The simple life of the emperor - ตอนที่ 134
หลังจากการถ่ายงานอันร้อนแรงเสร็จเรียบร้อยเทียนหลางและเฟิงหยวนก็ขอตัวลากลับเลยทันทีเพราะทั้งคู่นั้นค่อนข้างจะเหนื่อย และที่บอกว่าร้อนแรงนั้นก็เป็นเพราะตัวเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้านั้นหลังจากที่ถ่ายภาพเซ็ตแรกเสร็จนางก็เกิดชอบขึ้นมาและจัดการหอบเสื้อผ้าในซีรี่ย์อื่นมาให้ทั้งคู่ถ่ายอีกหลายสิบชุด
เมื่อถ่ายเสร็จทางเจ้าของแบรนด์อย่างฉินอู๋หยิงเธอต้องการจะให้เงินค่าตอบแทนกับทั้งคู่มากถึงสองล้านหยวน แต่ด้วยที่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินทองหรือบางทีตัวของเทียนหลางอาจจะรวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
เฟิงหยวนจึงปฏิเสธเงินจำนวนมากด้วยรอยยิ้มพร้อมกับขอเปลี่ยนเป็นให้ทางทีมงานส่งภาพทั้งหมดที่เธอได้คู่กับเทียนหลางอีกชุดมาให้ที่บ้าน
ฉินอู๋หยางและผู้จัดการจิงได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสับสนเล็กน้อย แต่เฟิงหยวนก็บอกกลับไปว่าตัวเธอนั้นไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทองแต่อย่างใดเพียงแต่การทำงานครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือผู้จัดการจิงเท่านั้น
เมื่อฉินอู๋หยางได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะตอบตกลงเรื่องรูปภาพที่เฟิงหยวนขอไป ส่วนผู้จัดการจิงนั้นก็ได้เข้ามากล่าวขอบคุณเฟิงหยวนกับเทียนหลางยกใหญ่เรื่องที่ทั้งคู่ช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเฟิงหยวนไม่มาเป็นนางแบบให้กับงานนี้แล้วละก็ทางบริษัทอาจจะต้องเสียคู่ค้ารายใหญ่ไปเลยก็ได้
หลังจากกล่าวขอบคุณเฟิงหยวนเสร็จผู้จัดการจิงก็หันมาทางเทียนหลางด้วยสายตาแน่วแน่พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“สนใจมาเป็นนายแบบสังกัดพี่ไหม ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจไปแว่บหนึ่งก่อนจะหันมาหาเฟิงหยวนซึ่งเธอเองก็ได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร เทียนหลางจึงเกาหัวตัวเองเบาๆและพูดกับผู้จัดการจิงว่า
“ถึงผมจะสนใจมันอยู่บ้างก็เถอะครับ แต่คิดว่าคงไม่ทำงานทางด้านนี้หรอกผมยังมีธุรกิจของตัวเองที่ต้องดูแลอยู่”
ผู้จัดการจิงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาเล็กน้อย เทียนหลางจึงหัวเราะและพูดขึ้นอีกว่า
“แต่ถ้าหากผู้จัดการจิงอยากให้ผมช่วยก็ติดต่อมาได้นะครับ แต่ไม่ต้องถึงขั้นมาคุกเข่าขอร้องแบบคราวก่อนก็พอ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้จัดการจิงก็หัวเราะเขินๆออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน ในระหว่างกลับเฟิงหยวนก็ได้ถามเทียนหลางที่กำลังขับรถอยู่ว่า
“ดูเหมือนคุณจะมีความสุขไม่น้อยเลยนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ผมค่อนข้างจะสนใจงานนายแบบนิดหน่อยมาสักพักแล้วพอได้ลองดูก็คิดว่าค่อนข้างสนุกดี แล้วอีกอย่างงานชิ้นแรกของผมยังได้ถ่ายคู่กับคุณอีก อีกอย่างนะผมยังได้รูปที่ถ่ายคู่กับคุณมาเก็บไว้อีกด้วย”
เทียนหลางเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
”ช่วงสองสามพันปีนี้เราสองคนไม่ค่อยจะทำอะไรร่วมกันเลย การที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ด้วยกันมันก็ต้องมีความสุขอยู่แล้วสิ หรือคุณไม่มีความสุขงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เทียนหลางที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของเฟิงหยวนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มตามไปด้วยเพราะตัวของเทียนหลางนั้นรู้ว่าเฟิงหยวนนั้นมีความสุขมากแค่ไหน
แม้ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันมาเป็นหมื่นปีแต่ด้วยหน้าที่ของทั้งคู่ที่ต่างก็ทั้งสำคัญและเกี่ยวพันกับผู้คนมากมาย ทำให้ทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก ดังนั้นจึงยากที่จะมีเวลาทำอะไรร่วมกัน
ขณะนั้นจู่ๆเฟิงหยวนก็พูดขึ้น
“แล้วคุณก็อย่าลืมดูแลเหล่าน้องสาวของฉันด้วยล่ะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมามองเฟิงหยวนด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกมา
“คุณหมายถึงซูหลินกับหลินเสวี่ยงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ฉันรู้ว่าคุณก็มีความรู้สึกดีๆให้กับพวกเธอ ฉะนั้นคุณก็ควรจะดูแลพวกเธอบ้างอย่างเอาแต่หมกตัวอยู่แต่บ้านกับฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องคิดมาก”
“เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าผมจะใช้เวลาอยู่กับพวกเธอให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปพูดกับเทียนหลางว่า
“วันนี้เป็นคิวคุณทำข้าวเย็นก็แล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว”
———————————————————————————————————————————
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้เทียนหลางกำลังยืนวุ่นวายอยู่ภายในครัว เพราะเขานั้นอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆแก้เบื่อจึงได้ตัดสินใจอยากลองทำอาหารตะวันตกบ้าง เพราะดูเหมือนว่าเฟิงหยวนนั้นเธอดูจะเบื่อกับอาหารจีนแล้วดังนั้นเทียนหลางจึงคิดอยากจะเปลี่ยนเมนูในมื้อเย็นวันนี้
ในขณะที่เทียนหลางกำลังหั่นเนื้อไก่อยู่นั้นโทรศัพมือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นตู่เชิงที่โทรมา
ทันทีที่เทียนหลางกดรับตู่เชิงก็ถามออกมาทันที
[ นายกำลังทำอะไรอยู่ ? ]
“ฉันกำลังคิดจะลองทำไก่ผัดซอสบาบีคิวอยู่นะ นายมีอะไรงั้นเหรอ ?”
[ ดูนายสบายใจจังนะทั้งที่สร้างเรื่องใหญ่ไว้แท้ๆ ]
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็รู้สึกงุนงงกับคำพูดของตู่เชิงเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป
“สร้างเรื่อง ? ฉันไปทำอะไรไว้ ?”
[ นายพูดแบบนี้แสดงว่านายไม่ได้เข้าไปในดูเว็บบอร์ดของมหาลัยเลยสินะ ]
“บอร์ดของมหาลัย ?”
เว็บบอร์ดของมหาลัยก็คล้ายกับเว่ยป๋อเป็นชุมชนอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่แตกต่างจ่างเว็บบอร์ดอื่นๆก็คือผู้ใช้ส่วนใหญ่นั้นเป็นนักศึกษาของมหาลัยจิงไห่ และก็แน่นอนว่าเรื่องราวในเว็บบอร์ดก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องราวในมหาลัย
เมื่อเทียนหลางพูดคุยกับตู่เชิงอยู่สักพักก่อนจะวางสายไปและเข้าไปดูในเว็บบอร์ดของมหาลัย ตามที่ตู่เชิงบอกหัวข้อที่เกี่ยวกับเขานั้นจะขึ้นมาเป็นหัวข้อแรก สายตาของเทียนหลางก็จ้องมองไปยังหัวข้อแรกทันทีซึ่งมันเขียนเอาไว้ว่า
[ ชายหนุ่มปริศนาถ่ายแบบคู่กับนางแบบหน้าใหม่ ]
เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเข้าไปดูด้านใน เมื่อได้เข้ามาดูด้านในบอร์ดสนทนาเทียนหลางก็ได้เห็นรูปที่เทียนหลางได้ถ่ายคู่กับเฟิงหยวนเมื่อสองวันก่อนถูกโพสเป็นหัวข้อหลัก และก็มีข้อความมากมายที่กล่าวถึงเขา
[ ผู้ชายคนนั้นที่ถ่ายคู่กับพี่เฟิงหยวนเป็นใครกันน่ะ ? ]
[ นั่นสิเขาหล่อมากเลย ]
[ เดี๋ยวก่อนนะถ้าหากว่าหัวข้อนี้มาโผล่ในบอร์ดมหาลัยก็แปลว่าเขาเป็นนักศึกษาของม.จิงไห่นะสิ ? ]
[ คอมเม้นท์บนพูดถูกแสดงว่าพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้เป็นนักเรียนของมหาลัยเรา แต่ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะ ? ]
[ อาจจะเป็นนักศึกษาใหม่ของปีนี้ก็ได้นะ ]
[ มีเหตุผล มีเหตุผล ]
จากนั้นคอมเม้นท์ยาวเหยียดเกี่ยวกับหนุ่มปริศนาก็เพิ่มมากขึ้น จนกระทั้งมีคอมเม้นท์ที่ได้รับการกดไลค์เป็นจำนวนมาก
[ แต่ฉันเคยเห็นเขานะ เขาเป็นนักศึกษาใหม่ที่เรียนอยู่ในคลาสของประวัติศาสตร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ]
คอมเม้นท์นั้นได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามกันเลยทีเดียว ส่วนเทียนหลางที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายเล็กๆก็ได้แต่เกาหัวตัวเองพร้อมกับกล่าวขึ้นกับตัวเองเบาๆ
“นี่ฉันกลายเป็นคนดังในมหาลัยไปแล้วงั้นเหรอ ?”
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame