The simple life of the emperor - ตอนที่ 119
เช้าวันต่อมาเทียนตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพของเขาเมื่อมองดูก็พบว่าเป็นตู่เชิงเพื่อนของเขาที่มหาลัยเป็นคนโทรมา
”ว่าไง ?”
เทียนหลางกล่าวไปสั้นๆ เสียงเป็นกังวลของตู่เชิงก็ดังออกมาจากปลายสายทันที
[ เทียนหลางตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ? ]
”ฉันอยู่ที่บ้านนะสิ นายมีอะไรงั้นเหรอ ?”
[ ก็อาจารย์ลั่วหยานกำลังตามหานายอยู่นะสิ ]
เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็ถามออกไปด้วยความสงสัยทันที
”อาจารย์ลั่วหยาน ? ใครกัน ?”
[ อาจารย์ลั่วก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องเรานะสิ นายจำไม่ได้งั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของตู่เชิงก็นึกย้อนกลับไปในวันที่เขาได้ไปมหาลัยในวันแรก ในระหว่างมื้ออาหารที่เขาทานกับตู่เชิงนั้นดูเหมือนว่าตู่เชิงจะพูดอะไรบางอย่าวเกี่ยวกับคนที่ชื่อลั่วหยาน ในตอนนั้นเทียนหลางคิดว่าลั่วหยานนั้นเป็นนักศึกษาที่ตู่เชิงแอบชอบเขาจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก และบวกกับที่เทียนหลางนั้นไม่ค่อยจะได้ไปมหาลัยเท่าไหร่นักจึงทำให้เขาไม่เคยพบเจอตัวอาจารย์ลั่วหยานเลยสักครั้ง
แต่เขาไม่คิดว่าลั่วหยานนั้นจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องเขา แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ลั่วหยานถึงได้กำลังตามหาเขา
”แล้วทำไมอาจารย์ลั่วถึงตามหาฉันกันหล่ะ ?”
ทันทีที่ตู่เชิงได้ยินคำถามของเทียนหลางเขาก็ถึงกับถอนหายใจอย่างหนักพร้อมกับกุมขมับตัวเองทันที ก่อนจะพูดกับเทียนหลางด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย
[ นี่นายไม่เข้าใจจริงๆงั้นเหรอ ? ตั้งแต่มหาลัยเปิดนายมาเรียนแค่ไม่กี่วันเท่านั้นแถมนายก็ยังไม่เคยคิดจะส่งงานของอาจารย์สักคนเลยด้วยแม้จะเป็นเพียงแค่ต้นเทอมแต่คะแนนแต่ละงานนั้นส่งผลกับสอบปลายภาคเป็นอย่างมากเลยนะ อาจารย์เขาเป็นห่วงนายเธอจึงให้ฉันโทรถามว่านายมีปัญหาอะไรรึเปล่า ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่ากับตู่เชิงไปว่า
”งั้นเดียวฉันจะเข้าไปจัดการทั้งหมดเองก็แล้วกัน ขอบใจที่มาบอกนะ”
[ ไม่เป็นไรแค่เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อก็พอ ]
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็หัวเราะออกมาก่อนจะวางสายไป พร้อมกับหันมามองเฟิงหยวนที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างกายของเขา
จากนั้นเทียนหลางก็ลุกขึ้นและไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะเข้าครัวไปทำอาหารง่ายๆมาไว้ให้เธอเพื่อเมื่อเฟิงหยวนตื่นจะได้มีอะไรทาน
ระหว่างทางไปมหาลัยเทียนหลางก็ได้หยิบโทรศัพขึ้นมาพร้อมกับโทรหาเลขาไป๋ และไม่ต้องให้เทียนหลางรอนานเลขาไป๋กดรับสายอย่างรวดเร็ว
[ มีอะไรงั้นเหรอเทียนหลา ? ]
”เลขาไป๋ ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”
[ ถามอะไรงั้นเหรอ ? ]
”ผมอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่หน่อยพิเศษที่กำลังเรียนอยู่อย่างผมนั้นมีสิทธิพิเศษอะไรไหม ?”
เมื่อเลขาไป๋ได้ยินคำถามของเทียนหลางเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะตอบกลับเทียนหลางว่า
[ แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ดูเหมือนเธอกำลังเจอปัญหากับการเรียนอยู่สินะ ถ้างั้นเดียวฉันจะจัดการให้ก็แล้วกัน ]
”ถ้างั้นคุณมาที่มหาลัยผมตอนนี้เลยได้ไหม ? ดูเหมือนว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของผมนั้นจะค่อยข้างเป็นห่วงลูกศิษย์เป็นพิเศษนะ คุณมาอาจช่วยอะไรให้มันง่ายขึ้น”
[ เข้าใจแล้วฉันกำลังคุยงานอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยของเธอพอดี เดียวเราเจอกันที่มหาลัยก็แล้วกัน ]
เมื่อพูดจบเลขาไป๋ก็วางสายไป เทียนหลางก็ถอนหายใจออกมาทันทีดูเหมือนว่าการทำงานกับรัฐบาลก็ดูจะข้อดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องการไม่เข้าเรียนของเขาได้หมดลงแล้ว
หลังจากขับรถมาไม่นานเทียนหลางก็มาถึงมหาลัยและก็พบว่าเลขาไป๋กำลังยืนรอเขาอยู่ เทียนหลางกล่าวทักทายกับเลขาไป๋เล็กน้อยก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตรงไปยังห้องพักอาจารย์เพื่อพูดคุยกับอาจารย์ลั่ว
………………………………………………………….
เทียนหลางเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของอาจารย์สาขาประวัติศาสตร์ก่อนจะมองซ้ายมองขวาก็พบกับอาจารย์คนหนึ่งกำลังนั่งตรวจงานอยู่
”เอ่อ… ผมมาหาอาจารย์ลั่วครับ”
อาจารย์คนนั้นเมื่อได้ยินคำถามก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นห้องของหัวหน้าแผนก เทียนหลางตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องเขาจะเป็นถึงหัวหน้าแผนกแต่เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็พอจะเข้าใจเพราะทั้งสาขานั้นมีเพียงห้องเขาเพียงห้องเดียวแถมนักเรียนในห้องก็มีไม่กี่สิบคน ฉะนั้นหัวหน้าแผนกจะลงมาดูแลเองก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เทียนหลางเคาะประตูเล็กน้อยก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับว่าให้เข้าไป เมื่อเทียนหลางเปิดประตูเข้ามาก็พบกับหญิงสาวอายุราวๆยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปีหน้าตาสวยงามกำลังนั่งเขียนเอกสารอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามกับเขาว่า
”เธอคือนักศึกษาเทียนหลางงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางแปลกกับความสวยของอาจารย์ลั่วหยานอยู่เล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบรับ เธอมองเทียนหลางอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะบอกกับเขาว่า
”นั่งสิ”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้ากี้ฝั่งตรงข้ามกับอาจารย์ลั่ว เมื่อเทียนหลางนั่งลงอาจารย์ลั่วก็หยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับอ่านมันซึ่งมันก็คือประวัติคร่าวๆของเขา หลังจากอ่านจบอาจารย์ก็ถามกับเทียนหลางว่า
”ที่ฉันเรียกเธอมาไม่ได้เพื่อที่จะต่อว่า หรืออะไรหรอกนะแต่เมื่อดูจากประวัติแล้วเธอก็เหมือนกับนักเรียนทั่วไปแล้วทำไมพักนี้เธอถึงไม่ค่อยได้เข้าเรียนกันหล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดออกไปว่า
”เอ่อ… มันค่อยข้างจะอธิบายยากสักหน่อยผมว่าให้เขาคนนี้อธิบายแทนก็แล้วกันนะครับ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หันไปมองเลขาไป๋ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา อาจารย์ลั่วก็มองตามไปด้วยเช่นกันก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
”นี่ผู้ปกครองเธองั้นเหรอ ?”
”ไม่ใช่ครับ แต่เดียวเขาคงจะอธิบายให้อาจารย์ฟัง”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ลุกขึ้นและปล่อยเรื่องนี้ให้กับเลขาไป๋จัดการ ซึ่งเลขาไป๋ก็พูดคุยกับอาจารย์ลั่วอยู่พักหนึ่งแน่นอนว่าอาจารย์ได้ยินสิ่งที่เลขาไป๋เล่าเธอก็ดูมีท่าทางกังวลเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามบ้างเป็นบางครั้ง แต่แน่นอนว่าเลขาไป๋ตอบกลับได้อย่างไร้ที่ติและดูไม่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย
เมื่อการพูดคุยสั้นๆของทั้งคู่จบลงอาจารย์ลั่วก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเทียนหลาง
”อาจารย์ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำงานกับรัฐบาล แล้วทำไมเธอถึงมาเข้าสาขาประวัติศาสตร์ทั้งๆที่เธอทำงานด้านพัฒนาเทคโนโลยีกับรัฐบาลกันละ เธอน่าจะเข้าสาขาเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยจะตอบกลับไปว่า
”ตอบตามตรงเลยนะครับ ผมเคลียดจากงานอยู่แล้วจะให้มาเคลียดกับเรื่องเรียนต่อผมคงสมองระเบิดกันพอดี และสาขาประวัติศาสตร์ก็ดูเหมือนจะเน้นไปทางศึกษานอกสถานที่เสียมาก แล้วผมก็เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวซะด้วยดังนั้นผมจึงเข้าสาขานี้ครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอาจารย์ลั่วก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเตือนเทียนหลางว่า
”แม้สาขานี้จะไม่เน้นหนักเรื่องการเรียนนักแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เข้าเรียนเลยหรอกนะ เพราะยังไงก็ยังมีวิชาพื้นฐานกับวิชาบังคับอยู่ เพราะงั้นถ้าเธอไม่เข้าเรียนก็แจ้งมาที่เบอร์นี้เข้าใจไหม ?”
เทียนหลางรับนามบัตรที่มีเบอร์ของอาจารย์ลั่วมาก่อนจะพยักหน้าและกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนที่เขาและเลขาไป๋จะออกจากห้องไป
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังออกมาจากห้องพักอาจารย์นั้นเลขาไป๋ก็กล่าวออกมาด้วยท่าทีติดตลก
”น่าอิจฉาจังเลยนะที่สมัยนี้มีอาจารย์สวยๆอยู่เต็มไปหมดเนี่ย สมัยฉันนี่มีแต่อาจารย์ที่อายุเยอะๆทั้งนั้นเลย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะถามกับเลขาไป๋ไปว่า
”เรื่องของศูนย์วิจัยนั่นมีอะไรที่ผมจะต้องรู้ไหม ?”
เลขาไป๋ที่ได้ยินคำถามของเทียนหลางก็เงียบไปสักพักก่อนจะหยิบซองเอกสารออกมาและยื่นให้กับเขา
”ดูเหมือนของที่หายไปจากห้องทดลองที่ขั้วโลกเหนือนั้นจะเป็น เซรุ่มที่ชื่อว่า NZT-412 ละนะ”
เทียนหลางหยิบเอกสารออกมาดูพร้อมกับถามกลับไปว่า
”แล้วไอ NZT-412 นี่มันคืออะไร ?”
”มันเป็นเซรุ่มที่สกัดมาจากผลึกลึกลับที่ถูกค้นพบที่ขั้วโลกเหนือ และดูเหมือนว่าศูนย์วิจัยแห่งนั้นถูกสร้างขึ้นก็เพราะค้นพบเจ้านี้นี่หล่ะ”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับรับฟังอย่างใจเย็น เลขาไป๋จึงอธิบายต่อว่า
”ดูเหมือนว่า NZT-412 จะเป็นเซรุ่มที่ช่วยในการพัฒนาศักยภาพของร่างกายผู้ใช้อะนะ เมื่อผู้ใช้ฉีดเซรุ่มเข้าสู่ร่างกายตัวเซรุ่มจะทำปฏิกิริยาบางอย่างกับร่างกายทำให้ผู้ใช้มีพละกำลังมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น แข็งแรงมากขึ้น”
”เหมือนกับพวกยาโด๊ปสินะ”
เลขาไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า
”ยิ่งกว่ายาโด๊ปเสียอีก จากผลการทดสอบบ่งบอกว่าผู้ที่ใช้ NZT-412 เพียงคนเดียวมีพลังมากกว่าหน่วยรบพิเศษหลายสิบหน่วยเลยทีเดียว”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบคางพร้อมคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเลขาไป๋ไปว่า
”หลังจากล่าพ่อค้าอาวุธ ก็มาเป็นเซรุ่มซุปเปอร์ทหารงั้นเหรอ ? มันจะข้ามขั้นไปหน่อยหรือเปล่า ?”
เลขาไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกับตบไหล่เทียนหลางเบาๆ
”อย่าคิดมากไปเลย ฉันรู้ว่าเธอนะสามารถรับมือกับพวกนี้ได้อย่างแน่นอน เอาละฉันยังมีงานที่ต้องไปจัดการอีกคงต้องแยกกันแล้ว”
เมื่อพูดจบเลขาไป๋ก็จากไปทันทีโดยไม่สังเกตุเห็นเทียนหลางที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอย่างหนักเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame