Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 352
TXV – 352 สองทางเลือก ?
เซี่ยเหลยเดินเข้าไปคุยกับประชาสัมพันธ์ที่ล็อบบี้ คุยอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินตรงไปที่ลิฟท์จังหวะนี้เขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกเข้ามาหยุดเขาเอาไว้ก่อนจะทันได้ขึ้นลิฟท์
เซี่ยเหลียไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อเตรียมกดเบอร์โทรหาเฉินตูเทียนหยินแต่ยังไม่ทันที่จะได้โทรก็มีเสียงกลุ่มคนเดินเข้ามาเพื่อพูดกับเซี่ยเหลี่ย
“คุณเซียใช่ไหม?” เป็นเสียงของอันซูฮยอน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดจํานวนหนึ่งที่รับหน้าที่คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้กับเขา
ชุดสูทสีขาว รองเท้าหนังสีดํามันเงา ใบหน้าที่มีความหล่อเหลาต้องบอกว่าอันซูฮยอนนั้นเพรียบพร้อมอย่างมากในทุกๆด้านจริงๆ ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดอยู่จํานวนหนึ่งพวกเขาใช่สูทสีดําซึ่งตัดกับสีขาวอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาเดินมาพร้อมกันโดยที่มีอันซูฮยอนเป็นคนเดินนําแล้วบอดี้การ์ดเหล่านี้ช่วยเพิ่มความโด่ดเด่นและน่าเกรงขามให้กับเขาอย่างมาก
เซี่ยเหลี่ยเหลือบมองไปที่อันซูฮยอน แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหลี่ยไม่ได้สนใจที่จะตอบกลับคําทักทายของตัวเอง อันซูฮยอนก็ได้เปลี่ยนเป็นพูดจาแดกดันแทนว่า “คุณเซียคุณเป็นคนที่ขโมยของมาจากบ้านของผมแล้วนํามันไปขายต่อใช่ไหม? ยินดีกับคุณด้วยคุณคงได้กําไรไปไม่น้อย”
เซี่ยเหล่ยตอบไปอย่างเยือกเย็นว่า “คุณพูดอะไรของคุณ?”
“เฮเฮ้…!” อันซูฮยอนพูดอย่างเย็นชาและพูดต่ออีกว่า “ผมมั่นใจว่าทุกอย่างที่คุณขโมยไปจากบ้านของผมคุณคงจะขายมันไปหมดแล้วพอดีเลยผมว่าจะบอกเฉินตูเทียนหยินเรื่องนี้พอดีแต่จะว่าไปเงินที่คุณได้มานั้นคุณคงจะนําไปโม้เธอว่าคุณทําธุรกิจแล้วได้กําไรใช่ไหมหล่ะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า …” เมื่ออันซูฮยอนพูดเสร็จเหล่าบอดี้การ์ดก็พากันหัวเราะเซี่ยเหลี่ย
มุมปากของเซี่ยเหลี่ยยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็พูดออกมาว่า “คุณอาจจะลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่เกาหลีใต้แต่เป็นประเทศจีนตระหนักเรื่องนี้ให้ดีหล่ะและอีกอย่างผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ายุ่งกับผมนี่ถือเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย”
“พูดตลกอะไร ไอ้ตัวตลก!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดกับเซี่ยเหลี่ยและพูดต่อว่า” รู้หรือไม่ว่ากําลังพูดอยู่กับใคร?”
บอดี้การ์ดคนอื่นก็พูดเสริมขึ้นว่า “คนโง่ ระวังตัวเอาไว้ให้ดีหล่ะ ไม่อย่างนั้นจะเจ็บตัวเอาได้!”
ผู้คุ้มกันคนอื่นก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “แกเองต่างห่างที่ควรจะระวังตัวเอาไว้ใ“
“ดีนี่…” อันซูฮยอนพูดต่ออีกว่า “เราอย่าไปยุ่งกับโจรดีกว่า ที่ประเทศจีนเขาคงนึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับฟ้าหล่ะมั้งฮ่าฮ่า…”
“อุ้ย!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งได้ถุยน้ําลายไปด้านหน้าของเซี่ยเหลี่ย
เสมหะสีเหลืองที่ออกมาพร้อมน้ําลายกระเด็นไปโดนรองเท้าของเซี่ยเหลีย
“ฮ่าฮ่า” บอดี้การ์ดที่ถุยน้ําลายหัวเราะเยาะออกมาด้วยความชอบใจ
บรรยากาศภายในล็อบบี้ตอนนี้มีคนมากมายทั้งที่เดินผ่านมาและนั่งอยู่ตรงล็อบบี้อยู่ก่อนแล้วก็ตามต่างมองไปที่พวกเขาพร้อมกระซิบกัน
“เราไปกันเถอะ ปล่อยให้คนโง่คนนี้เดินขึ้นบันไดเอาก็แล้วกัน” อันซูฮยอนพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างเย้ยหยัน
จังหวะที่อันซูฮยอนกําลังจะเดินมุ่งหน้าไปที่ลิฟท์ เซี่ยเหล่ยก็ได้เอื้อมมือขวาออกไปจับแขนของอันซูฮยอน
คิ้วของอันซูฮยอนเหี่ยวย่น เขาหันกลับมาพร้อมสบัดมือของเซี่ยเหลียออกและพูดขึ้นว่า “อะไรอีกหล่ะ…จะเอาตั้งแต่ตอนนี้เลยงั้นใช่มั้ย?”
สิ้นเสียงพูดของอันซูฮยอน เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้ทําอะไรเหล่าบอดี้การ์ดของอันซูฮยอนก็ได้วิ่งตรงมาล้อมเซียเหล่ยด้วยความรวดเร็ว!
เซี่ยเหลี่ยไม่ได้มองไปที่เหล่าบอดี้การ์ดที่มาล้อมตัวเขาเอาไว้ เขายังคงมองไปที่อันซูฮยอนพร้อมพูดออกไปว่า “อันซูฮยอน ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรกคือให้บอดี้การ์ดของคุณก้มลงและเลียน้ําลายและเสมหะออกไปให้หมดหรืออีกทางก็คือคุณต้องเป็นคนเดียมันออกไปด้วยตัวเอง”
“ไอ้ขยะ ! แกบ้าพูดอะไร?” อันซูฮยอนตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “อันซูฮยอน คุณคิดว่าการที่พ่อของคุณเป็นนักการเมืองที่มีอํานาจของเกาหลีใต้แล้วผมจะไม่กล้าทําอะไรคุณงั้นเหรอ? หรือคิดว่าคุณมีเงินมากมายเป็นหมื่นล้านดอลล่าสหรัฐแล้วผมจะ ไม่กล้าทําอะไรคุณด้วยใช่ไหม?”
อันซูฮยอนตอบกลับไปว่า “งั้นก็แสดงให้เห็นสิ”
สิ้นเสียงพูดของอันซูฮยอนเซี่ยเหล่ยก็ได้ดึงมือของตัวเองขึ้นมา และตบไปที่แก้มด้านขวาของอันซูฮยอนด้วยความเร็วขนาดนี้อันซูฮยอนไม่สามารถที่จะหลบได้เลย
“มึง…” อันซูฮยอนพูดแต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ
เพียะ! เซี่ยเหลี่ยใช้หลังมือตบไปที่แก้มซ้ายของอันซูฮยอนอีกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน อันซูฮยอนไม่สามารถหลบได้ ทําให้ใบหน้าของเขาตอนนี้บวมและก็แดงลักษณะคล้ายรอยมือ
ความเร็วในการตบของเซี่ยเหลียนั้นใช้เวลาเพียงแค่สองวิเท่านั้น ด้วยความเร็วนี้เหล่าบอดี้การ์ดไม่สามารถที่จะปัดมือของเซี่ยเหลี่ยได้เลย
แต่หลังจากที่เซี่ยเหลียตบเสร็จแล้วเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืมล้อมเขา ก็เริ่มลงมือคุ้มครองหัวหน้าของตัวเอง บอดี้การ์ดส่วนหนึ่งก็ได้คุ้มกันอันซูฮยอน ส่วนที่เหลือก็ออกมาโจมตีเซี่ยเหลี่ย
แม้ว่าหลังการโจมตีของเหล่าบอดี้การ์ด เซี่ยเหลียเองก็เริ่มโจมตีตอบโต้กลับไปบ้างแล้วแต่เซี่ยเหล่ยตอนนี้ก็ยังตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าบอดี้การ์ดของอันซูฮยอน
“รีบจัดการฆ่ามันซะ!” อันซูฮยอนจับไปที่แก้มของตัวเองพร้อมตะโกนออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด
เมื่อได้รับคําสั่งที่ชัดเจนทําให้พวกเขากระตืนรือร้นและตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม!
ในตอนนี้เซี่ยเหลียยังคงถูกล้อมอยู่ ภาพในหัวของอันซูฮยอนคิดเอาไว้ว่าเซี่ยเหลี่ยจะต้องถูกบอดี้การ์ดของตัวเองจัดการอย่างแน่นอน มันเป็นเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นที่เขาคิดแบบนี้เพราะหลังจากกลับมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ บอดี้การ์ดของเขาบางคนก็โดนเซี่ยเหลี่ยจัดการจนล้มลงไปกองกับพื้นชนิดที่ว่าไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีกส่วนบางคนก็ยังคงสู้ต่อแม้ว่าจะบาดเจ็บจากหมัดศอกเขาและเท้าของเซี่ยเหล่ยแล้วก็ตาม
“นี่! หยุดเดี๋ยวนี้!” ผู้จัดการของตึกได้แหวกฝูงชนเข้ามาพร้อมตะโกนออกไปยังจุดที่เซี่ยเหลียและเหล่าบอดี้การ์ดกําลังสู้กันอยู่
ด้วยความโกรธของอันซูฮยอนได้พูดกับบอดี้การ์ดคนหนึ่งออกไปว่า “ไอ้พวกไร้ประโยชน์รีบไปจัดการมันซะ!”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ได้รับคําสั่ง เขาย่องไปเงียบๆพร้อมหยิบมีดล่าสัตว์ขนาดเล็กออกมาเขาพยายามจะเข้าไปด้านหลังของเซี่ยเหลี่ย
“คุณคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน?” ผู้จัดการตะโกนออกไปด้วยความโกรธและพูดต่ออีกว่า “ถ้าจะมีเรื่องกันก็ออกไปมีกันที่อื่นแต่ไม่ใช่ที่นี่รีบออกไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะเรียกตํารวจมาจัดการ”
อันซูฮยอนโกรธยิ่งขึ้นและตะคอกผู้จัดการออกไปว่า “คุณไม่รู้ว่าผมเป็นใครงั้นเหรอ? ดูให้ดีสไอ้บ้า” จากนั้นก็ชี้ไปที่เซี่ยเหลี่ยพร้อมพูดต่อว่า “ผมจะหยุดก็ต่อเมื่อมันคุกเข่าขอโทษผม! “
“อ้อ…ขอโทษด้วยคุณอัน ขอโทษจริงๆ” เมื่อผู้จัดการเห็นใบหน้าของอันซูฮยอนและจําเขาได้ก็เปลี่ยนท่าที่เป็นนอบน้อมนี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนั่นก็เพราะว่าเขาเห็นอันซูฮยอนเป็นลูกค้าที่กระเป๋าหนักสําหรับเขา
“ก็ดีที่ยังจําได้!” อันซูฮยอนพูด
จังหวะนี้บอดี้การ์ดที่มีมีดล่าสัตว์อยู่ในมือก็ยังคงพยายามย่องไปด้านหลังของเซี่ยเหลี่ยอยู่
แต่การเคลื่อนไหวของบอดี้การ์ดคนนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาของเซี่ยเหลียไปได้ เมื่อเขาเข้ามาด้านหลังของเซี่ยเหลี่ยในระยะประชิดได้แล้วแต่ยังไม่ทันจะได้แทงไปที่เซี่ยเหลียเขาก็โดนศอกของเซี่ยเหลียศอก ไปที่หน้าอกบริเวณหัวใจอย่างรุนแรง
ทันทีที่โดนศอก ร่างกายของเขาก็เหมือนกับหมดแรงไปโดยทันที มีดที่เขาแอบถือเอาไว้ก็หล่นลงไปที่พื้นพร้อมกับตัวเขาเองก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นพร้อมแสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างมาก
แต่ก่อนที่เขาจะล้มลงไป ในจังหวะที่ศอกกระทบเข้ากับหน้าอกตรงตําแหน่งหัวใจของบอดี้การ์ดเลือดกําเดาก็พุ่งออกมาราวกับว่าเป็นท่อประปา…
แม้ว่าเซี่ยเหลี่ยจะไม่มีตาหลังแต่ความสามารถในการฟังเสียงของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ดวงตาของเขา เขารู้ตัวอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่ามีคนพยายามย่องเข้ามาด้านหลังของเขา!
จังหวะนี้ เซี่ยเหล่ยก็รีบตรงเข้าไปหาอันซูฮยอนและเตะไปที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรง
อันซูฮยอนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมล้มลงไปนอนกอ
แม้ว่าอันซูฮยอนจะเป็นแชมป์กีฬาฟันดาบมือสมัครเล่นของเกาหลีแต่ความสามารถของเขาไม่สามารถสู้กับเซี่ยเหลี่ยได้เลยยิ่งไปกว่านั้นสําหรับเซี่ยเหลี่ยแล้ว ดาบถือว่าเป็นของเด็กเล่นสําหรับเขา เขาไม่ได้ มองว่ามันเป็นอาวุธชนิดหนึ่งเลย
ทันทีที่อันซูฮยอนล้มลงไปนอนกองกับพื้น เท้าของเซี่ยเหล่ยก็เหยียบไปที่หน้าอกของอันซูฮยอน
“ถึง…ถึงจะต้องเสียใจ!” อันซูฮยอนพูดออกมาด้วยความโกรธแม้ว่าภายในใจของเขาเองตอนนี้จะรู้สึกกลัวและเจ็บใจอยู่ก็ตาม!
“เสียใจงั้นหรอ?” มุมปากของเซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดไปอย่างไม่แยแสว่า “ตอนนี้ผมกําลังเหยียบคุณอยู่คุณจะทํายังไงหล่ะ จะกัดผมงั้นเหรอ?”
“ถึง …..” อันซูฮยอนแม้อยากจะพูดออกมาแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ด้วยความจุก ในประเทศเกาหลีใต้เขาไม่เคยต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้เลย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเสียหน้าและได้รับความอับอายอย่างมากที่ประเทศจีน!
จังหวะนี้ก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ ได้หยิบมีดล่าสัตว์ที่บอดี้การ์ดคนก่อนท่าหล่นไว้ขึ้นมาและกระโดดเข้ามาหาเซี่ยเหลี่ยเพื่อหวังที่จะฆ่าเขา
แต่ไม่เป็นผล เซี่ยเหลี่ยปัดการแทงที่พุ่งเข้ามาพร้อมปล่อยหมัดสวนกลับไปที่ซี่โครงของบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ด้วยความรุนแรงของหมัดที่ปล่อยออกไป คิดว่าซี่โครงของบอดี้การ์ดคนนั้นอาจจะหักซักสองซี่แต่ไม่ว่ายังไงถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าหักหรือไม่หัก แต่บอดี้การ์ดคนนั้นก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกเป็นครั้งที่สามอย่างแน่นอน
อันซูฮยอนพยายามที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทําได้เนื่องจากตอนนี้บนหน้าอกของเขา ยังมีเท้าของเซี่ยเหลี่ยเหยียบเอาไว้อยู่
“ไอ้…! กล้าทํากับกูแบบนี้งั้นเหรอ!” อันซูฮยอนยังตะโกนออกไปด้วยความโกรธที่ดูท่าทีว่าจะไม่ลดลงเลย
เซี่ยเหลียหัวเราะเยาะเย้ยก่อนพูดกลับไปว่า “ผมพูดไปอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วว่ามีสองทางเลือกให้คุณในเมื่อคุณไม่ยอมให้บอดี้การ์ดของตัวเองมาเลียรองเท้าให้ผม ผมก็ตัดสินใจเลือกทางเลือกให้คุณเองซึ่งนั่นก็คือทางเลือกที่สอง “
อันซูฮยอนกันฟันแน่นด้วยศักดิ์ศรีของเขา เขาไม่ยอมคุกเข่าหรือก้มลงไปเลียรองเท้าของเซี่ยเหล่ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะต้องตายเขาก็ไม่ยอมทํามันเด็ดขาด!
“และในเมื่อเป็นตัวเลือกที่สองแล้ว คุณก็เริ่มต้นทําความสะอาดรองเท้าของผมซะเดี๋ยวนี้” เซี่ยเหล่ยขยับเท้าไปใกล้กับใบหน้าของอันซูฮยอนเพื่อต้องการให้เขาเลีย
“ไอ้ชั่ว! กูต้องฆ่าจึงให้ได้!” อันซูฮยอนโกรธอย่างมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“คุณผู้ชายท่านนี้ ได้โปรดใจเย็นๆก่อน” ผู้จัดการได้เดินเข้ามาหาเซี่ยเหลี่ยและพูดกับเขาพร้อมกับจับขาของเซี่ยเหลี่ยให้ขยับพ้นตัวของอันซูฮยอน
จังหวะนี้เมื่อเท้าของเซี่ยเหลี่ยไม่ได้กดตัวเขาเอาไว้แล้ว อันซูฮยอนก็ได้โอกาสที่จะลุกขึ้นเขาไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป เขารีบลุกขึ้นและเดินตรงไปยังฝั่งตรงข้ามกับเซี่ยเหลี่ยโดยห่างราวๆห้าเมตรเหล่า บอดี้การ์ดของเขาบางส่วนที่ยังลุกขึ้นไหวก็เดินไปทางเดียวกับอันซูฮยอนและเดินไปอยู่ด้านหน้าของเขาเพื่อทําหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยให้กับเขาต่อไป
เซี่ยเหลียยังต้องการที่จะสั่งสอนอันซูฮยอนต่อแต่จังหวะที่จะเดินไปหาเขานั้น ผู้จัดการก็คาดเดาสิ่งที่เซี่ยเหล่ยจะทําต่อได้เขารีบตรงเข้าไปกระซิบกับเซี่ยเหล่ยก่อนว่า “คุณเซียได้โปรดเห็นแก่พวกเราที่ยังต้องกินข้าวกินน้ําและยังต้องมีงานทํา ได้โปรดหยุดและลืมเรื่องนี้ไปได้หรือไม่?”
เซี่ยเหล่ยตั้งสติและทําใจให้เย็นลง ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับผู้จัดการ
จังหวะนี้ผู้จัดการก็ได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดคราบน้ําลายและเสมหะบนรองเท้าของเซี่ยเหลี่ยให้แทน
“ขอบคุณ” เซี่ยเหลี่ยพูดเสร็จก็เดินตรงไปที่ลิฟท์ทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หยุดเซี่ยเหลี่ยไม่ให้ขึ้นลิฟท์ก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ห้ามเซี่ยเหลี่ยให้ขึ้นลิฟท์แล้ว พวกเขาถอยห่างออกไปไกลจากจุดที่เซี่ยเหลียยืนอยู่เพราะกลัวว่าจะโดนแบบเดียวกับบอดี้การ์ดของอันซูฮยอน
“เซี่ยเหล่ย! เรื่องนี้ไม่จบแน่!” อันซูฮยอนทิ้งข้อความสุดท้ายให้ไว้เซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลียได้ยินอันซูฮยอนพูด มันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขากําลังจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ทําให้เขาหันกลับไปมองอันซูฮยอนอีกครั้งหนึ่ง เขาเห็นว่าอันซูฮยอนในตอนนี้รีบวิ่งออกจากตึกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้เขาหนีไปพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขาที่ยังพอจะเดินไหวส่วนคนที่ไม่รู้สึกตัวก็ยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิมหรือคนที่รู้สึกตัวแล้วแต่ยังไม่สามารถขยับตัวก็ยังแกลังนอนไม่รู้เรื่องต่อไปเพราะกลัวว่าเซี่ยเหลี่ยจะมาจัดการซ้ํา
เซี่ยเหลี่ยยิ้มและพูดขึ้นว่า “อันซูฮยอนลิ้มรสความอับอายขายหน้าครั้งนี้ให้เต็มอิ่มและรีบกลับเกาหลีใต้ไปซะ” เขาเว้นจังหวะพูดกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนพูดต่ออีกว่า “หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นคุณอยู่ที่นี่นะ! “
ประตูลิฟต์ปิดลง เซี่ยเหล่ยก็หายไปจากล็อบบี้ของตึก
เหตุผลที่แท้จริงที่เขาทําแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องน้ําลายและเสมหะของบอดี้การ์ดที่อุ้ยมาโดนรองเท้าเขาแต่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้มากกว่าที่ทําให้เขาทําแบบนี้นั่นก็เพราะในเหตุการณ์ครั้งนี้ นอันซูฮยอนได้ร่วมมือกับตํารวจพร้อมพาพวกเขามาล้อมร้านกาแฟเอาไว้ทําให้เขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่ ยากลําบากซึ่งแน่นอนเหตุการณ์ทั้งหมดในครั้งนี้คือการแก้แค้นของเซี่ยเหลี่ย!
ในตอนนี้ที่ล็อบบี้เมื่อผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์ในตอนแรกได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง จู่ๆเค่อเหวินก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ผู้คนมุงดูกันก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเธอจะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเธอยิ้มออก มาพร้อมพูดกับตัวเองว่า “เยี่ยม… แต่นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นใช่ไหม? มันน่าสนุกจริงๆ”
ติดตามตอนต่อไป…