The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 161
บทที่ 161 เหตุผลที่จากลา
“จี้เฟิงปล่อย!” เซียวหยูชวนบอกกับจี้เฟิงที่ตอนนี้กําลังดึงมือเล็กๆของเธออยู่ มันทําให้เธอรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ดูเหมือนว่าความทรงจําตอนที่เธอได้พบกับจี้เฟิงครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วจะกลับมาในคืนนั้นจี้เฟิงใช้มือที่อบอุ่นลูบไปที่เท้าของเธออย่างแผ่วเบา ชายหญิงอยู่ในที่ปิดมิดชิดกันสองต่อสองมันทําให้บรรยากาศในห้องดูคลุมเครือเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมามันก็ทําให้เซียวหยูชวนรู้สึกเขินอาย
จี้เพิ่งทําเหมือนไม่ได้ยิน เขายังคงจูงมือของเธอเดินตรงไปที่รถของเขา
“จี้เฟิง เธอจะลากฉันไปไหนเนี่ย? คนมองกันหมดแล้ว!” ความรู้สึกของเซียวหยูซวนสับสนปนเปเธอทั้งละอายและเป็นกังวล แต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานแรงของจ์เฟิงได้ เธอทําได้แค่เพียงปล่อยให้จี้เพิ่งลากเธอเดินไปข้างหน้า
เมื่อมาถึงตรงที่จี้เฟิงจอดรถAudi ไว้เขาเดินไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับและเปิดประตูออก “เข้าไปในรถ” ก่อนที่เซียวหยูซวนจะทันได้พูดอะไร เธอก็ถูกจี้เพิ่งผลักเข้าไปในรถยังฝั่งที่นั่งผู้โดยสารข้างๆคนขับจากนั้นเขาก็เดินไปที่อีกฝั่ง เปิดประตูและนั่งลงที่เบาะคนขับ
“นี่…นี่รถของเธอเหรอ?” เซียวหยูชวนประหลาดใจเมื่อมองไปรอบๆภายในรถที่ดูหรูหรา จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองจี้เฟิง เธอจําได้ว่าเมื่อปีที่แล้วจี้เฟิงยังคงเป็นเด็กที่มีฐานะไม่ค่อยจะดีนักทําไมจู่ๆถึงมีรถเป็นของตัวเองได้? เกิดอะไรขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เธอจากไป?
เมื่อเธอได้มองหน้าจี้เฟิงจากด้านข้างอย่างละเอียดมากขึ้น เธอก็รู้สึกได้ว่าจี้เฟิงดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากร่องรอยที่ดูเหมือนเด็กถูกแทนที่ด้วยความสุขุม นอกจากนี้เขายังสูงขึ้นและรูปร่างที่กําย่าของเขามันทําให้เขาดูหล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพกรีก
ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อพบว่าตัวเองกําลังคิดอะไรอยู่
“จี้เฟิง มันเกิดอะไรขึ้น?” เซียวหยูชวนอดไม่ได้ที่จะถาม
“ผมว่าผมควรเป็นฝ่ายถามมากกว่านะ” จี้เพิ่งหันไปมองเธอและดวงตาที่เปล่งประกายแต่สงบนิ่งของเขาจ้องมองไปยังดวงตาคู่สวยของเซียวหยูซวนราวกับว่าสามารถมองทะลุไปยังหัวใจของเธอได้เพียงแค่การจ้องมองของจี้เฟิงก็ทําให้หัวใจของเซียวหยูซวนสั่นไหว
“เธออยากจะถามอะไรล่ะ?” เซียวหยูซวนหลบตาเขาทันทีโดยไม่รู้ตัว
“ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าผมอยากถามเรื่องอะไร?” จี้เฟิงถามในสิ่งที่อยากรู้โดยไม่รีรออีก “ทําไม.. คุณถึงจากไปโดยไม่ลาซักคํา!”
หัวใจของเซียวหยูซวนสั่นไหวอีกครั้งเมื่อได้ยินคําถามของจี้เฟิง ความรู้สึกแบบนี้ควรมีแต่กับคนที่รักกันเท่านั้นเธอมองไปที่จี้เฟิงด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ
“ตอนนั้น… ตอนนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้นในบริษัทของพ่อฉัน มันเป็นเรื่องด่วนมาก ฉันเลยไม่มีเวลาได้บอกกับเธอ..” เธอพูดจนถึงตอนนี้และไม่ได้พูดอะไรอีก ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความเศร้าหมองเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มันทําให้เธอรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาอีกครั้ง
จี้เฟิงขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทของพ่อคุณ แล้วระหว่างคุณ…”
เมื่อถามถึงเรื่องระว่างเธอกับเหอตงจี้เฟิงก็เกิดความลังเล และคิดว่าควรจะถามออกไปดีมั้ย แต่ท้ายที่สุดเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเซียวหยูซวน และไม่ได้ถามจนจบประโยค
“ลืมไปเถอะ เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย มันมีแต่จะเพิ่มปัญหาให้เธอเปล่าๆ” เซียวหยูซวนไม่ได้คิดที่จะบอกจี้เฟิงเกี่ยวกับปัญหาของเธอ เธอมองไปรอบๆภายในรถอีกครั้งและถามด้วยความประหลาดใจ“จี้เฟิง นี่คือ รถ Audi A6 ใช่มั้ย อย่างน้อยก็น่าจะมีราคาไม่ต่ํากว่า 700,000 หยวนมันเป็นรถของเธอจริงๆเหรอ?”
“มันก็ต้องเป็นรถของผมสิ หรือคุณคิดว่าผมไปขโมยใครมา?” เมื่อเห็นเซียวหยูซวนลังเลที่จะเล่าถึงปัญหาและเปลี่ยนเรื่องคุย จี้เฟิงจึงไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ นี่คือรถของเธอจริงๆเหรอเนี่ย พระเจ้า!ความเร็วในการหาเงินของเธอนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เธอก็เป็นเจ้าของรถAudiราคากว่าครึ่งล้าน! แบบนี้อีกสามสี่ปีเธอไม่กลายเป็นคนรวยเลยเหรอ?”
เซียวหยูชวนรู้ดี แม้ว่ารถ Audi a6 จะหรูหราแต่เมื่อเทียบกับ Mercedes-benz หรือ BMW พวกนั้นรถAudi ของจี้เฟิงก็ถือได้ว่ามีให้เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนในเจียงโจว แต่ประเด็นสําคัญมันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นเจ้าของรถ
เพราะเมื่อก่อนจี้เฟิงไม่ได้เป็นคนที่มีเงินมากมายนักเรียกได้ว่าเป็นคนที่ยากจนเลยก็ว่าได้เขาเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆแต่เพียงไม่กี่เดือนต่อมาเขากลับใช้เงินหลายแสนหยวนเพื่อซื้อรถ Audi ? มันจึงมีความเป็นไปได้ว่าจี้เพิ่งจะต้องมีเงินมากกว่าหนึ่งล้านหยวน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเซียวหยูซวนไม่เคยเห็นใครซื้อรถด้วยเงินทั้งหมดที่มี หรือต่อให้มีกรณีนั้นแม้ว่าเขาจะซื้อรถมาได้แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ต้องใช้เงินเกี่ยวกับรถอีกอยู่ดีและสุดท้ายคนเหล่านั้นก็จะไม่สามารถรักษารถไว้ได้
เนื่องจากจี้เฟิงสามารถใช้จ่ายเงินหลายแสนเพื่อซื้อรถจึงพิสูจน์ได้ว่าเงินหลายแสนเหล่านี้อาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆจากเงินทั้งหมดของเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็แสดงว่าอย่างน้อยๆเขาจะต้องมีเงินหลายล้านหยวน?!
ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนกับเงินหลายล้าน… เซียวหยูซวนไม่อาจเชื่อมโยงสองคํานี้กับจี้เฟิงได้เลย
แล้วไหนจะเรื่องความแข็งแกร่งของเขาที่สามารถจัดการกับเหอตงได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแม้แต่บอดี้การ์ดทั้งสี่คนของเหอตงก็ยังมีทักษะการต่อสู้ที่ด้อยกว่าเขามาก
ฉันไม่ได้เจอเขามาแค่สองสามเดือนจริงๆเหรอ? ทําไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงได้กลายเป็นชายหนุ่มที่น่าค้นหาได้ขนาดนี้?
“ทําไมมองผมแบบนั้นล่ะ?” เมื่อเห็นสายตาแปลกๆของเซียวหยูซวนที่จ้องมองเขา จี้เฟิงก็อดยิ้มไม่ได้ “ผมว่าเราควรพูดถึงเรื่องบริษัทของพ่อคุณกันดีกว่า จากที่ผมได้ยินดูเหมือนเหอตงจะพูดถึงคุณชายหลี่และมันไปเกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทของพ่อคุณต้องล้มละลายเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่?”
เมื่อได้ยินเฟิงถามขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเซียวหยูซวนก็เศร้าหมองลง เธอส่ายหัวและพูดว่า “จี้เฟิงอย่าถามฉันเรื่องนี้เลยฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
“ผมอยากจะช่วยเหลือคุณในฐานะเพื่อน!” จี้เฟิงยิ้มน้อยๆ
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะมองเขาแปลกๆและพูดว่า “ฉันเป็นครูของเธอ!”
“คุณครูกับลูกศิษย์ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณอายุมากกว่าผมไม่กี่ปี และอย่าลืมคุณเป็นคนริเริ่มที่จะเป็นพี่สาวของผมเองนะ หรือพี่สาวหยูซวนจะไม่ยอมรับในเรื่องนี้?” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเขาไม่รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเซียวหยูซวนบ้างเขาจึงพยายามพูดอย่างเป็นกันเองเพื่อให้เธอผ่อน คลาย
คําพูดของจี้เพิ่งทําให้เซียวหยูชวนนึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาพบกันอีกครั้ง และฉากที่น่าอายในคืนนั้นก็ผุดขี้นมาทําให้ใบหน้าสวยๆของเธอรู้สึกร้อนผ่าวและแดงขึ้นทันที
“เธอ.. เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้ แล้วทําไมตอนนี้ลิ้นของเธอพลิกเก่งเป็นคนกะล่อนแบบนี้ล่ะ?” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
“คุณยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองเลยแล้วรู้ได้อย่างไรว่าผมพลิกลิ้นเก่ง” จี้เฟิงอยากจะพูดออกไปแบบนี้แต่เขาก็ไม่กล้าพอ
จี้เฟิงจึงได้แต่หัวเราะเบาๆและพูดว่า “เราทุกคนต่างเปลี่ยนไป แม้แต่พี่สาวที่มักจะร่าเริงของผมแต่ตอนนี้ผมเห็นแต่ความโศกเศร้าอยู่บนใบหน้าของเธอ เซียวหยูชวนคุณต้องเล่าให้ผมฟังนะบางทีผมอาจจะช่วยคุณได้
“เฮ้อ.. เรื่องนี้เธอไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้หรอก” เซียวหยูซวนถอนหายใจและส่ายหัวเบาๆ“เอาเป็นว่าในฐานะพี่สาวฉันจะเล่าให้เธอฟัง”
เซียวหยูซวนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “ก่อนอื่น เธอต้องรู้ก่อนว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันกับเหอตงเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาก่อน”
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ผมพอรู้เรื่องนี้”
เซียวหยูซวนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “งั้นเธอคงแปลกใจมากใช่มั้ย ว่าทําไมเหอตงที่เป็นคนแบบนี้แต่ฉันก็ยังหลงรักและคบหากับเขา เธอคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่มองคนไม่เป็นสินะ? หรือไม่ก็เป็นเพียงผู้หญิงไร้สมองคนหนึ่งที่คบกับผู้ชายโดยไม่คิด”
จี้เฟิงหัวเราะเก้อๆและพูดว่า “ถ้าผู้หญิงอย่างคุณเป็นคนไร้สมอง ก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีสมองอยู่ในโลกนี้อีกแล้วล่ะ คุณไม่จําเป็นต้องพูดดูถูกตัวเองแบบนี้ ผมเชื่อว่าคุณต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง!”
เซียวหยูชวนยิ้มอย่างขมขึ้นและส่ายหัวของเธออีกครั้ง “ถ้าฉันบอกเธอว่าในตอนที่ฉันคบหากับเหอตงฉันหลงรักเขาจริงๆและฉันก็ไม่เคยพบกับความยากลําบากเลย และทั้งหมดนี้เป็นความเต็มใจของฉันเองเธอจะเชื่อ มั้ย?”
“เชื่อ!” จี้เฟิงตอบโดยไม่ลังเล
“ทําไม?” คําตอบของจี้เพิ่งทําให้เธอรู้สึกประหลาดใจและมองจี้เฟิงอย่างงุนงง “ทําไมเธอถึงเชื่อฉันและไม่คิดว่าฉันเป็นเพียงผู้หญิงที่โง่มองคนไม่ออก?”
จี้เพิ่งพยักหน้าและพูดว่า “มันไม่ใช่ความผิดที่คนเราจะโง่เมื่อมีเรื่องของความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้เลย และไม่ว่าใครที่ไม่เคยโงกับเรื่องเช่นนี้ก็แสดงว่าเขาคนนั้นไม่เคยรู้จักกับความรัก ดังนั้นในแง่ของความรู้สึกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ไม่มีใครสมควรถูกหาว่าโง่หรอก”
“เธอช่างเป็นคนที่แปลกจริงๆ” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “ความคิดของเธอนั้นแตกต่างจากคนทั่วไปเรียกได้ว่าความคิดของเธอนั้นมีสติมากกว่าคนส่วนใหญ่มาก”
“ฮ่าฮ่า…ขอบคุณครับสําหรับคําชม” จี้เพิ่งยิ้ม “ผมแค่ชอบคิดวิเคราะห์หรือจะบอกว่าผมชอบเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาและเรื่องเกี่ยวกับความคิดของผู้คนก็ได้ มันน่าสนใจมาก”
เซียวหยูชวนหัวเราะด้วยเช่นกันและกล่าวว่า “เธอก็พูดถูกนะเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถควบคุมมันได้แต่เรื่องนี้มันเป็นเพราะความโง่ของฉันจริงๆ”
ดวงตาของเธอมองไปข้างหน้าเหมือนกําลังนึกถึงอดีตและพูดขึ้นเบาๆ “ตอนสมัยที่ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฐานะทางบ้านของฉันค่อนข้างดี จึงมีคนมากมายไล่ตามฉันเพื่อหวังผลประโยชน์และจุดประสงค์ของพวกเขาที่เข้าหาฉันนั้นชัดเจนและน่ากลัวมากไม่ว่าจะเรื่องที่บ้านของฉันหรือเป็นเรื่องที่อยากจะทําให้ฉันสนใจ…”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ด้วยรูปร่างหน้าตาของเซียวหยูซวนซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่สวยงามบวกกับฐานะทางบ้านที่พ่อของเธอเป็นถึงเจ้าของบริษัท ถ้ชายใดได้เธอมาครอบครองก็เหมือนโชคหล่นทับเพราะนอกจากจะได้คนรักที่สวยหยาดฟ้าแต่หน้าที่การงานในอนาคตก็ต้องไปไกลโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาดิ้นรนไปอีกหลายปี!
“แต่อย่างไรก็ตามมีคนคนหนึ่งที่ปฏิบัติกับฉันไม่เหมือนกับคนอื่น ในตอนที่ฉันทําโปรเจคเกี่ยวกับงานของมหาวิทยาลัยคนอื่นๆต่างพยายามชื่นชมฉันทุกวิถีทาง แต่มีเพียงคนเดียวที่วิพากษ์วิจารณ์ฉันอย่างตรงไปตรงมาหรือแม้กระทั่งว่ากล่าวฉันอย่างรุนแรงในตอนที่ฉันทําอะไรผิด…” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเศร้า“ตอนนั้นฉันโง่มาก!”
ไม่จําเป็นต้องบอกมากกว่านี้จี้เฟิงก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เซียวหยูซวนถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์ นอกจากความสวยงามของรูปร่างหน้าตาแล้วฐานะทางบ้านของเธอก็ดีมาก ประสบการณ์ตลอดชีวิตของเธอคือพบเจอแต่คนที่คอยชื่นชมเอาใจเธอจึงรู้สึกเบื่อหน่ายทุกคนรอบตัวเธอ จนในที่สุดก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจเธอเหมือนกับคนอื่นๆมันจึงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอโดยธรรมชาติ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเธออยากให้เขาคนนั้นชื่นชมและสนใจเธอ
เป็นเพราะเหตุนี้บุคคลดังกล่าวจึงได้หญิงสาวสุดเพอร์เฟกต์คนนี้ไปครอบครอง
และอีกเช่นเคยโดยไม่ต้องบอกว่าบุคคลดังกล่าวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เซียวหยูซวนอย่างรุนแรงนั้นเป็นใครเขาก็คือเหอตง
“เฮ้อ..”
เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ “เดิมที่ฉันคิดว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ เขากล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของเขาอย่างตรงไปตรงมาและนอกจากนี้เขาก็ดีกับฉันมาก จนเมื่อเวลาผ่านไปพวกเราต่างโตขึ้นฉันก็ค้นพบว่าเหอตงไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาอย่างที่ฉันคิดเขาเข้ามาตีสนิทกับฉันเพราะมีจุดประสงค์และหวังผลประโยชน์ไม่ต่างจากคนอื่นๆ มีเพียงวิธีการของเขาเท่านั้นที่แตกต่างออกไป!”
จี้เพิ่งฟังอย่างเงียบๆโดยไม่ขัดจังหวะการพูดของเซียวหยูชวน
“และในตอนนั้นพ่อของฉันก็มองออกว่าเหอตงเข้าหาฉันด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ดังนั้นพ่อฉันจึงไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่นัก” เซียวหยูซวนกล่าว “และตลอดระยะเวลาที่ฉันกับเหอตงคบหากันมันก็ไม่ใช่เวลาสั้นๆแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาเข้าหาฉันด้วยความตั้งใจที่จะหาผลประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ได้ทําอะไรมากเกินไปมันทําให้ฉันพูดไม่ออกในตอนที่ฉันขอเลิกกับเขาฉันจึงไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งคําขอร้องอ้อนวอนของเขาได้ ฉันจึงจําใจต้องใช้วิธีอื่น”
จี้เฟิงยังคงสงสัยว่าทําไมเธอถึงคบกับเหอตงจนมาถึงป่านนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้ว
“งั้นที่คุณไปเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมปลายหมางซื่อ..” จี้เฟิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็หยุดพูดไป
เซียวหยูชวนเข้าใจว่าจี้เฟิงจะพูดอะไร เธอจึงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ฉันไปเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมปลายหมางซื่อก็เพื่อต้องการที่จะหลีกเลี่ยงเหอตง ฉันมีความคิดว่าคนเราแม้จะเลิกรากันไปแล้วก็ไม่จําเป็นต้องเป็นศัตรูกัน ดังนั้นเพราะเหตุนี้ฉันจึงวางแผนที่จะใช้เวลาสองสามปีเพื่อจะแยกห่างจากเขาเพื่อเขาจะคิดได้และยอมเลิกราไปเอง โดยที่เราทั้งสองไม่บาดหมางต่อกัน”
“แต่เหอตงก็ยังคงตามคุณไปจนถึงหมางซื่อ” จี้เฟิงหัวเราะ “และมันก็เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี”
“ถูกต้อง ฉันไปที่หมางซื่อและเหอตงก็ตามฉันไปที่นั่น และเธอก็คือคนที่ทําให้เขาอับอายอย่างมากในห้องบิลเลียดของโรงแรม” เซียวหยูชวนมองจี้เฟิงด้วยรอยยิ้ม
“แหะๆ!” จี้เพิ่งถูจมูกของเขาไปมาโดยไม่ได้พูดอะไร ในความเป็นจริงที่เขาทําให้เหอตงอับอายในตอนนั้นมันเป็นเพราะเหอตงเห็นแก่เงินพนันและทําตัวไร้ยางอายกับเพื่อนรักของเขามากเกินไปส่วนเหตุผลหลักๆอีกอย่างหนึ่งนั่นเป็นเพราะเหอตงเป็นคนไม่ดี และแน่นอนว่าเขาคงจะไม่ยุ่งถ้าคนไม่ดีคนนั้นไม่ใช่แฟนของเซียวหยูซวน เขาจึงอยากทําให้เหอตงต้องอับอายและทําให้เซียวหยูชวนมองเห็นธาตุแท้ของเขา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ จี้เฟิงยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นคนใจกว้างมากนัก แต่เขาก็คิดว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายและที่สําคัญเขาไม่ใช่คนหน้าไหว้หลังหลอกเพราะเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ
“แล้ววันนี้ที่เธอเห็นเหอตงมาหาฉัน จริงๆแล้วสาเหตุของเรื่องนี้มันเป็นเพราะฉันที่หนีจากเขาไปอยู่ที่หมางซื้อ”เซียวหยูซวนกล่าว
“หืม? คุณหมายความว่าไง?” จี้เพิ่งประหลาดใจเล็กน้อย
“เธอจําได้มั้ยที่ฉันบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่ามีเรื่องด่วนที่ทําให้ฉันออกจากหมางซื่อมาอย่างกะทันหันจนไม่มีเวลาได้บอกกล่าวอะไรกับเธอเลย?” เซียวหยูชวนถาม
จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “จําได้เรื่องด่วนที่คุณพูดเมื่อกี้มันเป็นไปได้มั้ยว่ามันเกี่ยวข้องกับเหอตง?”
…จบบทที่ 161-2