้นคุณจึงร่วมลงทุนในการพัฒนาและสร้างโทรศัพท์มือถือขึ้นที่ประเทศของเราซึ่งมันทําให้คุณสามารถควบคุมบริษัทก็อดโดเมนได้ เพราะอันซูฮยอนที่ขาดพ่อของเขาที่เป็นคนฉลาดในการบริหารงานคอยบริหารอยู่ที่นี่คุณจึงใช้จุดนี้หาผลกําไรที่สูงมากอย่างนั้นใช่ไหม?”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดว่า “คนที่เข้าใจฉันมากที่สุดก็คือคุณนี่แหละ”
หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้วเซี่ยเหล่ยก็ตระหนักได้ทันทีว่าความสามารถด้านการตลาดของเขานั้นอ่อนมากเปรียบเทียบได้กับกระดาษเปล่าเลยก็ว่าได้ หากจะเทียบกันแล้วความสามารถในสนามรบของเขาดูจะมีมากกว่าเสียอีก
ในตอนนี้จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็ถอนหายใจเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่า “เหลีย คนอื่นจะมองฉันว่าเป็นคนยังไงฉันไม่สนใจหรอกนะ ที่ฉันสนใจก็มีแค่เรื่องของคุณเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณ ฉันอยากจะรู้จักคุณให้มกกว่านี้แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย หลายๆครั้งคุณมักจะหลีกเลี่ยงฉันดูเหมือนคุณจะมีความลับมากมายที่ซ่อนเอาไว้ทุกๆครั้งก็ลงเอยด้วยการที่ฉันรู้สึกว่าฉันยังรู้จักคุณไม่เพียงพอ”
เธอรู้อะไรกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เซี่ยเหลี่ยคิดอยู่ในหัวตอนนี้แม้ว่าเขาจะเริ่มลนลานภายในใจแต่เขาก็พยายามข่มตัวเองให้แสดงท่าทางเหมือนคนปกติมากที่สุดพร้อมพูดออกไปว่า “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า “คุณไม่ได้ถามฉันก่อนหน้านี้หรอว่าทําไมฉันถึงบอกว่าดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งซึ่งนี่แหละจะเป็นคําตอบสําหรับคําถาม “
เซี่ยเหล่ยยิ้มเพราะไม่รู้ว่าจะทําหน้าอย่างไรดี เพราะเขากําลังลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ในตอนนี้เฉินตูเทียนหยินได้ใช้นิ้วจุ่มลงไปในแก้วไวน์พร้อมเขียนตัวเลขสามหลักขึ้นบนโต๊ะรับแขกว่า101
เซี่ยเหลี่ยตกใจมาก ภายในหัวของเขากําลังคิดหาคําตอบว่าเธอรู้ชื่อนี้ได้อย่างไรเมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆชื่อของกูเค่อเหวินก็ลอยเข้ามาในหัว ถ้าคิดไม่ผิดการที่เฉินตูเทียนหยินรู้จักคํานี้ได้น่าจะเป็นเพราะเธอ
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับประเทศของเรา” เฉินตูเทียนหยินพูดต่ออีกว่า “ฉันรู้ว่าขณะนี้คุณมีสถานะพิเศษซึ่งมันสามารถช่วยฉันแก้ข้อสงสัยภายในใจได้หลายอย่างฉันเดาว่าหลังจากที่ คุณกลับมาจากเกาหลีใต้แล้วหายตัวไปอยู่พักใหญ่คุณได้ไปปฏิบัติภารกิจอยู่ใช่ไหม? “
เซี่ยเหลี่ยพยักหน้านั่นก็เพราะดูเหมือนตอนนี้เธอคงจะรู้จักสํานักงานลับ 101 แน่นอนแล้วซึ่งไม่จําเป็นจะต้องปิดบังอะไรต่ออีก
“ดังนั้นฉันจึงพูดว่าสําหรับการพบกันอีกครั้งนั่นเพราะมันเป็นความรู้สึกจริงๆของฉันที่รู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งได้พบกับคุณ”เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆพร้อมพูดขึ้นว่า “กู้เค่อเหวินบอกคุณใช่ไหม?”
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้พูดอะไรเลย
ดังนั้นเซี่ยเหลี่ยจึงถามต่อว่า “ในความเป็นจริง เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าผมอยากจะปิดบังหรอกนะแต่ถ้าคุณรู้น้อยเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นผลดีมากกับคุณเท่านั้น”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มพร้อมกับหัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันรู้ ฉันเคยได้ยินประโยคนี้บ่อยๆในหนังสายลับของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ดังนั้นฉันเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของนะ ฉันเองก็เป็นสายลับหญิงแถมมีความสามารถเหมือนแองเจลิน่าโจลี่ในหนัง Agent Shuart อีกด้วย” พูดเสร็จก็ทําท่าทางเหมือนกับแองเจลิน่าโจลี่ที่ทําในหนัง
เมื่อได้ยินที่เฉินตูเทียนหยินพูดและแสดงท่าทางออกมา เขาก็นึกไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องตายไปในอัฟกานิสถานทําให้เขาพูดออกไปว่า”เชื่อผมเถอะคุณไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นแน่ๆ “
เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้แน่ๆ”
นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสําหรับการหยอกล้อของเฉินตูเทียนหยิน มันแสดงให้เห็นด้านที่อ่อนโยนและน่ารักของเธอในตอนนี้เฉินตูเทียนหยินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยเหล่ย เขามองไปที่เธอก็รู้สึกถึงความเซ็กซี่ที่ออกมาจากตัวของเธอนี่เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับครั้งแรกที่เขาเจอเธอ เธอสวยราวกับนางฟ้าที่ออกมาจากภาพวาดถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเธอจะไม่ใช่แต่เธอก็น่าสนใจและชวนให้นึกจินตนาการไปไกล
จังหวะนี้เซี่ยเหลี่ยมองไปที่ใบหน้าของเฉินตูเทียนหยิน เขามองไปที่ริมฝีปากของเธอมันเป็นสีแดงและดูละมุน ความคิดที่อยากจะจูบเธอก็ผุดเข้ามาในหัวอย่างกะทันหันหลังจากนั้นเขาก็ยังจินตนาการต่อในเรื่องการสร้างครอบครัวกับเธอซึ่งเรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้วก่อนหน้านี้แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เซี่ยเหล่ยจินตนาการไปไกลเพราะหลังจากนั้นเขาก็กลับมามีสติและอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
เฉินตูเทียนหยินที่รู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่ก็ก็มองกลับไปที่เซี่ยเหลีย จังหวะนี้พวกเขาก็บังเอิญสบตากัน
“ฉัน ….ฉันจะรินไวน์ให้คุณ” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมหลีกเลี่ยงการสบตากับเขา เธอจึงหันไปมองที่ขวดไวน์แทน
“ผมรินให้เอง” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมยื่นมือออกไปจะจับขวดไวน์
จังหวะนี้มือของพวกเขาก็ไปทับกันอยู่ที่ขวดไวน์อย่างบังเอิญ ทันทีที่มือของพวกเขาสัมผัสกันพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีไฟช็อตไปทั่วร่าง พวกเขาสะดุ้งกันเล็กน้อยแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ผละมือออกจากกันแต่กลับหันมาสบตากันอีกเป็นครั้งที่สองแทน….
เมื่อสบตากันอยู่พักหนึ่ง หัวของพวกเซี่ยเหลี่ยก็เริ่มขยับเข้าหาหัวของเฉินตูเทียนหยินอย่างช้าๆ
จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับฟูหมิงเหม่ยที่เดินเข้า
สถานการณ์ภายในห้องตอนนี้ริมฝีปากของเซี่ยเหลียและเฉินตูเทียนหยินอยู่ห่างกันเพียงแค่สองถึงสามเซนติเมตรเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าฟูหมิงเหม่ยเดินเข้ามาภายในห้องพวกเขาก็รีบแยกตัวออกจากกันทันทีซึ่งใบหน้าของเฉินตูเทียนหยินในตอนนี้กลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยเหลียเองก็ถอยมานั่งในท่านั่งปกติ และทําตัวเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะแฮ่ม” ใบหน้าของฟูหมิงเหม่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วย ฉันมารบกวนอะไรหรือป่าว?”
เฉินตูเทียนหยินจ้องตาโตไปที่ฟูหมิงเหม่ยทันที
แต่ฟูหมิงเหม่ยกลับพูดอย่างจริงจังออกมาว่า “ตอนนี้หัวหน้ารักษาความปลอดภัยบอกกับฉันว่ามีเจ้าหน้าที่ตํารวจพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากกงสุลของเกาหลีกําลังจะมาที่นี่”
คิ้วของเฉินตูเทียนหยินเที่ยวย่นพร้อมพูดว่า “อันซูฮยอน เขาต้องการให้เรื่องมันกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศเลยงั้นเหรอ?
ฟูหมิงเหม่ยพูดต่อว่า “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ทราบ”
“แต่พวกเขาคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน ไปหยุดพวกเขาไว้” เฉินตูเทียนหยินพูด
“ตกลง ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ฟูหมิงเหม่ยพูดพร้อมเดินออกจากห้องไป
แต่จังหวะที่ฟูหมิงเหม่ยจะเดินออกไปนั้น เค่อเหวินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าเธอปิดกั้นทางเดินของฟูหมิงเหม่ยจนหมดพร้อมพูดขึ้นว่า”คุณไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้หรอกนะ”
แม้ว่าเค่อเหวินจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ตกใจเท่าไหร่
ฟูหมิงเหม่ยที่ท่าทางไม่พอใจได้พูดออกไปว่า “ผู้ช่วย ทําไมคุณพูดแบบนั้นหล่ะ?”
สถานะของเค่อเหวินคือเป็นผู้ช่วยของเฉินตูเทียนหยิน เมื่อเซี่ยเหลี่ยได้ยินก็ทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
“เค่อเหวิน พูดมาว่าทําไม” เฉินตูเทียนหยินพูด
เค่อเหวินตอบกลับไปว่า “คุณเซี่ยได้ทําร้ายคนไปหลายคนหนึ่งในนั้นคืออันซูฮยอน พ่อของเขาเป็นนักการเมืองของเกาหลีใต้ทําให้เขามีอํานาจอย่างมาก แถมตอนนี้เจ้าหน้าที่กงสุลกําลังจะมาที่นี่อีกต่างหากถ้าเราหยุดเขาเอาไว้เท่ากับว่าเราจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนั่นจะทําให้เรื่องแย่ไปกว่านี้อีกนะ “
เฉินตูเทียนหยินมองไปที่เซี่ยเหลี่ยด้วยความรู้สึกละอาย
ตอนนี้เซี่ยเหลียเองก็ได้พูดขึ้นว่า “ถ้างั้นผมจะยอมไปกับพวกเขา”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า “งั้นฉันจะไปกับเจ้าหน้าที่ตํารวจพร้อมคุณเอง”
เค่อเหวินพูดแทรกขึ้นมาว่า “ทําแบบนั้นไม่ได้”
เมื่อเธอพูดเสร็จ เซี่ยเหลียและเฉินตูเทียนหยินก็มองไปที่กู้เค่อเหวินเป็นตาเดียวเพื่อต้องการจะฟังว่าทําไมเธอถึงพูดแบบนั้น
เค่อเหวินพูดต่ออีกว่า “แบบนั้นมันจะเสี่ยงเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือให้คุณเซียรีบหนีออกไปตอนนี้จากนั้นก็กลับไปโรงงานผลิตอาวุธของคุณซะ ที่นั่นมีทหารคอยคุ้มกันอยู่เมื่อเจ้าหน้าที่กงสุลไปที่นั่นพวกเขาจะไม่สามารถเข้าภายในได้”
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มออกมาอย่างกระทันหันหลังจากที่สูญเสียพ่อและพี่ชายไปจนต้องอยู่ตัวคนเดียวทําให้เธอกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดมากขึ้น…..
ติดตามตอนต่อไป…