The simple life of the emperor - ตอนที่ 135
ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังสบัดกระทะในมืออยู่นั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเลยหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรหาซูหลิน
ซูหลินรับโทรศัพอย่างรวดเร็วก่อนจะถามเทียนหลางว่า
[ นายไปถ่ายแบบกับพี่เฟิงหยวนตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะตอบกลับไป
“เมื่อไม่กี่วันก่อนนะ แล้วเย็นนี้เธอว่างหรือเปล่า ?”
ซูหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับถามออกมาด้วยความสงสัย
[ มีอะไรงั้นเหรอ ? ]
“พอดีว่าเย็นนี้ฉันคิดจะลองทำเมนูใหม่ๆดูนะ แล้วก็คิดถึงเธอกับหลินเสวี่ยขึ้นมาก็เลยอยากจะชวนมากินข้าวเย็นที่บ้าน”
ซูหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันทีก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันน่าเสียดายว่า
[ คงจะไม่ได้หรอกนะวันนี้นะ ]
เมื่อเทียนหลางได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?”
ซูหลินพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
[ พอดีว่าคุณลุงตงไห่เขาเข้าโรงพยาบาลนะสิ ฉันกับน้องหลินก็เลยจะไปเยี่ยมกันเย็นนี้ ]
ทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่ไม่คุ้นเคยเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ตงไห่ ? ใครกันงั้นเหรอ ?”
ซูหลินที่ได้ยินเทียนหลางถามแบบนั้นก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า
[ นี่นายจำชื่อพ่อตาของตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันที
“พ่อตา ? พ่อตาใคร ?”
ซูหลินที่ได้ฟังคำถามของเทียนหลางก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทันทีพร้อมบอกกับเทียนหลางว่า
[ เขาชื่อหลินตงไห่เป็นพ่อของหลินเสวี่ยเมียของนาย แล้วก็ยังควบตำแหน่งพ่อตาของนายด้วยยังไงเล่า !! ถึงแม้จะไม่เคยเจอแต่ก็น่าจะจำชื่อเอาไว้บ้าง เฮ้อ ~ นายนี่มัน ]
เทียนหลางที่ได้ยินก็ถึงกับเกาหัวตัวเองทันทีก่อนจะจำได้ว่าก่อนหน้านี้หลินเสวี่ยเคยเปรยๆเกี่ยวกับพ่อของเธอเอาไว้บ้างตอนกินข้าวกันแต่ในช่วงนั้นเทียนหลางกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องของปีศาจอยู่จึงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องของพ่อของหลินเสวี่ยสักเท่า
เมื่อคิดได้แบบนั้นเทียนหลางก็ถึงกับถอนหายใจออกมาก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ฉันคงทำผิดกับเธอไปมากเลยทีเดียว”
ทันทีที่เทียนหลางพูดจบเสียงของซูหลินก็ได้ดังลอดออกมาจากโทรศัพทันที
[ ใช่ !! นายทำผิดกับน้องหลินเสวี่ยของฉันมากเลยนะ เอาเป็นว่าเย็นนี้นายต้องไปเยี่ยมพ่อตาของนายด้วยเข้าใจไหม !! ]
“เข้าใจแล้ว”
เทียนหลางตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางสายไป ก่อนจะจัดอาหารใส่จานพร้อมกับพูดขึ้น
“ดูเหมือนมื้อเย็นวันนี้คงจะต้องงดสะแล้วนะสิ”
เมื่อช่วงเย็นมาถึงเทียนหลางก็ขับรถมาที่โรงพยาบาลจิงไห่ก่อนจะหิ้วตระกร้าผลไม้เข้ามาและเดินตรงไปถามกับพยาบาลด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ทราบว่าผู้ป่วยที่ชื่อหลินตงไห่นั้นพักอยู่ที่ห้องไหนงั้นเหรอครับ ?”
พยาบาลที่ได้เห็นใบหน้าของเทียนหลางก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าด้วยความเขินอายจากนั้นเธอก็รีบค้นฐานข้อมูลของผู้ป่วยก่อนจะบอกเลขที่ห้องของหลินตงไห่
“ผู้ป่วยพักอยู่ที่ห้อง 705 ทางตึกฝั่งซ้ายค่ะ”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปยังห้องของหลินตงไห่ เมื่อมาถึงเทียนหลางก็เห็นการ์ดสองคนกำลังยืนอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าเคร่งครึม
เมื่อเทียนหลางเดินตรงไปเขาก็ถูกการ์ดเรียกทันที
“มีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับตอบการ์ดทั้งสองคน
“ผมเป็นแฟนของหลินเสวี่ยมาเยี่ยมคุณพ่อนะครับ”
การ์ดทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า
“งั้นรอเดียวนะครับ”
การ์ดคนนั้นวิ่งเข้าไปด้านในห้องเพื่อคุยกับหลินเสวี่ยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา
“เชิญครับ”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปด้านในก็พบว่ามีหลินเสวี่ย ซูหลิน และชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่
เมื่อหลินเสวี่ยเห็นเทียนหลางเดินเข้ามาก็รีบวิ่งเข้ามากอดเขาทันทีก่อนจะร้องไห้ออกมา เทียนหลางยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับลูบหัวหลินเสวี่ย
“ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องร้อง ไหนมีเรื่องอะไรบอกฉันมาหน่อยสิ”
หลินเสวี่ยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอก่อนจะเล่าทุกอย่างให้กับเทียนหลางได้ฟัง เธอบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อห้าวันก่อน ในวันนั้นพ่อของเธอหรือหลินตงไห่กำลังไปเจรจาธุรกิจที่ต่างเมืองและดูเหมือนว่าการเจรจาจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ระหว่างทางกลับกับเกิดอุบัติเหตุรถชนตรงทางด้านหน้าทำให้การจารจรติดขัด
และในขณะที่กำลังรออยู่นั้นก็ได้มีชายติดอาวุธกลุ่มหนึ่งเข้ามารุมยิงไปที่รถของหลินตงไห่ โชคดีที่ผู้คุ้มกันของหลินตงไห่นั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์จึงสามารถป้องกันการโจมตีได้ส่วนหนึ่งและสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างงั้นหลินตงไห่ก็ยังคงบาดเจ็บหนักอยู่ดี
หลินตงไห่บาดเจ็บหนักถึงกับขั้นต้องหามเข้าห้องฉุกเฉิน จากที่หลินเสวี่ยเล่ามาดูเหมือนว่าหลินตงไห่จะเป็นคนที่ดวงค่อนข้างแข็งเพราะเขานั้นถูกยิงกว่ายี่สิบนัดแต่กลับรอดมาได้ คงเป็นเพราะร่างกายที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีตั้งแต่เด็กและหลินตงไห่ก็ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับสูงอีกด้วย
ถึงแม้เขาจะรอดมาได้แต่หลินตงไห่ก็ต้องอยู่ในอาการโคม่าและไม่ได้รู้สึกตัวมาโดยตลอด เพราะอวัยวะภายในของเขานั้นเสียหายอย่างหนักจากการรุมกระหน่ำยิง ในตอนนี้ชีวิตของหลินตงไห่อยู่รอดได้ด้วยเครื่องพยุงชีพราคาแพง คุณหมอบอกว่าอาการของหลินตงไห่นั้นเป็นตายเท่ากันแต่จากที่ดูแล้วหมอคาดว่าความตายคงจะมาเอาเขาไปในไม่ช้าดังนั้นจึงบอกให้ทางครอบครัวเตรียมใจเอาไว้บ้าง
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบหัวหลินเสวี่ยปลอบใจก่อนจะเดินตรงไปดูร่างของหลินตงไห่ที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมกับพิจารณาเล็กน้อยและกล่าวกับหลินเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงนะ เดียวฉันจะรักษาพ่อของเธอเอง”
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame